คู่มือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2568 (สำหรับปีภาษี 2567) อัปเดตล่าสุด พร้อมเคล็ดลับลดหย่อนภาษี ขั้นตอนยื่นภาษีออนไลน์ และแนวทางล่วงหน้าสำหรับปี 2569
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่ทุกคนที่มีรายได้ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะช่วงต้นปี ซึ่งกรมสรรพากรเปิดให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับปีก่อนหน้า เป็นประจำทุกปี สำหรับปีภาษี 2567 ซึ่งจะต้องยื่นในปี 2568 นี้ กรมสรรพากรยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดสรุปอย่างเป็นทางการทั้งหมด แต่จากข้อมูลที่ปรากฏจากปีก่อนๆ และแนวทางของหน่วยงานรัฐ รวมถึงการวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น กรมสรรพากร, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, โตเกียวมารีน, ดีดีพร็อพเพอร์ตี้, ฟินโนมีนา และ บัตรเครดิตกรุงศรี ทำให้เราสามารถสรุปแนวทางการยื่นภาษี รวมถึงสิทธิลดหย่อนที่คาดว่าจะใช้ได้ในปี 2568 นี้ไว้ก่อนได้
หากคุณกำลังวางแผนการเงินสำหรับการคืนภาษี หรือต้องการยื่นภาษีอย่างถูกต้องและคุ้มค่าที่สุด บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทั้งขั้นตอน การใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ข้อมูลการยื่นออนไลน์ และข้อมูลเชิงลึกสำหรับปีต่อไปอย่าง 2569 อีกด้วย

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2568 คืออะไร?
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2568 หมายถึง กระบวนการที่ผู้มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง หรือรายได้อื่นๆ ต้องมายื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับรายได้ที่รับในปี พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) โดยปกติจะดำเนินการระหว่างเดือนมกราคม ถึงเมษายนของปี 2568
เป้าหมายของการยื่นภาษีคือ การคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายจริง หรือตรวจสอบว่ามีสิทธิได้รับเงินภาษีคืนหรือไม่ ทั้งนี้ ผู้มีรายได้หลายคนสามารถลดหย่อนภาษีได้หลายรายการ เช่น การประกันชีวิต เงินบริจาค การลงทุนกองทุน รวมถึงมาตรการพิเศษจากรัฐ เช่น “Easy e-Receipt” และ “Thai ESG”
สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 (สำหรับปีภาษี 2567)
การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้องสามารถช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยสิทธิลดหย่อนต่างๆ ที่คาดว่าจะยังคงใช้ได้ในปี 2568 มีดังนี้ ตามข้อมูลจากกรมสรรพากรและสถาบันการเงินชั้นนำ
1. ลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
- ผู้มีเงินได้: 60,000 บาท
- คู่สมรส: 60,000 บาท (กรณียื่นรวม และคู่สมรสไม่มีรายได้)
- บุตร: คนละ 30,000 บาท (สูงสุด 3 คน)
- บิดา มารดา: คนละ 30,000 บาท (ต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี)
2. ลดหย่อนประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
- ประกันชีวิตทั่วไป: สูงสุด 100,000 บาท (รวมกับประกันชีวิตแบบบำนาญ)
- ประกันสุขภาพของตนเอง คู่สมรส หรือบุตร: สูงสุด 25,000 บาท
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ: สูงสุด 200,000 บาท (รวมกับประกันชีวิตทั่วไป)
- ประกันสุขภาพบิดามารดา: สูงสุด 15,000 บาท
3. ลดหย่อนจากเงินฝากและเงินลงทุน
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): สูงสุด 500,000 บาท (รวมกับ LTF หรือ SSF หากยังใช้สิทธินั้นได้)
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF): ยังคงใช้สิทธิลดหย่อนได้สำหรับสัญญาที่ทำไว้ก่อนปี 2562
- กองทุน SSF: สูงสุด 200,000 บาท
- กองทุนรวมเพื่อการออม (RMF แบบใหม่ภายใต้กฎหมายใหม่): คาดว่าจะยังคงใช้สิทธิได้ บนเงื่อนไขเดิมหรือเปลี่ยนแปลงตามนโยบายปีงบประมาณ 2568
- เงินฝากออมทรัพย์ไม่ประจำ: สูงสุด 200,000 บาท (ต้องเป็นบัญชีที่เปิดชื่อเองและรักษายอดเงินไว้จนถึงวันสิ้นปี)
4. ลดหย่อนที่อยู่อาศัย
- ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย: สูงสุด 100,000 บาท (เฉพาะบ้านหลังแรก และต้องเป็นสัญญาที่ทำในปี 2555 หรือหลัง)
5. ลดหย่อนเพื่อการศึกษาของบุตร
- ค่าเล่าเรียนบุตร: สูงสุด 30,000 บาทต่อคน (ไม่เกิน 2 คน)
6. ลดหย่อนจากบริจาค
- บริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ: สูงสุด 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนส่วนตัว
- บริจาคเพื่อการศึกษา ศาสนา หรือการกีฬา: หักได้เต็มจำนวน (ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย)
7. ลดหย่อนพิเศษสำหรับปี 2567-2569 “Thai ESG”
นโยบาย Thai ESG เป็นมาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืนของรัฐบาล ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมที่มีเกณฑ์ ESG โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท สำหรับยอดลงทุนไม่เกิน 200,000 บาท และต้องถือหน่วยลงทุนนาน 7 ปี
มาตรการนี้มีผลตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2569 ทำให้ผู้ลงทุนในปี 2567 ยังคงสามารถใช้สิทธินี้ได้
8. โครงการ “Easy e-Receipt 2.0” ปี 2568
หนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อส่งเสริมการใช้ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์คือ Easy e-Receipt 2.0 ที่ให้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมคนละ 50,000 บาท หากผู้มีรายได้ใช้ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 50 ใบ จากธุรกรรมต่างๆ ผ่านแอปเป๋าตังหรือแอปธนาคารที่เชื่อมกับกรมสรรพากร
เงื่อนไข:
- ต้องมีการเชื่อมบัญชี e-Tax บนแอปเป๋าตัง
- ต้องมีการใช้จ่ายและเก็บ e-Receipt อย่างน้อย 50 ใบ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 กันยายน 2567
- ต้องยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์
โครงการนี้ได้รับความนิยมสูงมากในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะต่ออายุไปในปี 2569 ด้วยเงื่อนไขที่คล้ายกัน

ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์ ปี 2568
การยื่นภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ขั้นตอนมีดังนี้:
1. ลงทะเบียนใช้งานระบบ e-Filing
- เข้าเว็บไซต์ กรมสรรพากร
- ลงทะเบียนด้วยเลขประจำตัวประชาชน ผ่านระบบ PIN หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปเป๋าตัง
- สร้างบัญชี e-Tax เพื่อยื่นภาษีออนไลน์
2. เตรียมเอกสาร
- สลิปเงินเดือน (50 ทวิ)
- ใบแจ้งยอดดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย (กยย. 2 หรือ ภ.ง. ด.2)
- ใบเสร็จประกันชีวิต ประกันสุขภาพ
- หนังสือรับรองกองทุน RMF, SSF
- e-Receipt จากแอปเป๋าตัง (หากใช้ Easy e-Receipt)
3. เข้าสู่ระบบและกรอกข้อมูล
- เลือกแบบยื่นภาษี (ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91)
- กรอกข้อมูลรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาษีที่หัก ณ ที่จ่าย
- ระบุรายการลดหย่อนทั้งหมดที่ใช้สิทธิ์
- ตรวจสอบความถูกต้อง
- ยื่นแบบ และชำระภาษี (หากมีภาษีค้างชำระ)
4. พิมพ์ใบยืนยันการยื่น
หลังจากยื่นภาษีเรียบร้อย ระบบจะออก “ใบยืนยันการยื่นแบบ” ที่ควรเก็บไว้เป็นหลักฐาน ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารต้นฉบับเข้ากรมสรรพากรอีก
กำหนดการยื่นภาษี ปี 2568
แม้ปี 2568 ยังไม่ประกาศแบบทางการ แต่จากประวัติการยื่นภาษีของปีก่อนๆ และคำแนะนำจาก กรุงศรี และ ฟินโนมีนา คาดว่ากำหนดการจะคล้ายเดิม
- เปิดให้ยื่นภาษี: มกราคม 2568
- ปิดรับยื่นภาษี: เมษายน 2568 (โดยปกติวันที่ 30 เมษายน)
- Easy e-Receipt 2.0: ช่วงการนับ e-Receipt ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 – 30 ก.ย. 2567
คำแนะนำ: ควรยื่นภาษีก่อนช่วงท้าย เพราะระบบอาจล่มจากผู้ใช้งานหนาแน่น และเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับในกรณีที่ยื่นล่าช้า
แนวโน้มและแนวทางล่วงหน้า สำหรับปีภาษี 2568 (ยื่นปี 2569)
สำหรับผู้วางแผนการเงินระยะยาว ควรเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เพื่อรับประโยชน์สูงสุดในปีถัดไป โดยมีแนวโน้มหลายประการที่อาจเกิดขึ้นในปี 2569:
- ต่ออายุ Easy e-Receipt 2.0: มีโอกาสสูงที่โครงการจะต่ออายุ โดยอาจมีการปรับเงื่อนไขให้ยืดหยุ่นขึ้น
- Thai ESG จะยังคงใช้ได้: โครงการยังอยู่ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (2566–2569) จึงควรใช้สิทธิทุกปี
- การเปลี่ยนแปลงในกองทุน RMF: ปี 2568–2569 อาจมีการปรับโครงสร้างการลดหย่อนเชิงนโยบาย เพื่อส่งเสริมให้มีการออมทางการเงินมากขึ้น
- เปิดโอกาสใหม่สำหรับการลดหย่อนจากธุรกิจดิจิทัล: อาจมีมาตรการกระตุ้นการใช้เทคโนโลยี ส่งเสริมให้เก็บข้อมูลการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การเริ่มเก็บ e-Receipt ตั้งแต่ต้นปี 2568 และวางแผนการลงทุนในกองทุนที่มีคุณสมบัติ ESG หรือ RMF จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดในปีหน้า
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ยื่นภาษีออนไลน์ได้ที่ไหนบ้าง?
สามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของ กรมสรรพากร ผ่านระบบ e-Filing หรือใช้ Mobile Application อย่าง “e-Tax” หรือ “Krungsri Corporate Online” ที่รองรับการยื่นภาษี
Easy e-Receipt 2.0 คืออะไร?
เป็นมาตรการให้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม 50,000 บาท หากผู้มีรายได้เก็บ e-Receipt อย่างน้อย 50 ใบ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และยื่นภาษีออนไลน์
Thai ESG ใช้ได้กี่ปี?
โครงการ Thai ESG มีผลตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569 ดังนั้นยังใช้สิทธิได้อีกหลายปี แต่ต้องลงทุน และถือไว้ 7 ปี ตามเงื่อนไข
ต้องมีรายได้เท่าไหร่ถึงต้องยื่นภาษี?
ต้องยื่นภาษีหากมีรายได้รวมเกิน 150,000 บาทต่อปี หรือมีภาษีหัก ณ ที่จ่ายแล้ว แต่ยังมีภาษีค้างชำระเพิ่ม หรือต้องการขอคืนภาษี
หากยื่นภาษีเกินกำหนดจะมีค่าปรับไหม?
ใช่ โดยค่าปรับจะคิดเป็นร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีที่ค้างชำระ และอาจมีค่าปรับเพิ่มเติมหากยื่นล่าช้าเกิน 90 วัน หลังกำหนด