
ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึง “เอไอ” (AI) หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” กันใช่ไหมครับ/คะ? ไม่ว่าจะเป็นแชทบอทเก่งๆ รูปภาพสวยๆ ที่เอไอสร้างขึ้นมา หรือแม้แต่ระบบที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้ฉลาดขึ้น แต่รู้ไหมครับ/คะ ว่าเบื้องหลังความอัจฉริยะพวกนี้ มี “สมอง” ตัวสำคัญที่ขับเคลื่อนอยู่… นั่นก็คือ “ชิป” นั่นเองครับ! และถ้าพูดถึงชิปที่ทรงพลังที่สุดสำหรับเอไอ นาทีนี้คงหนีไม่พ้น nvidia หุ้น ของบริษัท เอ็นวิเดีย คอร์ปอเรชั่น (NVIDIA Corporation – NVDA) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา
เอ็นวิเดียก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านกราฟิก นำทีมโดย คุณเจ็น ซุน หวง (Jensen Huang) ปัจจุบันบริษัทนี้ไม่ได้ทำแค่ชิปสำหรับการ์ดจอคอมพิวเตอร์ที่คอเกมรู้จักดีเท่านั้นนะครับ แต่ได้กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการออกแบบและผลิต “หน่วยประมวลผลกราฟิก” (Graphics Processing Unit – GPU) รวมถึงชิปอื่นๆ ที่จำเป็นมากๆ สำหรับยุคนี้ โดยเฉพาะในด้าน “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ เอไอ (AI) และ “ศูนย์ข้อมูล” (Data Center) ซึ่งเป็นเหมือนคลังสมองขนาดใหญ่ของโลกดิจิทัล เรียกได้ว่าถ้าไม่มีชิปของเขา เทคโนโลยีที่เราเห็นในวันนี้หลายๆ อย่างคงเกิดขึ้นได้ยากเลยทีเดียว

ทำไม nvidia หุ้น ถึงเนื้อหอมสุดๆ ในช่วงนี้? คำตอบสั้นๆ เลยครับคือ “เอไอ” (AI) ครับ! ตลาดเอไอเติบโตแบบก้าวกระโดด และชิป จีพียู ของเอ็นวิเดียคือหัวใจสำคัญในการฝึกฝนและใช้งานเอไอ ทำให้ความต้องการชิปเหล่านี้พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล ลองนึกภาพนะครับว่าทุกบริษัทที่อยากพัฒนาเอไอ หรือให้บริการคลาวด์ที่เกี่ยวกับเอไอ ต้องมาซื้อชิปจากเอ็นวิเดียเป็นหลัก! ธุรกิจหลักที่ทำเงินให้เอ็นวิเดียถล่มทลายก็คือส่วนของ “ศูนย์ข้อมูล” ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากชิปสำหรับเอไอและงานประมวลผลขั้นสูง ไม่ใช่แค่เอไอทั่วไปนะครับ ยังรวมถึงการใช้งานในรถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles), การแพทย์, ระบบเครือข่ายต่างๆ เอ็นวิเดียไม่ได้ขายแค่ชิปเปล่าๆ นะครับ เขายังสร้าง “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ของตัวเองขึ้นมาด้วย เช่น ซอฟต์แวร์ คูดา (CUDA) ที่ช่วยให้นักพัฒนาทำงานกับชิปของเขาได้ง่ายขึ้น ล่าสุดก็มีชิปตัวใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิมอย่างตระกูล แบล็คเวลล์ (Blackwell) ออกมาอีก ตอกย้ำความเป็นผู้นำจริงๆ ครับ การที่บริษัทขยายพันธมิตรไปทั่ว ทั้งกับ จีเอ็ม (GM) ในอุตสาหกรรมยานยนต์, จีอี เฮลธ์แคร์ (GE Healthcare) ในการแพทย์ หรือผู้ให้บริการคลาวด์เจ้าใหญ่อย่าง เอดับบลิวเอส (AWS), กูเกิล คลาวด์ (Google Cloud), ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ (Microsoft Azure), ออราเคิล คลาวด์ (Oracle Cloud) ยิ่งทำให้เห็นว่าอนาคตของเอ็นวิเดียผูกติดกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเอไอไปอีกนานเลยครับ
มาดูเรื่อง “เงินๆ ทองๆ” กันบ้างครับ ว่าทำไม nvidia หุ้น ถึงฮอตขนาดนี้… ผลประกอบการของเอ็นวิเดียเรียกว่า “น่าทึ่ง” ครับ! ล่าสุดมีการคาดการณ์ว่ารายได้รวมทั้งปีงบประมาณ 2025 อาจสูงถึง 130.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นถึง 114% จากปีก่อนหน้าเลยทีเดียว (ข้อมูลปี 2024-2025) ส่วนรายได้ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2025) ก็อยู่ที่ 39.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิไตรมาสล่าสุดก็พุ่งไปถึง 22.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น 14.41% จากไตรมาสก่อนหน้า) ที่น่าสนใจคือกำไรต่อหุ้น (EPS) ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ด้วยนะครับ ถ้าดูตามกลุ่มธุรกิจ จะเห็นชัดเลยว่ารายได้หลักกว่า 86-88% มาจากส่วนของ “ศูนย์ข้อมูล” นี่แหละครับ สะท้อนว่าความต้องการชิปเอไอของเขาแรงจริงๆ นอกจากนี้ อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (อีบิตด้า – EBITDA) ก็สูงถึง 63.85% แสดงว่าธุรกิจทำกำไรได้ดีมากๆ ครับ ไม่แปลกใจที่มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ของเอ็นวิเดียจะทะลุหลักหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเคยเป็นหนึ่งใน “หนึ่ง ทริลเลียน ดอลลาร์ คลับ” (1 Trillion Dollar Club) มาแล้ว แม้จะมีการจ่ายเงินปันผล (Dividend) แต่ก็ถือว่าน้อยมากๆ (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ประมาณ 0.039%) เพราะบริษัทเน้นนำกำไรไปลงทุนเพื่อการเติบโตมากกว่าครับ สถานะทางการเงินถือว่าแข็งแกร่งมากๆ ครับ

แล้วราคา nvidia หุ้น ล่ะ เป็นยังไงบ้าง? โอโห! ถ้าใครได้ลงทุนในหุ้นตัวนี้ในช่วง 1-5 ปีที่ผ่านมา คงยิ้มไม่หุบแน่นอนครับ เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มีข้อมูลบางแหล่งบอกว่าเพิ่มขึ้นกว่า 203.25% ในหนึ่งปี และกว่า 3,062.92% ในห้าปีเลยทีเดียว! (ตัวเลขอาจแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาที่วัดนะครับ) หุ้นตัวนี้มีความผันผวนสูงพอสมควร ดูได้จากค่าสัมประสิทธิ์เบต้า (Beta) ที่มากกว่า 1 (ประมาณ 1.69 – 2.51) แปลว่ามีแนวโน้มจะขึ้นลงมากกว่าตลาดโดยรวมครับ ส่วนมุมมองของ “นักวิเคราะห์” ส่วนใหญ่ก็ยังมองบวกมากๆ ครับ จากนักวิเคราะห์ทั้งหมด 42 คน มีถึง 39 คนที่แนะนำให้ “ซื้อ” nvidia หุ้น โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 171.51 – 174.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเลยทีเดียว แม้ราคาจริงจะมีการปรับขึ้นลง แต่ก็สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของบริษัทครับ ขนาดธนาคารใหญ่ๆ อย่าง เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ (HSBC Holdings plc) ยังเคยปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น “ซื้อ” ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 เลย
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทยที่สนใจ nvidia หุ้น ก็ไม่ต้องบินไปเปิดบัญชีที่อเมริกาครับ! มีช่องทางให้ลงทุนได้สะดวกหลายทาง อย่างแรกคือการซื้อหุ้นโดยตรงในตลาดหุ้นแนสแดก (Nasdaq) ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในไทยที่ให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ อีกช่องทางที่น่าสนใจมากๆ คือการลงทุนผ่าน “ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ดีอาร์” (DR) ครับ ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเลย ใช้ชื่อย่อหุ้นอย่าง เอ็นวีดีเอแปดศูนย์ (NVDA80) หรือ เอ็นวีดีเอแปดศูนย์เอ็กซ์ (NVDA80X) การลงทุนผ่าน ดีอาร์ ทำให้เราสามารถซื้อขาย nvidia หุ้น ได้เป็นสกุลเงินบาทโดยตรง ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินครับ ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกมากๆ ช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงหุ้นเทคโนโลยีระดับโลกได้อย่างง่ายดาย
สรุปแล้ว nvidia หุ้น ถือเป็นหุ้น “ตัวท็อป” แห่งยุคเอไอจริงๆ ครับ ด้วยบทบาทผู้นำในตลาดชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ผลประกอบการที่เติบโตแบบก้าวกระโดด และมุมมองเชิงบวกจากนักวิเคราะห์ทั่วโลก ทำให้หุ้นตัวนี้เป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วโลกครับ แต่! ก่อนจะตัดสินใจลงทุน nvidia หุ้น หรือหุ้นตัวไหนๆ ก็ตาม อย่าลืมทำการบ้านให้รอบด้านนะครับ ศึกษาข้อมูลบริษัท แนวโน้มอุตสาหกรรม และที่สำคัญคือ “ความเสี่ยง” ครับ หุ้นที่เติบโตสูงก็มักจะมีความผันผวนสูงตามไปด้วย หากสภาวะตลาดเปลี่ยนไป หรือมีคู่แข่งรายใหม่ที่น่ากลัวเข้ามาในตลาด อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้เสมอ ⚠️ หากคุณเป็นนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือมีเงินลงทุนจำกัด ควรศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ด้วยนะครับ อย่าเพิ่งทุ่มทั้งหมดไปที่หุ้นตัวเดียว การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนครับ