บทนำ: ทำความเข้าใจ SWIFT Code หัวใจสำคัญของการโอนเงินระหว่างประเทศ

ในยุคที่เศรษฐกิจไร้พรมแดน การส่งและรับเงินข้ามประเทศไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าสินค้าออนไลน์จากต่างชาติ การรับเงินเดือนจากบริษัทต่างประเทศ หรือการส่งเงินให้ครอบครัวที่อยู่ต่างแดน ทุกการโอนเงินเหล่านี้ต้องอาศัยระบบการเงินที่เชื่อมโยงกันอย่างแม่นยำและปลอดภัย หนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้คือ “รหัส SWIFT” หรือที่บางคนอาจคุ้นเคยในชื่อ BIC ซึ่งทำหน้าที่เหมือนที่อยู่เฉพาะของธนาคารในระดับสากล บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมมองของ SWIFT Code ตั้งแต่ความหมาย โครงสร้าง ความสำคัญ ไปจนถึงวิธีการค้นหารหัสของธนาคารชั้นนำในประเทศไทย เพื่อให้คุณทำธุรกรรมข้ามประเทศได้อย่างมั่นใจ แม่นยำ และไม่สะดุด
SWIFT Code คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

SWIFT Code คือรหัสสากลที่ใช้ระบุตัวตนของธนาคารหรือสถาบันการเงินในระดับนานาชาติ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารข้อมูลทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก คล้ายกับที่อยู่ในการส่งจดหมาย หากไม่มีรหัสนี้ ระบบการโอนเงินข้ามประเทศจะไม่สามารถระบุได้ว่าเงินควรไปถึงธนาคารใด ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาด เช่น เงินล่าช้า ถูกตีกลับ หรือส่งผิดปลายทางได้ ด้วยเหตุนี้ รหัส SWIFT จึงกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในระบบการเงินสมัยใหม่ โดยเฉพาะเมื่อมีการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบธนาคาร
ความหมายและที่มาของ SWIFT Code / BIC
คำว่า SWIFT มาจากชื่อเต็ม **Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication** หรือ “องค์กรสำหรับการสื่อสารทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก” ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1973 โดยกลุ่มธนาคารจากยุโรปและอเมริกา ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบสื่อสารที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน ในช่วงเวลานั้น ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศยังพึ่งพากฎหมายและกระบวนการที่ซับซ้อน ทำให้เกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาดบ่อยครั้ง SWIFT จึงเข้ามาเปลี่ยนเกมด้วยการสร้างเครือข่ายกลางที่เชื่อมโยงสถาบันการเงินกว่า 11,000 แห่งในกว่า 200 ประเทศ ทำให้การโอนเงินข้ามประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยมากขึ้น

ในทางปฏิบัติ คำว่า SWIFT Code กับ BIC (Bank Identifier Code) ใช้แทนกันได้โดยสมบูรณ์ เพราะทั้งสองมีความหมายเดียวกัน คือรหัสระบุธนาคารที่ใช้ในธุรกรรมข้ามประเทศ แม้ SWIFT จะเป็นชื่อขององค์กร แต่รหัสที่องค์กรนี้กำหนดก็ถูกเรียกว่า SWIFT Code หรือ BIC ได้ตามความนิยมในแต่ละภูมิภาค สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทและโครงสร้างขององค์กร สามารถเข้าชมได้ที่ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ SWIFT
โครงสร้างของ SWIFT Code: ถอดรหัสแต่ละส่วน
SWIFT Code หรือ BIC ประกอบด้วยตัวอักษร 8 หรือ 11 ตัว โดยแต่ละส่วนมีหน้าที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งการเข้าใจโครงสร้างจะช่วยให้คุณตรวจสอบความถูกต้องได้ง่ายขึ้น โดยแบ่งออกเป็นดังนี้:
– **ตัวอักษร 4 ตัวแรก (รหัสธนาคาร)**: ใช้ระบุชื่อธนาคาร เช่น “KASI” สำหรับธนาคารกสิกรไทย หรือ “SCB” สำหรับธนาคารไทยพาณิชย์
– **ตัวอักษร 2 ตัวถัดมา (รหัสประเทศ)**: ใช้รหัสตามมาตรฐาน ISO 3166-1 alpha-2 ซึ่งระบุประเทศที่ธนาคารตั้งอยู่ เช่น “TH” สำหรับประเทศไทย “US” สำหรับสหรัฐอเมริกา
– **ตัวอักษร 2 ตัวถัดมา (รหัสเมืองหรือสถานที่)**: บ่งบอกถึงเมืองหรือสาขาหลักของธนาคาร เช่น “BK” สำหรับกรุงเทพมหานคร
– **ตัวอักษร 3 ตัวสุดท้าย (รหัสสาขา – ไม่จำเป็น)**: ใช้ระบุสาขาเฉพาะของธนาคาร หากไม่มีส่วนนี้ (คือมีแค่ 8 ตัว) หมายถึงการส่งไปยังสำนักงานใหญ่โดยอัตโนมัติ
**ตัวอย่างการถอดรหัส**:
– **KASITHBK**: ธนาคารกสิกรไทย (KASI) ในประเทศไทย (TH) สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ (BK) – ไม่ระบุสาขา
– **BBLIDU3X**: ธนาคารกรุงเทพ (BBLI) ในประเทศไทย (TH) ที่กรุงเทพฯ (BK) ซึ่ง “DU3X” เป็นรหัสเฉพาะของสำนักงานใหญ่
การเข้าใจโครงสร้างนี้ช่วยให้คุณสังเกตได้ว่ารหัสที่ใช้อยู่ถูกต้องหรือไม่ เช่น หากเห็นรหัสประเทศผิด (เช่น ใช้ SG แทน TH) อาจเป็นสัญญาณของข้อมูลที่ผิดพลาด
SWIFT Code ใช้ทำอะไรและเมื่อไหร่ที่ต้องใช้?
แม้หลายคนอาจคิดว่า SWIFT Code ใช้แค่เวลาส่งเงินไปต่างประเทศ แต่ความจริงแล้วมันมีบทบาทกว้างขวางกว่านั้น โดยเฉพาะในธุรกรรมที่ต้องเชื่อมโยงกับธนาคารต่างชาติ
วัตถุประสงค์หลักของการใช้ SWIFT Code
จุดประสงค์หลักของ SWIFT Code คือการระบุธนาคารปลายทางอย่างแม่นยำในระบบการเงินสากล ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้:
– **การโอนเงินจากไทยไปยังต่างประเทศ**: เมื่อคุณต้องการส่งเงินผ่านธนาคารไปยังบัญชีในต่างประเทศ ธนาคารของคุณจะต้องใช้ SWIFT Code ของธนาคารผู้รับเพื่อส่งคำสั่งโอนอย่างถูกต้อง
– **การรับเงินจากต่างประเทศ**: หากมีใครสักคนหรือองค์กรต่างชาติต้องการส่งเงินมาให้คุณในประเทศไทย พวกเขาจำเป็นต้องรู้ SWIFT Code ของธนาคารที่คุณใช้ เพื่อให้เงินไม่หลงทาง
– **การชำระเงินทางธุรกิจข้ามชาติ**: สำหรับบริษัทที่นำเข้าหรือส่งออกสินค้า การชำระเงินให้กับคู่ค้าต่างประเทศผ่านระบบธนาคารจะต้องใช้รหัสนี้ประกอบกับเลขที่บัญชี
– **การรับเงินเดือนจากต่างประเทศ**: ชาวไทยที่ทำงานให้บริษัทข้ามชาติ หรือฟรีแลนซ์ที่รับงานจากลูกค้าต่างประเทศ มักต้องให้ SWIFT Code ควบคู่กับเลขบัญชีเพื่อรับเงิน
ข้อแตกต่างระหว่าง SWIFT Code กับเลขบัญชีธนาคาร
ความสับสนที่พบบ่อยคือการนำ SWIFT Code ไปสับสนกับเลขบัญชีธนาคาร ซึ่งทั้งสองมีหน้าที่คนละอย่าง:
– **SWIFT Code**: ระบุ “ธนาคาร” ที่เป็นปลายทาง เช่น เงินจะไปเข้าที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาไหนในประเทศไทย
– **เลขบัญชีธนาคาร**: ระบุ “บัญชีผู้รับ” ภายในธนาคารนั้น เช่น เงินจะเข้าบัญชีของคุณซึ่งมีเลข 123-4-56789-0
ดังนั้น การโอนเงินระหว่างประเทศให้สำเร็จ คุณต้องให้ข้อมูลทั้งสองอย่างพร้อมกัน หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ธนาคารอาจปฏิเสธคำสั่งโอนหรือใช้เวลานานในการตรวจสอบ สำหรับประเทศในยุโรปและบางภูมิภาค อาจใช้ระบบ IBAN (International Bank Account Number) ที่รวมทั้งรหัสธนาคารและเลขบัญชีไว้ด้วยกัน แต่ในประเทศไทยยังคงใช้ SWIFT Code และเลขบัญชีแยกกันอย่างชัดเจน
วิธีค้นหา SWIFT Code ของธนาคารต่างๆ ในประเทศไทย
การได้มาซึ่ง SWIFT Code ที่ถูกต้องคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการโอนเงินข้ามประเทศ แม้บางธนาคารจะใช้รหัสเดียวกันสำหรับสำนักงานใหญ่ แต่บางแห่งมีรหัสเฉพาะสำหรับแต่ละสาขา ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลให้แม่นยำทุกครั้ง
ช่องทางทั่วไปในการค้นหา SWIFT Code
คุณสามารถหาข้อมูล SWIFT Code ได้จากหลายช่องทางที่เชื่อถือได้ ดังนี้:
1. **เว็บไซต์ทางการของธนาคาร**: ธนาคารส่วนใหญ่จะจัดเตรียมข้อมูลนี้ไว้ในหน้า “บริการต่างประเทศ”, “โอนเงินต่างประเทศ” หรือ “คำถามที่พบบ่อย”
2. **แอปพลิเคชันมือถือของธนาคาร**: บางแอปมีเมนูเฉพาะสำหรับการโอนเงินต่างประเทศ ซึ่งแสดง SWIFT Code อัตโนมัติ หรือมีคำแนะนำการกรอกรหัส
3. **สอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง**: ทั้งที่สาขาหรือผ่าน Call Center ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะได้ข้อมูลจากแหล่งต้นทาง
4. **เอกสารการโอนเงินก่อนหน้า**: หากคุณเคยได้รับเงินจากต่างประเทศ ใบแจ้งยอดหรืออีเมลยืนยันการโอนมักจะระบุ SWIFT Code ไว้
5. **เว็บไซต์รวบรวมรหัส SWIFT**: มีเว็บไซต์หลายแห่งที่รวบรวมข้อมูลนี้ แต่ควรใช้เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น และต้องตรวจสอบกับธนาคารอีกครั้งก่อนใช้งานจริง
รวม SWIFT Code ธนาคารไทยยอดนิยม (ตาราง)
ด้านล่างนี้คือรหัส SWIFT ของธนาคารชั้นนำในประเทศไทยที่มักใช้ในธุรกรรมต่างประเทศ:
SWIFT Code ธนาคารกสิกรไทย (Kasikornbank)
– **รหัส SWIFT Code:** KASITHBK
– **วิธีหาเพิ่มเติม:** เข้าเว็บไซต์ kasikornbank.com ไปที่เมนูบริการต่างประเทศ หรือสอบถามผ่าน K-Contact Center
SWIFT Code ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Bank)
– **รหัส SWIFT Code:** KRTHTHBK
– **วิธีหาเพิ่มเติม:** ตรวจสอบได้ในส่วน “บริการต่างประเทศ” บนเว็บไซต์ krungthai.com หรือโทรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
SWIFT Code ธนาคารไทยพาณิชย์ (Siam Commercial Bank)
– **รหัส SWIFT Code:** SICOTHBK
– **วิธีหาเพิ่มเติม:** เข้าเว็บไซต์ scb.co.th ไปที่หัวข้อ “โอนเงินต่างประเทศ” หรือสอบถามที่สาขาทั่วประเทศ
SWIFT Code ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank)
– **รหัส SWIFT Code:** BBLIDU3X
– **วิธีหาเพิ่มเติม:** ข้อมูลนี้ระบุชัดเจนในเว็บไซต์ bangkokbank.com ภายใต้บริการสำหรับลูกค้าต่างประเทศ
SWIFT Code ธนาคารอื่นๆ ในประเทศไทย
ตารางด้านล่างนี้รวบรวมรหัส SWIFT ของธนาคารอื่นที่มีการใช้งานบ่อยในธุรกรรมข้ามประเทศ:
| ชื่อธนาคาร (ภาษาไทย) | ชื่อธนาคาร (ภาษาอังกฤษ) | SWIFT Code / BIC |
| :————————- | :—————————– | :————— |
| ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีเอ็มบีธนชาต) | TMBThanachart Bank (ttb) | TMBKTHBK |
| ธนาคารเกียรตินาคินภัทร | Kiatnakin Phatra Bank | KIPATHBK |
| ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) | United Overseas Bank (Thai) | UOVBTHBK |
| ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย | CIMB Thai Bank | CIMBTHBK |
| ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | Bank of Ayudhya (Krungsri) | AYUDTHBK |
| ธนาคารออมสิน | Government Savings Bank (GSB) | GSBATHBK |
| ธนาคารอาคารสงเคราะห์ | Government Housing Bank (GHB) | GHBATHBK |
| ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | Small and Medium Enterprise Development Bank of Thailand | SMETTHBK |
*หมายเหตุ: ข้อมูลนี้อ้างอิง ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน ผู้ใช้ควรตรวจสอบกับธนาคารโดยตรงก่อนทำธุรกรรมจริง เพื่อความแม่นยำและปลอดภัย*
ข้อควรระวังและปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ SWIFT Code
แม้การใช้ SWIFT Code จะดูเรียบง่าย แต่ข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการโอนเงินจำนวนมาก
การกรอกรหัส SWIFT Code ผิดพลาด: ผลกระทบและวิธีแก้ไข
การพิมพ์ SWIFT Code ผิดแม้เพียงตัวเดียว อาจทำให้เกิดปัญหาดังนี้:
– **การโอนล่าช้าหรือถูกปฏิเสธ**: ธนาคารปลายทางไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ทำให้การดำเนินการถูกระงับหรือถูกตีกลับ
– **ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม**: ธนาคารอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการแก้ไข หรือค่าธรรมเนียมการคืนเงิน
– **เงินส่งผิดธนาคาร**: หากคุณกรอกรหัสที่ตรงกับธนาคารอื่นโดยบังเอิญ เงินอาจไปถึงปลายทางผิด และการตามคืนเงินอาจใช้เวลานานเป็นสัปดาห์หรือเดือน
หากคุณเพิ่งสังเกตว่ากรอกรหัสผิด ควรรีบติดต่อธนาคารที่คุณใช้บริการทันที โดยแจ้งเลขที่อ้างอิงการโอนและรายละเอียดทั้งหมด ธนาคารจะเริ่มกระบวนการติดต่อธนาคารปลายทางเพื่อขอยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งโอน ยิ่งดำเนินการเร็วเท่าไร โอกาสกู้คืนเงินก็ยิ่งสูงขึ้น
ตรวจสอบความถูกต้องก่อนทำธุรกรรมเสมอ
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนกดยืนยัน โดยเฉพาะ:
– ยืนยัน SWIFT Code และเลขบัญชีกับผู้รับโดยตรง ไม่ใช่แค่เชื่อจากอีเมลหรือข้อความที่ส่งมา
– ใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของธนาคาร ไม่พึ่งพาเว็บไซต์บุคคลที่สามโดยไม่ตรวจสอบซ้ำ
– ทบทวนทุกช่องข้อมูล ทั้งชื่อผู้รับ เลขบัญชี SWIFT Code จำนวนเงิน และสกุลเงิน ก่อนกดยืนยัน
คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
นอกเหนือจากการตรวจสอบรหัส ควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้เพื่อลดความเสี่ยง:
– **เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ**: ใช้บริการผ่านธนาคารที่มีเครือข่ายต่างประเทศหรือผู้ให้บริการโอนเงินที่มีชื่อเสียง
– **ระวังการหลอกลวง**: อย่าโอนเงินให้ใครที่คุณไม่รู้จักจริง หรือให้ข้อมูลบัญชีกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นพนักงานธนาคารผ่านโทรศัพท์หรือข้อความ
– **เก็บข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นความลับ**: อย่าเปิดเผยรหัสผ่าน OTP หรือข้อมูลบัญชีผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย
– **เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยน**: ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินต่างประเทศอาจสูง ควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม (ผู้ส่ง ผู้รับ หรือแบ่งกัน) และเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนจากหลายช่องทาง
สรุป
SWIFT Code คือหัวใจหลักที่ทำให้ระบบการเงินระหว่างประเทศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันไม่ใช่เพียงรหัสธรรมดา แต่เป็นตัวระบุที่ช่วยให้เงินของคุณเดินทางข้ามทวีปได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย การเข้าใจโครงสร้าง วิธีการใช้งาน และแหล่งที่มาของรหัสนี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่มีส่วนร่วมในธุรกรรมข้ามประเทศ ไม่ว่าจะในฐานะบุคคลธรรมดาหรือผู้ประกอบการ ธุรกิจเล็กๆ หรือองค์กรใหญ่ ความรอบคอบในการตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรมจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจตามมาได้อย่างมหาศาล หวังว่าคู่มือนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจและทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้อย่างราบรื่น
1. SWIFT Code ธนาคารกสิกรไทยคืออะไร? และหาได้จากไหน?
SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทยคือ KASITHBK คุณสามารถหาได้จากเว็บไซต์ทางการของธนาคารกสิกรไทย ในส่วนบริการต่างประเทศ หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง
2. SWIFT Code ธนาคารกรุงไทยแตกต่างจากธนาคารอื่นอย่างไร?
SWIFT Code ของธนาคารกรุงไทยคือ KRTHTHBK ซึ่งมีโครงสร้างเหมือนกับ SWIFT Code ของธนาคารอื่นๆ คือประกอบด้วยรหัสธนาคาร รหัสประเทศ และรหัสสถานที่ สิ่งที่แตกต่างคือรหัสธนาคาร (KRTHTH) ที่ใช้ระบุธนาคารกรุงไทยโดยเฉพาะ
3. ถ้าไม่มี SWIFT Code สามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว การโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบธนาคารจำเป็นต้องใช้ SWIFT Code เพื่อระบุธนาคารผู้รับปลายทางอย่างถูกต้อง หากไม่มี SWIFT Code การโอนเงินอาจไม่สำเร็จ หรือถูกตีกลับได้ อย่างไรก็ตาม มีทางเลือกอื่น เช่น การใช้บริการโอนเงินดิจิทัลบางประเภทที่ไม่ต้องใช้ SWIFT Code แต่ก็มีข้อจำกัดและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป
4. SWIFT Code กับ BIC Code เหมือนกันหรือไม่?
ใช่ SWIFT Code กับ BIC Code (Bank Identifier Code) เป็นคำที่ใช้แทนกันได้และมีความหมายเดียวกัน ทั้งสองคำนี้หมายถึงรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้ระบุธนาคารและสถาบันการเงินในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
5. ต้องใช้ SWIFT Code ในกรณีใดบ้าง?
คุณต้องใช้ SWIFT Code ในกรณีที่ต้องการ:
- โอนเงินจากประเทศไทยไปยังบัญชีธนาคารในต่างประเทศ
- รับเงินโอนจากต่างประเทศเข้าบัญชีธนาคารในประเทศไทย
- ชำระค่าสินค้าหรือบริการระหว่างประเทศผ่านระบบธนาคาร
- รับเงินเดือนหรือค่าจ้างจากนายจ้างในต่างประเทศ
6. จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากรอก SWIFT Code ผิดพลาด?
หากกรอก SWIFT Code ผิดพลาด อาจทำให้:
- เงินโอนล่าช้า หรือถูกตีกลับ
- มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการแก้ไขข้อมูล
- ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เงินอาจถูกโอนไปยังธนาคารที่ไม่ถูกต้อง
ควรรีบติดต่อธนาคารที่คุณทำธุรกรรมทันทีที่ทราบข้อผิดพลาด
7. SWIFT Code ของธนาคารไทยพาณิชย์คืออะไร?
SWIFT Code ของธนาคารไทยพาณิชย์คือ SICOTHBK
8. สามารถค้นหา SWIFT Code ธนาคารกรุงเทพได้จากช่องทางใดบ้าง?
คุณสามารถค้นหา SWIFT Code ของธนาคารกรุงเทพ (BBLIDU3X) ได้จาก:
- เว็บไซต์ทางการของธนาคารกรุงเทพ
- สอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารที่สาขา
- ติดต่อ Call Center ของธนาคาร
- ตรวจสอบจากเอกสารการโอนเงินระหว่างประเทศที่คุณเคยได้รับ
9. มีค่าธรรมเนียมในการใช้ SWIFT Code สำหรับการโอนเงินต่างประเทศหรือไม่?
การใช้ SWIFT Code เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศอยู่แล้ว ค่าธรรมเนียมนี้ไม่ได้มาจากการใช้ SWIFT Code โดยตรง แต่เป็นค่าบริการสำหรับการดำเนินการโอนเงินข้ามประเทศ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคารและประเทศปลายทาง
10. SWIFT Code มีส่วนประกอบอะไรบ้าง และแต่ละส่วนหมายถึงอะไร?
SWIFT Code ประกอบด้วยอักขระ 8 หรือ 11 ตัว ดังนี้:
- 4 ตัวอักษรแรก: รหัสธนาคาร
- 2 ตัวอักษรถัดมา: รหัสประเทศ
- 2 ตัวอักษรถัดมา: รหัสสถานที่/เมือง
- 3 ตัวอักษรสุดท้าย (ไม่บังคับ): รหัสสาขา
ตัวอย่างเช่น KASITHBK หมายถึง ธนาคารกสิกรไทย (KASI) ในประเทศไทย (TH) ที่สำนักงานใหญ่ (BK)