หุ้น NVDR คืออะไร? ทำไมนักลงทุนไทยซื้อเพิ่มไม่ได้? ไขข้อสงสัย กฎใหม่ล่าสุด!

ช่วงนี้ใครเข้าแอปฯ ดูหุ้นบ่อยๆ อาจจะเคยสะดุดตากับคำว่า ‘NVDR’ หรืออาจจะเคยได้ยินข่าวเรื่องกฎใหม่ที่เกี่ยวกับ หุ้น NVDR ใช่ไหมครับ บางคนก็งงว่า สรุปแล้ว หุ้น NVDR คือ อะไรกันแน่ มันต่างจากหุ้นที่เราซื้อขายกันปกติยังไง แล้วทำไมอยู่ๆ คนไทยถึงมีข้อจำกัดในการซื้อขาย NVDR เพิ่มเติมซะงั้น?

ในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินที่ชอบเล่าเรื่องยากๆ ให้เหมือนคุยกับเพื่อน วันนี้เราจะมาแกะกล่องเจ้า NVDR นี่ดูกันครับ ว่ามันคืออะไร มีที่มาที่ไปยังไง มีสิทธิอะไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือ “กฎใหม่” ที่เพิ่งเริ่มใช้ไปเมื่อต้นเดือนเมษายน 2567 มันส่งผลกระทบกับนักลงทุนไทยอย่างเราๆ ยังไงบ้าง รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเข้าใจแจ่มแจ้งราวกับเปิดไฟในห้องมืดๆ เลยทีเดียว

**หุ้น NVDR คือ อะไร? ทำไมต้องมี?**

ถ้าให้พูดแบบทางการสุดๆ NVDR ย่อมาจาก Non-Voting Depository Receipt ครับ ซึ่งภาษาไทยก็คือ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย ชื่อยาวเฟื้อยขนาดนี้ เอาเป็นว่าจำง่ายๆ ว่ามันคือ “ใบแสดงสิทธิ” ที่ออกโดยบริษัทลูกของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ชื่อว่า **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** ก็พอครับ

แล้วทำไมถึงต้องมีเจ้า NVDR ขึ้นมาล่ะ? ย้อนกลับไปสมัยก่อน (ไม่ต้องย้อนไกลมากหรอกนะ) การที่นักลงทุนต่างชาติจะมาซื้อ หุ้นไทย เนี่ย มันมีข้อจำกัดอยู่ครับ หุ้นบางตัว บางอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ในภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนไทย มักจะมีเพดานกำหนดไว้ว่า “คนต่างชาติ” ถือได้ไม่เกินเท่าไหร่ หรือที่เราเรียกกันว่า **Foreign Limit** หรือ **ข้อจำกัดสัดส่วนการถือครองหุ้นของคนต่างด้าว** ครับ

เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนคุณไปร้านอาหารยอดฮิต แล้วเขาบอกว่าโต๊ะริมหน้าต่างเนี่ย สงวนไว้ให้ลูกค้าต่างชาติเท่านั้น แต่คุณเป็นคนไทยก็อยากนั่งริมหน้าต่างบ้างนี่นา ในตลาดหุ้นก็คล้ายๆ กันครับ นักลงทุนต่างชาติอยากลงทุนในบริษัทไทยดีๆ แต่ติดเพดานโควต้าถือหุ้นของคนต่างชาติ ทำให้ซื้อ หุ้นสามัญ ปกติไม่ได้เต็มที่

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลยปิ๊งไอเดีย สร้างเครื่องมือที่ชื่อว่า NVDR ขึ้นมาครับ โดย **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** นี่แหละ จะเป็นคนไปซื้อ หุ้นสามัญ ของบริษัทจดทะเบียนไทยมา แล้วออก “ใบแสดงสิทธิ” ที่เรียกว่า NVDR ขายต่อให้นักลงทุนต่างชาติแทนครับ

อ้าว แล้วมันช่วยยังไง? คือว่า การถือ NVDR เนี่ย มันไม่ได้นับเป็นการถือ หุ้นสามัญ โดยตรง แต่มันเป็น “สิทธิ” ที่อ้างอิงกับ หุ้น ตัวนั้นแทนครับ ทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในบริษัทไทยได้ โดยไม่ติดข้อจำกัด Foreign Limit เดิม ช่วยให้พวกเขามีโอกาสลงทุนใน หุ้น ที่ต้องการได้มากขึ้น และในทางกลับกัน ก็ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับ ตลาดหลักทรัพย์ไทย ด้วย เพราะมีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาง่ายขึ้นนั่นเองครับ

นี่แหละคือหัวใจของ หุ้น NVDR คือ เครื่องมือที่เดิมทีสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติได้เข้าถึงโอกาสการลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์ ของเราได้สะดวกขึ้นนั่นเองครับ

**ถือ NVDR ได้สิทธิอะไร? และเสียสิทธิอะไรไป?**

แล้วถ้าเราถือ หุ้น NVDR เนี่ย จะได้สิทธิอะไรบ้างเหมือนถือ หุ้นสามัญ ไหม? ส่วนใหญ่แล้ว สิทธิประโยชน์ทางการเงินเนี่ย เหมือนกันเป๊ะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น:

* **ได้รับเงินปันผล (Dividend):** บริษัทจ่ายปันผลเท่าไหร่ คุณก็ได้ตามสัดส่วนที่ถือ NVDR ครับ
* **ได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain):** ถ้าขาย NVDR ได้ราคาสูงกว่าตอนซื้อ ก็ได้กำไรตรงนี้เหมือนกัน
* **ได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Rights Issue) หรือ Warrant:** ถ้าบริษัทมีการเพิ่มทุนหรือออก Warrant ผู้ถือ NVDR ก็ได้สิทธิจองซื้อตามสัดส่วนเหมือนกัน รวมถึงสิทธิอื่นๆ ทางการเงิน เช่น สิทธิจองซื้อหุ้นกู้ หรือสิทธิจองซื้อหุ้นแปลงสภาพ

ฟังดูดีใช่ไหมครับ ได้สิทธิประโยชน์ทางการเงินเหมือนถือ หุ้น ปกติเลย

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ หุ้น NVDR แตกต่างจาก หุ้นสามัญ ทั่วไปเลยก็คือ “สิทธิออกเสียง” ครับ

**ผู้ถือ NVDR จะไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในการประชุมผู้ถือหุ้น (Non-Voting Right) ครับ**

เปรียบเหมือนคุณซื้อตั๋วชมคอนเสิร์ตวงโปรด คุณได้นั่งดู ได้สนุกกับเพลง ได้รับของที่ระลึก (เหมือนสิทธิประโยชน์ทางการเงิน) แต่คุณไม่มีสิทธิขึ้นไปเลือกเพลงให้วงเล่น (ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น) หรือไม่มีสิทธิเสนอชื่อกรรมการบริษัท ไม่มีสิทธิโหวตเรื่องสำคัญๆ ที่ต้องใช้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลยครับ

นี่คือข้อจำกัดหลักๆ ของการถือ หุ้น NVDR ครับ

**กฎใหม่สำหรับนักลงทุนไทย: ทำไมถึงซื้อ NVDR เพิ่มไม่ได้แล้ว?**

เอาล่ะ มาถึงเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนช่วงนี้ นั่นก็คือ กฎใหม่ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศออกมา แล้วมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ **1 เมษายน 2567** เป็นต้นไปครับ

สาระสำคัญของกฎใหม่นี้คือ **”ห้ามนักลงทุนสัญชาติไทย ซื้อ, รับโอน, หรือแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์เป็น NVDR เพิ่มเติม”**

อ้าว ทำไมล่ะ? เดิมที คนไทยก็ซื้อ NVDR ได้นะ?

เหตุผลเบื้องหลังกฎใหม่นี้ หลักๆ ก็เพื่อ **ป้องกันการหลีกเลี่ยงเกณฑ์การรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์** และ **ป้องกันการปกปิดข้อมูลการถือหุ้น** ครับ

เคยมีกรณีที่นักลงทุนบางกลุ่มใช้ช่องทาง NVDR ในการซ่อนสัดส่วนการถือหุ้นจริงของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการรายงานต่อ ก.ล.ต. หรือตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งข้อมูลตรงนี้สำคัญต่อการวิเคราะห์ของนักลงทุนทั่วไปนะครับ ถ้าใครถือหุ้นใหญ่มากๆ แล้วไม่รายงาน ก็อาจจะทำให้คนอื่นไม่เห็นภาพรวมที่แท้จริงของโครงสร้างผู้ถือหุ้นได้ ก.ล.ต. เลยมองว่าการจำกัดไม่ให้คนไทยซื้อ NVDR เพิ่ม จะช่วยอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้ครับ

**แล้วกฎใหม่นี้ส่งผลกับนักลงทุนไทยอย่างเราๆ ยังไงบ้าง?**

* **ถ้าคุณถือ NVDR อยู่ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2567:** ไม่ต้องตกใจครับ คุณยังสามารถถือต่อได้ปกติ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงินเหมือนเดิม ขายออกเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะขอแปลงจาก NVDR เป็น หุ้นสามัญ ปกติก็ได้ แต่สิ่งเดียวที่คุณ “ห้าม” ทำเพิ่มคือ “ซื้อ NVDR ตัวเดิมหรือตัวอื่นๆ เพิ่มเติม” ครับ ยกเว้นกรณีเดียวคือ ได้รับโอน NVDR นั้นมาทางมรดก อันนี้ ก.ล.ต. อนุโลมให้ครับ
* **ถ้าคุณพยายามจะซื้อ NVDR หลังจากวันที่ 1 เมษายน 2567:** ระบบของบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) จะจัดการให้คุณโดยอัตโนมัติครับ คือ แทนที่คุณจะได้ NVDR มาถือ ระบบจะทำการ “แปลงสภาพ” หลักทรัพย์ที่คุณซื้อ ให้กลายเป็น “หุ้นสามัญ” ปกติ ภายในสิ้นวันทำการนั้นๆ ทันทีครับ เท่ากับว่าหลังจากนี้ ถ้าคนไทยซื้อ หุ้น ที่มี NVDR อยู่ คุณจะได้เป็น หุ้นสามัญ มาถือเสมอครับ

สรุปง่ายๆ คือ ตั้งแต่ 1 เม.ย. 67 เป็นต้นไป NVDR คือเครื่องมือที่ถูกจำกัดการเข้าถึงสำหรับนักลงทุนไทยแล้วครับ เป้าหมายหลักๆ ก็เพื่อความโปร่งใสในข้อมูลการถือหุ้นนั่นเอง

**ส่องข้อมูล NVDR บอกอะไรเราได้บ้าง?**

แม้คนไทยจะซื้อ NVDR เพิ่มไม่ได้แล้ว แต่ข้อมูลการถือครอง NVDR โดย **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** ยังคงเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์หุ้นนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่า NVDR ส่วนใหญ่ถือโดยนักลงทุนต่างชาติ การที่ **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทไหน ก็มักจะสะท้อนถึง “ความสนใจ” ของนักลงทุนต่างชาติใน หุ้น ตัวนั้นๆ ครับ

เราสามารถเข้าไปดูข้อมูลเหล่านี้ได้จากหลายช่องทางเลยครับ เช่น:

* เว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET.or.th)
* เว็บไซต์ SETTRADE หรือ SETSMART (ดูข้อมูลปริมาณการซื้อขาย NVDR รายวัน หรือข้อมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
* แอปพลิเคชันหรือโปรแกรมเทรดต่างๆ ที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์ หรือแพลตฟอร์มการลงทุนต่างๆ ก็มักจะมีข้อมูล NVDR ให้ดูครับ

ลองสังเกตดูนะครับ หุ้น ใหญ่ๆ ใน ตลาดหลักทรัพย์ อย่างเช่น BBL, CPALL, BDMS, TTB, TRUE, BTS, SIRI, LH อะไรพวกนี้ มักจะมีชื่อ **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่เสมอๆ นั่นก็เป็นเพราะ หุ้น เหล่านี้เป็นที่นิยมของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนผ่าน NVDR นั่นเอง

การนำข้อมูล NVDR มาใช้ในการวิเคราะห์หุ้น สามารถช่วยเราได้หลายมุมมองครับ เช่น:

* **ประเมินสภาพคล่อง:** ปริมาณการซื้อขาย NVDR ที่สูงใน หุ้น ตัวไหน แสดงว่า หุ้น ตัวนั้นได้รับความนิยม มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันเยอะ ทำให้สภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย
* **วิเคราะห์แนวโน้มความเชื่อมั่น:** ถ้าเห็นปริมาณการถือครอง NVDR ใน หุ้น ตัวไหนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจบ่งชี้ได้ว่านักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มของ หุ้น ตัวนั้น
* **วิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ:** ลองเปรียบเทียบข้อมูล NVDR ของ หุ้น ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อดูว่า หุ้น ตัวไหนได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากกว่ากัน

ดังนั้น แม้คนไทยจะซื้อ NVDR โดยตรงไม่ได้แล้ว แต่ข้อมูล NVDR ก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมความเคลื่อนไหวและความสนใจของนักลงทุนกลุ่มใหญ่อย่างนักลงทุนต่างชาติได้ครับ

**NVDR เหมือนหรือต่างกับ DR?**

ไหนๆ ก็พูดเรื่องตราสารคล้ายๆ กันแล้ว บางคนอาจจะสับสนระหว่าง NVDR กับ DR (Depositary Receipt) ครับ ทั้งสองอย่างเป็น “ใบแสดงสิทธิ” เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยนะ!

* **NVDR:** อย่างที่เราคุยกันมาทั้งบทความ คือ **ใบแสดงสิทธิในหลักทรัพย์อ้างอิง “ไทย”** ออกโดย **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** (ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ) สร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนใน หุ้นไทย เป็นหลัก
* **DR (Depositary Receipt):** คือ **ใบแสดงสิทธิในหลักทรัพย์อ้างอิง “ต่างประเทศ”** ครับ เช่น หุ้นเทคฯ จีน หุ้นเวียดนาม หรือ ETF ต่างประเทศ ออกโดย **บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในประเทศไทย** สร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุน “ไทย” สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้สะดวกขึ้น โดยซื้อขายผ่าน ตลาดหลักทรัพย์ไทย ได้เลย

เห็นความแตกต่างไหมครับ? ตัวอ้างอิงคนละประเทศกันเลย และผู้ที่ใช้เครื่องมือนี้ก็คนละกลุ่มเป้าหมายกันด้วย (แม้ตอนนี้กฎ NVDR จะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม) ดังนั้นอย่าสับสนระหว่าง NVDR กับ DR นะครับ ทั้งสองตัวเป็นเครื่องมือการลงทุนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

**สรุปและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนไทย**

สรุปแล้ว หุ้น NVDR คือเครื่องมือที่เดิมทีสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติได้ลงทุนใน หุ้นไทย โดยไม่ติดข้อจำกัดสัดส่วนการถือครอง แต่ก็แลกมากับการไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นครับ

แต่ตั้งแต่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป มีกฎใหม่จาก ก.ล.ต. ที่ทำให้ **นักลงทุนสัญชาติไทยไม่สามารถซื้อ NVDR เพิ่มเติมได้แล้ว** หากพยายามซื้อ ระบบจะแปลงเป็น หุ้นสามัญ ปกติให้โดยอัตโนมัติในสิ้นวันครับ กฎนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความโปร่งใสของข้อมูลการถือหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ไทย ครับ

สำหรับนักลงทุนไทย สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจกฎใหม่นี้ครับ

* **ถ้าคุณถือ NVDR อยู่ก่อน 1 เม.ย. 67:** รู้ไว้ว่าคุณยังถือต่อได้ ขายได้ หรือแปลงเป็น หุ้นสามัญ ได้ แต่ห้ามซื้อเพิ่มแล้ว
* **ถ้าคุณไม่เคยถือ NVDR หรืออยากซื้อหลังจากนี้:** รู้ไว้ว่าคุณจะไม่ได้ถือ NVDR อีกต่อไปแล้ว แต่จะได้เป็น หุ้นสามัญ ปกติแทน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการลงทุนปกติของคุณ เพียงแค่ไม่ได้ถือ “ใบแสดงสิทธิ” ที่ไม่มีสิทธิโหวตตัวนั้นเท่านั้นเอง

แม้เราจะซื้อ NVDR โดยตรงไม่ได้แล้ว แต่ข้อมูลการถือครอง NVDR โดย **บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด** ก็ยังเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในการดูความสนใจของนักลงทุนต่างชาติใน หุ้น ตัวต่างๆ ได้ครับ ลองนำข้อมูลส่วนนี้ไปประกอบการวิเคราะห์หุ้นของคุณได้

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน หุ้นสามัญ หรือตราสารอื่นๆ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ

⚠️ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่ต้องการลงทุน และทำความเข้าใจความเสี่ยงต่างๆ ให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ อย่าเพิ่งเชื่อตามข่าวลือ หรือตามเพื่อนโดยไม่หาข้อมูลด้วยตัวเองนะครับ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เรื่อง หุ้น NVDR คือ อะไร กระจ่างขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จใน ตลาดหลักทรัพย์ไทย ครับ!