เทรด Option คืออะไร: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ในตลาด TFEX

ภาพประกอบ: นักลงทุนศึกษาเรื่อง Option ในตลาดการเงินไทย พร้อมโลโก้ TFEX และแผนภูมิดิจิทัล

บทนำ: ทำไมคุณควรรู้จัก “Option” ในตลาดการเงินไทย

ในโลกของการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายในพอร์ตจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึง การเทรดออปชั่น ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่นักลงทุนชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ ตลาดอนุพันธ์อย่าง TFEX ได้เปิดช่องทางให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงเครื่องมือนี้ได้อย่างเป็นระบบและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ออปชั่นไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็งกำไร แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และสร้างรายได้ในสภาวะตลาดที่หลากหลาย ไม่ว่าดัชนีจะขึ้น ลง หรือทรงตัว นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์ออปชั่นเพื่อสร้างผลตอบแทนหรือคุ้มครองพอร์ตการลงทุนได้ ด้วยคุณสมบัติหลักที่ให้ “สิทธิ์แต่ไม่ผูกมัด” ทำให้ผู้ซื้อมีความยืดหยุ่นสูง แต่ก็ต้องแลกมากับความซับซ้อนและความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจพื้นฐานของออปชั่นในบริบทของตลาดไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่ความหมาย กลไกการทำงาน ประเภทของออปชั่น ศัพท์เฉพาะที่ต้องรู้ ไปจนถึงข้อควรระวังและแนวทางบริหารความเสี่ยง เพื่อให้คุณมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกของการเทรดออปชั่นอย่างมั่นใจ

ภาพประกอบ: สมดุลระหว่างสิทธิ์และภาระผูกพันในสัญญาออปชั่น

Option คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานของสัญญาออปชั่น

ออปชั่น หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Option คือ สัญญาทางการเงินที่มอบ “สิทธิ์” ให้ผู้ถือสัญญาสามารถเลือกที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (เรียกว่า ราคาใช้สิทธิ์) ภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา หรือในวันหมดอายุ โดยที่ผู้ซื้อสัญญานี้ไม่มีภาระผูกพันใด ๆ หากการใช้สิทธิ์ไม่เป็นประโยชน์ก็สามารถปล่อยให้สัญญาหมดอายุไปได้

สิ่งที่แลกมาเพื่อสิทธิ์นี้คือ “ค่าพรีเมียม” ซึ่งผู้ซื้อต้องจ่ายให้กับผู้ขายออปชั่น (หรือที่เรียกว่าผู้เขียนออปชั่น) ทันทีที่ทำรายการ ค่าพรีเมียมนี้ถือเป็นต้นทุนของผู้ซื้อ และเป็นรายได้ทันทีสำหรับผู้ขาย แม้ว่าผู้ซื้อจะไม่ใช้สิทธิ์ก็ตาม

ความแตกต่างหลักที่ทำให้ออปชั่นโดดเด่นคือ ความไม่สมมาตรของสิทธิ์และภาระผูกพัน: ผู้ซื้อมีสิทธิ์แต่ไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ขณะที่ผู้ขายมีภาระผูกพันต้องปฏิบัติตามสัญญาทันทีหากผู้ซื้อตัดสินใจใช้สิทธิ์ ไม่ว่าจะขาดทุนมากเพียงใด

ความแตกต่างระหว่าง Option กับหุ้นและฟิวเจอร์ส

เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ลองเปรียบเทียบออปชั่นกับเครื่องมือการลงทุนอีกสองประเภทที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยที่สุด ได้แก่ หุ้นและฟิวเจอร์ส

คุณสมบัติ หุ้น (Stock) ฟิวเจอร์ส (Futures) ออปชั่น (Option)
สิทธิ/ภาระ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ มีภาระผูกพันในการซื้อ/ขาย ผู้ซื้อมีสิทธิ์แต่ไม่ผูกมัด / ผู้ขายมีภาระผูกพัน
การเป็นเจ้าของ เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นสัญญาซื้อขายในอนาคต ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นสิทธิ์ในการซื้อ/ขาย
เงินลงทุนเริ่มต้น ซื้อเต็มจำนวน หรือใช้มาร์จิ้น วางเงินประกัน (Margin) จ่ายค่าพรีเมียม (Premium)
ความเสี่ยงสูงสุด (ผู้ซื้อ) เงินลงทุนเต็มจำนวน ไม่จำกัด (อาจสูงกว่าเงินประกัน) ค่าพรีเมียมที่จ่ายไป
ความเสี่ยงสูงสุด (ผู้ขาย) ไม่จำกัด (อาจสูงกว่าเงินประกัน) ไม่จำกัด (อาจสูงกว่าเงินประกัน)
วันหมดอายุ ไม่มี มีวันหมดอายุ มีวันหมดอายุ
วัตถุประสงค์หลัก เก็งกำไร/ลงทุนระยะยาว เก็งกำไร/บริหารความเสี่ยง เก็งกำไร/บริหารความเสี่ยง/สร้างรายได้
ภาพเปรียบเทียบ: หุ้น ฟิวเจอร์ส และออปชั่น ในตลาดการเงิน

ประเภทของ Option: Call Option และ Put Option

ออปชั่นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักลงทุนทุกคนต้องเข้าใจ ได้แก่ Call Option และ Put Option ทั้งสองประเภทตอบสนองต่มุมมองที่แตกต่างกันของตลาด

Call Option (คอลออปชั่น)

Call Option หรือ ออปชั่นซื้อ คือ สิทธิ์ในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (ราคาใช้สิทธิ์) ภายในวันหมดอายุ นักลงทุนที่คาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์จะปรับตัวสูงขึ้นจะเลือกซื้อ Call Option เพื่อประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่า

ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อว่าดัชนี SET50 จะขึ้นจาก 1,000 จุด คุณอาจซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ์ 1,020 จุด โดยจ่ายค่าพรีเมียม 10 จุด หากดัชนีเพิ่มขึ้นเป็น 1,050 จุด คุณสามารถใช้สิทธิ์ซื้อที่ 1,020 จุด แล้วนำไปขายในตลาดได้ที่ 1,050 จุด ทำให้ได้กำไร 20 จุดหลังหักค่าพรีเมียม แต่หากดัชนีไม่ถึง 1,020 จุด คุณก็เพียงสูญเสียค่าพรีเมียม 10 จุดเท่านั้น

สำหรับผู้ขาย Call Option พวกเขาจะได้รับค่าพรีเมียมทันที แต่ต้องรับภาระผูกพัน หากผู้ซื้อใช้สิทธิ์ ผู้ขายอาจต้องขายในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนไม่จำกัดหากดัชนีพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง

Put Option (พุทออปชั่น)

Put Option หรือ ออปชั่นขาย คือ สิทธิ์ในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ ภายในระยะเวลาที่ระบุ นักลงทุนที่คาดว่าราคาจะลดลงจะใช้เครื่องมือนี้เพื่อป้องกันความเสียหายหรือเก็งกำไรจากแนวโน้มขาลง

สมมติว่า SET50 อยู่ที่ 1,000 จุด คุณกังวลว่าตลาดจะปรับตัวลง จึงซื้อ Put Option ที่ราคาใช้สิทธิ์ 980 จุด พร้อมจ่ายค่าพรีเมียม 10 จุด หากดัชนีลดลงเหลือ 950 จุด คุณสามารถใช้สิทธิ์ขายที่ 980 จุด ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด ทำให้ได้กำไร 20 จุดหลังหักค่าพรีเมียม

ในทางกลับกัน ผู้ขาย Put Option จะได้รับค่าพรีเมียม แต่ต้องรับภาระซื้อในราคาที่กำหนดไว้หากผู้ซื้อใช้สิทธิ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนหากดัชนีดิ่งลงอย่างรุนแรง

ศัพท์สำคัญที่ควรรู้ในการเทรด Option

การเข้าใจศัพท์เฉพาะเป็นก้าวสำคัญสู่การเทรดออปชั่นอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำศัพท์หลักที่นักลงทุนควรรู้จัก

  • ราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price): ราคาที่ผู้ซื้อออปชั่นสามารถใช้สิทธิ์ซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงได้
  • วันหมดอายุ (Expiration Date): วันสุดท้ายที่สามารถใช้สิทธิ์ตามสัญญาได้ หลังจากนี้สัญญาจะหมดผล
  • สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset): สิ่งที่สัญญาออปชั่นอิงอยู่ เช่น ดัชนี SET50 หุ้นรายตัว หรือทองคำ
  • ขนาดสัญญา (Contract Size): ปริมาณสินทรัพย์อ้างอิงที่สัญญาครอบคลุม เช่น SET50 Index Options มีขนาด 200 บาทต่อ 1 จุดดัชนี
  • ค่าพรีเมียม (Premium): ราคาของสัญญาออปชั่นที่ผู้ซื้อจ่ายให้ผู้ขาย
  • มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value): ผลต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาใช้สิทธิ์ หากเป็นบวก สำหรับ Call คือ ราคาตลาดลบด้วยราคาใช้สิทธิ์ ส่วน Put คือ ราคาใช้สิทธิ์ลบด้วยราคาตลาด
  • มูลค่าตามเวลา (Time Value): ส่วนต่างของพรีเมียมที่เกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง ลดลงทุกวันตามกาลเวลา
  • สถานะของออปชั่น (Moneyness): แบ่งเป็น In-the-money (มีมูลค่าทันที), At-the-money (ราคาใกล้เคียงกับราคาใช้สิทธิ์) และ Out-of-the-money (ไม่มีมูลค่าทันที)

การทำงานของการเทรด Option: ซื้อขายอย่างไร?

การเทรดออปชั่นมีสองบทบาทหลัก: การซื้อ (Holder) และการขาย (Writer) ซึ่งแต่ละฝ่ายมีแรงจูงใจและโครงสร้างผลตอบแทนที่ต่างกัน

  1. การซื้อออปชั่น: นักลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิ์เพื่อเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยง โดยจ่ายค่าพรีเมียมทันที ความเสี่ยงสูงสุดคือสูญเสียค่าพรีเมียมทั้งหมด แต่มีโอกาสได้กำไรไม่จำกัดในบางกรณี เช่น ซื้อ Call ขณะดัชนีพุ่ง
  2. การขายออปชั่น: นักลงทุนที่ต้องการรับค่าพรีเมียมเป็นรายได้ทันที แต่ต้องวางเงินประกันและรับภาระผูกพัน หากผู้ซื้อใช้สิทธิ์ ความเสี่ยงของการขาดทุนไม่จำกัดทำให้กลยุทธ์นี้ไม่เหมาะกับมือใหม่

ตัวอย่างใน TFEX: นักลงทุน A ซื้อ SET50 Call Option ราคาใช้สิทธิ์ 950 จุด พรีเมียม 15 จุด ขนาดสัญ