ช่วงนี้หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ตลาดหุ้นไทยมันช่างเงียบเหงาซะเหลือเกิน ดูแล้วไม่ค่อยคึกคักเหมือนเมื่อก่อน ดัชนีก็ยังทรงๆ ทรุดๆ อย่างช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ดัชนี SET Index ก็ปรับลดลงไปถึง 5.12% เพื่อนนักลงทุนหลายคนก็เริ่มถอดใจ แล้วหันมาถามผมว่า “พี่คะ/ครับ ในช่วงตลาดแบบนี้ เราจะหาหุ้นแบบไหนลงทุนดีคะ/ครับ ที่จะพอเป็นที่พึ่งให้พอร์ตเราได้บ้าง?”
ถ้ามองหา “ที่พึ่ง” ในยามที่ตลาดไม่สดใส หนึ่งในแนวคิดที่นักลงทุนหลายคนนึกถึงก็คือ “หุ้นปันผล” ครับ หุ้นที่แม้ราคาอาจจะไม่หวือหวา แต่ก็มีกระแสเงินสดในรูปของเงินปันผลจ่ายคืนให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในตลาดหุ้นไทยก็มีกลุ่มหุ้นที่เรียกว่า SETHD (SET High Dividend) ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่มีประวัติการจ่ายปันผลดี ที่น่าสนใจคือช่วงที่ผ่านมา กลุ่ม SETHD นี้ outperform ตลาดรวมอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว แถมยังมีประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่แข็งแกร่งกว่าตลาด และ P/E ที่น่าดึงดูดกว่าด้วย

ในบรรดาหุ้นปันผลเหล่านี้ “หุ้นพลังงาน” เป็นกลุ่มที่มักถูกจับตาเสมอ เพราะพลังงานเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้ก็มีอยู่ตลอดเวลา แต่ หุ้นพลังงาน ก็ไม่ได้มีแต่ด้านสวยงามนะครับ มันก็มีความผันผวนตามปัจจัยภายนอกอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
ยกตัวอย่างเรื่อง “ราคาน้ำมันโลก” แค่เรื่องเดียวก็ปวดหัวแล้ว ต้นปี 2568 ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ทรงๆ อยู่ที่ประมาณ 65-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่ก็มีช่วงที่คาดว่าจะฟื้นตัวไปใกล้ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เหมือนกัน ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์สู้รบในบางประเทศ โดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง ก็เป็นอีกปัจจัยที่เข้ามากดดัน หุ้นพลังงาน ไทยในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้นโยบายภาครัฐก็มีส่วนสำคัญ อย่างธุรกิจไฟฟ้าของไทยก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐผ่านแผนต่างๆ เช่น แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) หรือแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งกำหนดทิศทางและปริมาณการผลิตไฟฟ้าของประเทศ แต่ขณะเดียวกัน มาตรการลดค่าไฟฟ้าของภาครัฐที่กำลังศึกษาอยู่ ก็สร้างความกังวลให้กับรายได้ของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าได้เหมือนกัน หรือกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน (ที่เราไปเติมน้ำมันกันนี่แหละ) บางทีก็เผชิญแรงกดดันเรื่องค่าการตลาด เพราะภาครัฐมักจะเข้ามาดูแลเรื่องราคาเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน
แต่ในความท้าทายก็มี “โอกาส” ซ่อนอยู่ครับ หนึ่งในเทรนด์ที่น่าจับตาคือความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI และ Data Centers ที่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะมาก ซึ่งเทรนด์นี้กำลังเร่งให้หลายประเทศหันมามองพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาดมากขึ้น ทั้งพลังงานนิวเคลียร์ที่หลายประเทศเริ่มเพิ่มกำลังการผลิต หรือพลังงานแสงอาทิตย์ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
แล้วถ้าเจาะลึกไปดู หุ้นพลังงาน ที่ขึ้นชื่อเรื่อง `ปันผลดี` มีตัวไหนน่าสนใจบ้าง? จากข้อมูลที่เราเห็น (ซึ่งมาจากช่วงเวลาต่างๆ กันนะครับ) มีหลายตัวที่จ่ายปันผลในอัตราที่น่าสนใจ
ถ้าดูจากข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่คัดเฉพาะหุ้นพลังงานที่มีมาร์เกตแคปเกิน 1 หมื่นล้านบาทและปันผลสูงกว่า 5% จะเจอรายชื่อเหล่านี้ครับ:
* SPCG (เอสพีซีจี): เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จ่ายปันผล YTD ปี 2567 อยู่ที่ 8.48% ผลประกอบการปี 2567 ก็คาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท ตัวนี้ P/E แค่ 6.43 เท่า (ณ 10 พ.ค. 67)
* BANPU (บ้านปู): ยักษ์ใหญ่พลังงานที่มีทั้งถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้า แม้กำไร Q1/2567 จะลดลง 69% จากราคาถ่านหิน/ก๊าซที่ลดลง แต่ก็ยังจ่ายปันผล YTD ปี 2567 ได้ 7.54% (ณ 13 พ.ค. 67) หรือ 7.08% (ณ 8 เม.ย. 2025)
* TPIPP (ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์): ทำโรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้งและเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ปันผล YTD ปี 2567 อยู่ที่ 7.27% (ณ 13 พ.ค. 67)
* TTW (ทีทีดับบลิว): อันนี้เป็นธุรกิจน้ำประปา อาจจะไม่ได้เป็นพลังงานโดยตรง แต่ก็อยู่ในกลุ่มสาธารณูปโภคที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ จ่ายปันผล YTD ปี 2567 อยู่ที่ 6.67% (ณ 13 พ.ค. 67)
* TOP (ไทยออยล์): โรงกลั่นใหญ่สุดในไทย กำไรสุทธิ Q1/2567 พุ่ง 99.1% จากไตรมาสก่อนหน้าเพราะค่าการกลั่นดีขึ้น ปันผล YTD ปี 2567 อยู่ที่ 6.36% (ณ 13 พ.ค. 67) หรือ 7.60% (ณ 8 เม.ย. 2025)
* PTTEP (ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม): หุ้นต้นน้ำ ค้นหาและผลิตปิโตรเลียม ปันผล YTD ปี 2567 อยู่ที่ 6.19% (ณ 13 พ.ค. 67) หรือ 8.33% (ณ 8 เม.ย. 2025) แม้กำไร Q1/2567 จะลดลง 8% จากปีก่อน แต่ตัวนี้ก็ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น
* PTT (ปตท.): บริษัทแม่ ทำธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร ปันผล YTD ปี 2567 อยู่ที่ 5.93% (ณ 13 พ.ค. 67) หรือ 6.53% (ณ 8 เม.ย. 2025)

นอกจากนี้ ถ้าดูจากรายชื่อ 30 หุ้น SETHD ที่จ่ายปันผลสูงสุด (ณ 8 เมษายน 2025) ก็มีหุ้นพลังงาน/โรงไฟฟ้า ติดอันดับต้นๆ หลายตัว เช่น PTTEP (8.33%), TOP (7.60%), BANPU (7.08%), PTT (6.53%), RATCH (ราช กรุ๊ป – ทำโรงไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศ) ที่จ่ายปันผล 6.40% หรือ BCPG (บีซีพีจี – ทำพลังงานทดแทน) ที่จ่าย 4.18% ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในกลุ่มพลังงานสะอาด
แต่ไม่ใช่แค่หุ้นพลังงานเท่านั้นนะครับ ในกลุ่ม SETHD ยังมีหุ้นจากอุตสาหกรรมอื่นที่จ่ายปันผลสูงมากๆ เช่น RCL (เดินเรือ) 11.06%, SIRI (อสังหาฯ) 10.23%, SPALI (อสังหาฯ) 8.95%, TISCO (ธนาคาร/สินเชื่อ) 7.81% เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหุ้นปันผลดีมีกระจายอยู่ในหลายภาคส่วนของตลาด
ทีนี้ ลองมาฟังมุมมองผู้เชี่ยวชาญกันบ้างครับ คุณกิจพณ ไพรไพศาลกิจ จาก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน มองว่า หุ้นพลังงานต้นน้ำ (พวกที่สำรวจและผลิต) กับกลุ่มโรงกลั่น ยังดูดี ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานและน้ำมันดิบที่บวกขึ้น ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ยังถูกกดดันจากภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งคาดว่าจะยาวไปถึงต้นปีหน้า ต้องรอดูการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นหลักครับ
คุณณัฐพล คำถาเครือ จาก บล.หยวนต้า เสริมว่า หุ้นพลังงานที่เป็น Global Play (ที่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจโลก) ก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ ส่วนหุ้นพลังงานต้นน้ำก็ยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น
ความน่าสนใจของหุ้นโรงไฟฟ้าโดยทั่วไปคือเป็นเหมือน “หุ้นปลอดภัย” (Defensive Stocks) ที่รายได้ค่อนข้างแน่นอน เพราะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ชัดเจน และมีนโยบายจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ทำให้เป็นที่นิยมของนักลงทุนที่ต้องการกระแสรายได้ แต่ความท้าทายคือ โรงไฟฟ้าหลายแห่งก็เริ่มหมดอายุสัญญา Adder ทำให้รายได้ลดลง และความกังวลจากมาตรการลดค่าไฟของภาครัฐอย่างที่กล่าวไป
ส่วนหุ้นกลุ่มบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) ภาพรวมดูดีขึ้นตามปริมาณการใช้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องการแทรกแซงราคาจากภาครัฐ และในระยะยาวอาจได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาไทย ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอาจลดลงได้
มองในภาพรวมแล้ว หุ้นกลุ่มพลังงานก็มีความน่าสนใจในแง่การเป็นหุ้นวัฏจักรที่ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้น และแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะเดียวกัน หลายตัวก็เป็น `หุ้นพลังงาน ปันผลดี` ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดในยามที่ตลาดผันผวน
สำหรับใครที่มองหาการลงทุนในตลาดพลังงานต่างประเทศเป็นทางเลือกเสริม กองทุนอย่าง กองทุนเปิด ทิสโก้ US Energy (TUSENGY) ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ลงทุนในกองทุนหลัก XLE ETF ซึ่งเน้นหุ้นพลังงานยักษ์ใหญ่ในดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความมั่นคง จ่ายปันผลดี และกระจายความเสี่ยงครบทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แถมยังตอบรับเทรนด์ AI ที่กำลังต้องการพลังงานมหาศาลได้ด้วย แต่อย่าลืมว่ากองทุนแบบนี้ก็มีความเสี่ยงสูง (ระดับ 7) นะครับ
โดยสรุปแล้ว `หุ้นพลังงาน ปันผลดี` ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับนักลงทุนไทยที่มองหาหุ้นที่พอจะเป็นที่พึ่งในยามตลาดไม่สดใส ด้วยจุดเด่นเรื่องการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอในหลายบริษัท และแนวโน้มความต้องการพลังงานที่ยังคงมีอยู่ แต่ก็ต้องไม่มองข้ามความเสี่ยงที่มาพร้อมกับอุตสาหกรรมนี้ ทั้งความผันผวนของราคาพลังงานโลก นโยบายภาครัฐที่ไม่แน่นอน และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในระยะยาว
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน `หุ้นพลังงาน ปันผลดี` ตัวไหน อย่าลืมทำการบ้านอย่างละเอียด ดูงบการเงิน ธุรกิจที่บริษัททำจริงๆ ประวัติการจ่ายปันผล และมองไปถึงอนาคตของอุตสาหกรรมนั้นๆ ด้วยนะครับ การกระจายความเสี่ยงก็เป็นเรื่องสำคัญ และที่สำคัญที่สุดคือ เข้าใจความเสี่ยงที่คุณรับได้ด้วยครับ
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หุ้นพลังงานมีความผันผวนสูงตามราคาพลังงานโลกและนโยบายภาครัฐ