IC Markets รีวิวฉบับสมบูรณ์ 2025: ดีไหม? โกงไหม? สำหรับเทรดเดอร์ไทย
ในยุคที่การเทรดออนไลน์กลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว IC Markets ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ Forex และ CFD ด้วยปริมาณการเทรดที่สูง และการให้บริการในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับสถาบันชั้นนำ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมของ IC Markets โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดจากประเทศไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าแพลตฟอร์มนี้ตอบโจทย์การเทรดของคุณหรือไม่

บทนำ: เหตุผลที่นักเทรดควรพิจารณา IC Markets
หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ที่ผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพ การดำเนินการรวดเร็ว และค่าใช้จ่ายที่ต่ำ IC Markets คือหนึ่งในชื่อที่มักถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2007 บริษัทได้เติบโตอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นผู้นำด้านการซื้อขาย Forex และ CFD ระดับโลก ด้วยแนวทางการดำเนินงานที่เน้นความโปร่งใส ค่าคอมมิชชั่นต่ำ และสภาพคล่องสูง ทำให้เหมาะกับนักเทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดยเฉพาะเทรดเดอร์ชาวไทยที่ต้องการเข้าถึงตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
IC Markets คืออะไร? ประวัติความเป็นมาและวิสัยทัศน์
IC Markets ก่อตั้งขึ้นที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2007 โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ การเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การเทรดของนักลงทุนรายย่อยให้ได้ใกล้เคียงกับนักเทรดสถาบันมากที่สุด ด้วยการให้บริการสภาพคล่องจากธนาคารใหญ่ทั่วโลก ทำให้สามารถเสนอสเปรดต่ำ การดำเนินคำสั่งซื้อขายที่เร็ว และสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม
ผ่านเวลานานกว่า 15 ปี IC Markets ได้ขยายองค์กรไปยังหลายทวีป และดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานเกือบทุกภูมิภาค ปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายรายเดือนสูงถึงหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแล: IC Markets ปลอดภัยไหมสำหรับคนไทย?
นี่คือคำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่เรื่องของสเปรดหรือค่าธรรมเนียม แต่รวมถึงความปลอดภัยของเงินทุนและการตรวจสอบจากรัฐบาล ซึ่ง IC Markets สามารถผ่านเกณฑ์เหล่านี้ได้อย่างแข็งแกร่ง
หน่วยงานกำกับดูแลหลักที่ควบคุม IC Markets
IC Markets ไม่ใช่บริษัทเดียวที่คุณเคยว่าเป็น “โบรกเกอร์ IC” จริง ๆ แล้วบริษัทหลักแบ่งตามเขตอำนาจศาล และนักเทรดแต่ละประเทศจะถูกระบุภายใต้บริษัทย่อยที่แตกต่างกันไป หน่วยงานหลักที่ให้ใบอนุญาต ได้แก่:
- ASIC (สำนักงานกรรมการกล่าวอ้างการลงทุนและหลักทรัพย์ออสเตรเลีย): ถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดในโลก ประเทศชั้นนำหลายแห่งมักอ้างอิงมาตรฐานของ ASIC โดยลูกค้าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลนี้จะได้รับการแยกบัญชีลูกค้า การควบคุมเลเวอเรจ และประกันการชำระเงินสูงสุด 20,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
- CySEC (คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดไซปรัส): ทำหน้าที่ในพื้นที่ยุโรป ให้การรับรองที่เทียบเท่ากับมาตรฐานสหภาพยุโรป และมีมาตรการป้องกันผู้ลงทุนในระดับสูง
- SCB (คณะกรรมการหลักทรัพย์บาฮามาส): เขตนอกชายฝั่งที่เน้นความยืดหยุ่นในการให้บริการ โดยเฉพาะสำหรับการเทรดเลเวอเรจสูง
FSA Seychelles และบทบาทกับเทรดเดอร์ชาวไทย
สำหรับนักเทรดจากประเทศไทย ส่วนใหญ่จะถูกจัดให้อยู่ภายใต้บริษัทในเครือ Raw Trading Ltd. ซึ่งได้รับอนุญาตจาก Financial Services Authority (FSA) ของเซเชลส์ ภายใต้หมายเลขติดตาม SD018
แม้ว่า FSA เซเชลส์จะไม่จัดอยู่ในกลุ่ม Tier-1 เหมือน ASIC หรือ CySEC แต่ก็มีความโปร่งใสและต้องรายงานตัวตามมาตรฐานสากล จุดเด่นของเขตอำนาจแห่งนี้คือสามารถเสนอเลเวอเรจได้สูงถึง 1:1000 ซึ่งเหมาะกับนักเทรดบางกลุ่มที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานควรเข้าใจว่าระดับการคุ้มครองอาจต่ำกว่าพื้นที่ที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด
แม้จะไม่ใช่ “กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สุด” แต่ IC Markets ก็ยังคงตั้งมั่นในมาตรการความปลอดภัยระดับสูงเหมือนเช่นทุกแห่งที่ดำเนินงาน
การรักษาความปลอดภัยของเงินทุนและข้อมูลผู้ใช้
ความปลอดภัยของบัญชีและเงินทุนเป็นหัวใจสำคัญของ IC Markets ซึ่งมีมาตรการรัดกุมเพื่อป้องกันความเสี่ยง:
- แยกบัญชีลูกค้า (Segregated Accounts): เงินของลูกค้าจะถูกเก็บในบัญชีแยกจากเงินทุนดำเนินงานของบริษัท และฝากไว้กับธนาคารชั้นนำของออสเตรเลีย เช่น NAB และ Westpac ทำให้มั่นใจว่าเงินจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น
- การป้องกันยอดติดลบ (Negative Balance Protection): ฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ขาดทุนเกินกว่าเงินที่มีในบัญชี แม้เกิดสถานการณ์ตลาดผันผวนอย่างรุนแรง เช่น Flash Crash
- การเข้ารหัส SSL ระดับสูง: ทุกการเข้าใช้งานแพลตฟอร์มและข้อมูลลูกค้าถูกเข้ารหัสแบบ 256-bit เทียบเท่ากับธนาคารออนไลน์ระดับพรีเมียม
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะอยู่ในเขตอำนาจการกำกับดูแลนอกชายฝั่ง แต่ IC Markets ยังคงยึดถือพฤติกรรมของโบรกเกอร์ชั้นนำอย่างเคร่งครัด
ผลิตภัณฑ์การเทรด: คุณสามารถเทรดอะไรกับ IC Markets ได้บ้าง?
หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของ IC Markets คือความหลากหลายของสินทรัพย์ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนจากทุกตลาดสำคัญของโลก โดยเปิดให้เทรดผ่านรูปแบบ CFD สำหรับสินทรัพย์เหล่านี้:
- สกุลเงินต่างประเทศ (Forex): กว่า 60 คู่เงิน ครอบคลุม Major, Minor และ Exotic พร้อมสเปรดต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม
- คริปโตเคอร์เรนซี: รองรับ CFD บนสกุลเงินชั้นนำกว่า 20 สกุล รวมถึง Bitcoin, Ethereum, BNB และ Litecoin โดยเปิดเทรดตลอด 24/7
- หุ้นระดับโลก: กว่า 2,100 รายการ จาก NASDAQ, NYSE, LSE, DAX และอีกหลายตลาด เทรดได้โดยไม่ต้องมีหุ้นจริง
- ดัชนีตลาด: ครอบคลุมดัชนีหลักจาก S&P 500, NASDAQ 100, Dow Jones, DAX 40, FTSE 100 และอื่น ๆ มากกว่า 25 ตัว
- สินค้าโภคภัณฑ์: ทั้งโลหะ (ทองคำ, เงิน, แพลเลเดียม), พลังงาน (น้ำมันดิบ WTI, Brent, ก๊าซธรรมชาติ) และสินค้าเกษตร
- พันธบัตรรัฐบาล: ให้โอกาสลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสำคัญกว่า 9 ประเทศ
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures): CFD บนสินทรัพย์ Futures สำหรับผู้ที่เน้นการคาดการณ์ราคาในกรอบเวลาที่ยาวขึ้น
ความหลากหลายนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังหลายตลาดได้ภายในบัญชีเดียว ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนระดับมืออาชีพนิยมใช้ในยุคเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
ประเภทบัญชีและการตั้งค่าการเทรด
IC Markets ออกแบบประเภทบัญชีเพื่อตอบโจทย์นักเทรดในระดับต่าง ๆ ทั้งมือใหม่ถึงนักพัฒนากลยุทธ์ขั้นสูง มีบัญชีหลัก 3 ประเภทที่คุณควรรู้จัก
ประเภทบัญชีหลัก
- Standard Account: บัญชีทั่วไป เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- Raw Spread Account (MetaTrader): สำหรับมืออาชีพที่ต้องการ “สเปรดต่ำที่สุด”
- Raw Spread Account (cTrader): อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ขั้นสูงสำหรับการเทรดอัลกอริทึม
ทั้งสามบัญชีรองรับ บัญชีอิสลาม (Islamic Account) หรือ Swap-Free สำหรับนักเทรดที่ไม่ต้องการจ่ายหรือรับดอกเบี้ย
เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและคุณสมบัติของแต่ละบัญชี
-
บัญชี Standard:
- สเปรดเริ่มต้น: 0.8 pip (สำหรับ EUR/USD)
- ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
- โครงสร้างต้นทุน: รวมอยู่ในสเปรด
- เหมาะกับ: นักเทรดมือใหม่หรือผู้ที่ชอบการใช้งานแบบเข้าใจง่าย
-
บัญชี Raw Spread (MT4/MT5):
- สเปรด: เริ่มต้น 0.0 pip (เฉลี่ย 0.02-0.1 pip สำหรับ EUR/USD)
- ค่าคอมมิชชั่น: 7 USD ต่อล็อตมาตรฐาน (2 ทาง)
- เหมาะกับ: นักเทรดสเก็ปเปอร์, ผู้ใช้ EA, หรือผู้ที่เทรดบ่อย
-
บัญชี Raw Spread (cTrader):
- สเปรด: เริ่มต้น 0.0 pip (เฉลี่ย ~0.02 pip สำหรับ EUR/USD)
- ค่าคอมมิชชั่น: 6 USD ต่อล็อตมาตรฐาน
- คุณสมบัติเด่น: รองรับ Depth of Market และการดำเนินคำสั่งที่แม่นยำ
- เหมาะกับ: ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการควบคุมคำสั่งและบริหารสเปรดเอง
ข้อมูลจาก ForexBrokers.com ระบุว่า IC Markets คว้ารางวัล Best in Class 2025 ในประเภท “ค่าคอมมิชชั่นต่ำที่สุด” ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูง
เงื่อนไขเพิ่มเติม
- เงินฝากขั้นต่ำ: 200 USD
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:1000 (สำหรับลูกค้าภายใต้ FSA Seychelles)
- ขนาดล็อตขั้นต่ำ: 0.01 ล็อต
แม้ไม่มีบัญชี “Cent” สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเทรดด้วยเงินน้อยมาก แต่ข้อดีคือคุณภาพของการดำเนินการที่เหนือกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
แพลตฟอร์มการเทรด: เลือกใช้ตามสไตล์การเทรดของคุณ
IC Markets รู้ดีว่าเบื้องหลังความสำเร็จของการเทรด คือเครื่องมือที่เหมาะสม ดังนั้นจึงรองรับแพลตฟอร์มระดับโลกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการ
MetaTrader 4 และ MetaTrader 5
แพลตฟอร์มที่นิยมที่สุดในโลก ที่ IC Markets เชื่อมตรงเข้ากับศูนย์ข้อมูล Equinix NY4 ในนิวยอร์ก เพื่อให้คุณได้รับความเร็วในการส่งคำสั่งแบบที่คู่แข่งส่วนใหญ่ไม่สามารถเทียบได้
- MT4: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ใช้ง่าย รองรับ Expert Advisors (EA) มากที่สุด และมีรายการอินดิเคเตอร์มากมาย
- MT5: รุ่นอัปเกรดที่มาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น กรอบเวลาที่หลากหลายขึ้น, คำสั่งซื้อขายขั้นสูง, และความสามารถ Depth of Market
cTrader: การออกแบบมาเพื่อความโปร่งใส
cTrader เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยตรงจากระบบ ECN ทำให้เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำสุด
- อินเทอร์เฟซทันสมัยและใช้ง่าย
- แสดง Depth of Market (DOM) อย่างละเอียด ช่วยให้คุณเห็นออร์เดอร์ทั้งหมดในตลาด
- ใช้งานได้ทั้งเว็บ เดสก์ท็อป และมือถือ
- เหมาะสำหรับกลยุทธ์ Scalping และ Autotrading
TradingView และ IC Social: วิเคราะห์และคัดลอกการซื้อขายได้พร้อมกัน
- TradingView: ผสานกับแพลตฟอร์มหลัก ทำให้คุณสามารถวิเคราะห์กราฟขั้นสูงด้วยเครื่องมือระดับ World-Class และใช้ไอเดียจากชุมชนเทรดทั่วโลก
- IC Social: แพลตฟอร์มคัดลอกการเทรด (Copy Trading) ภายในของ IC Markets ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามผลตอบแทนของเทรดเดอร์ที่มีสถิติดี แล้วคัดลอกคำสั่งได้แบบอัตโนมัติ
การใช้งานบนมือถือ
ทั้ง MT4, MT5, และ cTrader มีแอปพลิเคชันสำหรับ iOS และ Android ที่รองรับการดูกราฟ เตือนราคา เทรด และติดตามพอร์ตได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์พกพา
ค่าธรรมเนียมและสเปรด: ข้อมูลจริงที่ไม่ปิดบัง
IC Markets โด่งดังจากการไม่ปิดบังค่าใช้จ่ายและเสนอโครงสร้างต้นทุนที่ยุติธรรม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการคำนวณผลกำไรในระยะยาว
สเปรดและค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ย
สำหรับ EUR/USD – สินทรัพย์หลักที่สุดของโลก:
- บัญชี Raw Spread (cTrader): สเปรดเฉลี่ย 0.02 pip + ค่าคอมมิชชั่น 6 USD = ต้นทุนรวม ~0.62 pip
- บัญชี Raw Spread (MT4/MT5): สเปรดเฉลี่ย 0.03 pip + 7 USD = ต้นทุนรวม ~0.72 pip
- บัญชี Standard: สเปรดเริ่มต้น 0.8 pip (ไม่มีค่าคอมมิชชั่น)
แม้ค่าคริปโตจะมีสเปรดสูงกว่าคู่ฟอเร็กซ์ แต่ยังคงอยู่ในระดับที่จัดว่า “แข่งขันได้” เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นที่มีสโลแกนเดียวกัน
ค่า Swap (ดอกเบี้ยข้ามคืน)
หากคุณถือสถานะข้ามคืน IC Markets จะมีการคิดหรือจ่าย ค่าสวอป ตามทิศทางการเทรด ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย และประเภทของสินทรัพย์ แนะนำให้ตรวจสอบในหน้าป๊อปอัปข้อมูลสินทรัพย์ของแพลตฟอร์มก่อนเปิดออร์เดอร์
ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ: มีหรือไม่?
IC Markets ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม สำหรับการฝากหรือถอนเงิน อย่างไรก็ตาม ธนาคารหรือระบบการโอนเงินของผู้ให้บริการ เช่น Skrill หรือโอนเงินตรงต่างประเทศ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของโบรกเกอร์
การฝากและถอนเงิน: บริการที่เหมาะกับนักเทรดไทย
จุดเด่นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ไทยคือ IC Markets ให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารท้องถิ่น ทำให้การเข้าสู่แพลตฟอร์มเป็นเรื่องสะดวกและรวดเร็ว
ช่องทางการฝากที่นิยมในประเทศไทย
คุณสามารถฝากเงินเข้าบัญชี IC Markets ด้วยวิธีการหลากหลาย ได้แก่:
- ธนาคารท้องถิ่น (Thai Internet Banking): รองรับธนาคารใหญ่หลายแห่ง เช่น กสิกร, กรุงเทพ, กรุงศรี โดยการโอนเงินมักดำเนินการ “ทันที”
- บัตรเครดิต/เดบิต (Visa/Mastercard): ฝากได้ทันที และใช้ง่ายสำหรับมือใหม่
- กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์: Skrill, Neteller, PayPal – รวดเร็วและปลอดภัย
- คริปโตเคอร์เรนซี: รองรับการฝากผ่าน Bitcoin, USDT และอื่น ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการแปลงสกุลเงิน
ช่องทางการถอนเงิน
หลักการคือ ถอนผ่านช่องทางเดียวกับที่ฝาก เพื่อความปลอดภัย:
- โอนเข้าธนาคารไทย: ถอนได้โดยตรง ส่วนใหญ่ขอรับการดำเนินการภายใน 1 วันทำการ โปรดเตรียมเอกสารยืนยันบัญชี เช่น ภาพถ่ายสมุดบัญชี
- บัตร: ใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการ
- กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์: มักถอนรวดเร็ว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้า Withdraw Funds ของ IC Markets Global
ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม
- การฝาก: ส่วนใหญ่ดำเนินการทันที โดยเฉพาะธนาคารในประเทศ
- การถอน: หากทำก่อน 12:00 น. (เวลา AEST) มักดำเนินการในวันเดียวกัน
- จำนวนขั้นต่ำ: ถอนขั้นต่ำ ~1 USD (ขึ้นกับช่องทาง)
- ชื่อบัญชีต้องตรงกัน: เพื่อป้องกันการฟอกเงิน
- ควรระวังอัตราแลกเปลี่ยน: การแปลงสกุลเงินอาจก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างฝาก-ถอนได้เล็กน้อย
เครื่องมือเสริมและแหล่งเรียนรู้
IC Markets ไม่ได้เน้นแค่การทำธุรกรรม แต่ยังส่งเสริมให้นักเทรดพัฒนาศักยภาพผ่านเครื่องมือสนับสนุนที่ครบวงจร
เครื่องมือขั้นสูงสำหรับนักเทรด
- VPS ฟรี: ให้บริการเซิร์ฟเวอร์เสมือนสำหรับลูกค้าที่เทรดมากกว่า 15 ล็อต/เดือน เพื่อให้ EA ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเปิดเครื่อง
- บัญชี MAM/PAMM: สำหรับผู้จัดการกองทุนที่ต้องการบริหารพอร์ตให้ลูกค้าหลายคนพร้อมกัน
- MT4 Tools: เครื่องมือเสริมสำหรับผู้ใช้ MT4 ที่เพิ่มฟังก์ชันคำสั่งอัตโนมัติและบริหารพอร์ต
- Copy Trading: รองรับ Myfxbook, ZuluTrade, และ IC Social เพื่อให้คุณคัดลอกเทรดเดอร์ประสบความสำเร็จ
- Autochartist และ Trading Central: เครื่องมือช่วยวิเคราะห์รูปแบบกราฟและแนวโน้มตลาดอัตโนมัติ
ศูนย์การเรียนรู้ (Trading Education)
มีบทความ วิดีโอ และเว็บีนาร์ (Webinar) ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น:
- ความรู้พื้นฐาน forex และ CFD
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน
- การจัดการความเสี่ยงและการควบคุมจิตใจในการเทรด
ทุกเนื้อหาเข้าถึงได้ฟรีผ่านเว็บไซต์หลัก
บริการลูกค้า: ช่วยเหลือทุกวัน ทุกเวลา
IC Markets มีทีมสนับสนุนที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ผ่านหลายช่องทาง:
- แชทสด (Live Chat): เร็วที่สุด โดยเฉลี่ยตอบกลับภายใน 2-3 นาที
- อีเมล: [email protected]
- โทรศัพท์: โทรฟรีจากไทยผ่านเบอร์ +661800011956
แม้จะมีบ้างที่รีวิวระบุว่าเจ้าหน้าที่ภาษาไทยอาจตอบช้าในบางช่วง แต่โดยรวมมีความเป็นมืออาชีพและสามารถจัดการปัญหาได้ดี
ข้อดีและข้อเสีย: สรุปอย่างเป็นกลาง
ข้อดี (สิ่งที่ IC Markets ทำได้ดี)
- สเปรดต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบัญชี Raw
- การดำเนินคำสั่งรวดเร็ว ด้วยการเชื่อมต่อตรงสู่ศูนย์ข้อมูลโลก
- รองรับการเทรดทุกสไตล์: Scalping, Hedging, EA, Copy Trading
- เลเวอเรจสูงถึง 1:1000 (เหมาะกับผู้ที่วิเคราะห์ความเสี่ยงได้ดี)
- มีความหลากหลายของแพลตฟอร์ม: MT4, MT5, cTrader, TradingView
- ไม่มีค่าธรรมเนียมซ่อนเร้นในการฝาก-ถอน
- สนับสนุนการเทรดจากประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ
- มีแหล่งการเรียนรู้และเครื่องมือวิเคราะห์ครบครัน
- การแยกบัญชีลูกค้าและป้องกันยอดติดลบ
- มีการคุ้มครองภายใต้หลายเขตอำนาจ
ข้อเสีย (สิ่งที่ควรพิจารณา)
- การดูแลภายใต้ FSA Seychelles อาจให้การคุ้มครองน้อยกว่า ASIC หรือ CySEC
- ค่าสเปรดคริปโตยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น
- มีค่า Swap สำหรับคำสั่งข้ามคืน
- ไม่มีบัญชี Cent สำหรับผู้มีทุนน้อยมาก
- เวลารอแชทบางครั้งอาจนานสำหรับภาษาไทย
- ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อฝาก-ถอนในสกุลต่างกัน
สรุป: IC Markets เหมาะกับคุณหรือไม่?
หากคุณมองหาโบรกเกอร์ที่ให้ ความเร็ว ต้นทุนต่ำ ความยืดหยุ่นสูง และเปิดโอกาสให้เข้าถึงตลาดโลก IC Markets คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในปี 2025
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยโดยเฉพาะ คุณจะได้รับความสะดวกจาก การรองรับธนาคารท้องถิ่น การสนับสนุนภาษาไทย และการจัดการการเทรดที่ยืดหยุ่น แม้จะอยู่ภายใต้ FSA Seychelles แต่คุณภาพการบริการและมาตรการความปลอดภัยยังคงระดับ Tier-1
อย่างไรก็ตาม การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่เรื่องของ “ชื่อเสียง” แต่คือ “ความเหมาะสม” กับสไตล์การเทรดของคุณ ดังนั้น ควรศึกษาเว็บไซต์หลัก ทดลองใช้บัญชีจำลอง (Demo) และทำความเข้าใจเงื่อนไขอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
IC Markets ดีไหมสำหรับมือใหม่?
IC Markets ถือว่าดีสำหรับมือใหม่ เนื่องจากมีบัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น มีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย (MT4/MT5) และมีแหล่งข้อมูลการศึกษาที่ครอบคลุม อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจที่สูงอาจต้องใช้ความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยง
IC Markets ฝากเงินขั้นต่ำกี่บาท?
เงินฝากขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 200 USD สำหรับการเปิดบัญชีแรก ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 7,000 – 8,000 บาทไทย ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้น แต่สำหรับการฝากผ่านช่องทางธนาคารท้องถิ่นไทย อาจมีขั้นต่ำที่ยืดหยุ่นกว่า
IC Markets ถอนเงินใช้เวลานานเท่าไหร่?
โดยทั่วไป IC Markets จะดำเนินการคำขอถอนเงินภายใน 24 ชั่วโมงในวันทำการ หากเป็นการถอนผ่านธนาคารไทย เงินอาจเข้าบัญชีภายใน 1 วันทำการหลังจากดำเนินการเสร็จสิ้น สำหรับบัตรเครดิต/เดบิตอาจใช้เวลา 3-5 วันทำการ
IC Markets มีค่าธรรมเนียมการฝากถอนไหม?
IC Markets ไม่ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมภายในสำหรับการฝากและถอนเงิน อย่างไรก็ตาม อาจมีค่าธรรมเนียมที่เกิดจากธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของ IC Markets
IC Markets โบรกเกอร์นี้มีใบอนุญาตอะไรบ้าง?
IC Markets ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง รวมถึง ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส) และ FSA (เซเชลส์) สำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทยมักจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FSA Seychelles (Raw Trading Ltd.)
IC Markets มีซัพพอร์ตภาษาไทย 24 ชั่วโมงไหม?
IC Markets ให้บริการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ และมีทีมงานที่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ผ่าน Live Chat, อีเมล และโทรศัพท์ (+661800011956)
IC Markets สเปรดและค่าคอมมิชชันเป็นอย่างไร?
IC Markets มีสเปรดที่แข่งขันได้สูง โดยเฉพาะบัญชี Raw Spread ที่เริ่มต้นจาก 0.0 pip พร้อมค่าคอมมิชชั่น 7 USD ต่อล็อตมาตรฐาน (MT) หรือ 6 USD ต่อล็อตมาตรฐาน (cTrader) ส่วนบัญชี Standard ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่สเปรดเริ่มต้นที่ 0.8 pip
IC Markets สามารถเทรดคริปโตวันหยุดได้ไหม?
ใช่ IC Markets อนุญาตให้เทรด CFD คริปโตเคอร์เรนซีได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาท โดยไม่มีข้อจำกัดในช่วงวันหยุด
IC Markets มีบัญชีประเภทไหนบ้าง?
IC Markets มีบัญชีหลัก 3 ประเภท ได้แก่ บัญชี Standard, บัญชี Raw Spread (MetaTrader) และ บัญชี Raw Spread (cTrader) นอกจากนี้ยังมีบัญชีอิสลาม (Swap-Free) ให้เลือกใช้ด้วย
IC Markets รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทยหรือไม่?
ใช่ IC Markets รองรับการฝากและถอนเงินผ่านธนาคารท้องถิ่นของประเทศไทย รวมถึงการใช้ Thai Internet Banking ทำให้การทำธุรกรรมสะดวกสำหรับเทรดเดอร์ไทย