เจาะลึก: ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ น่าลงทุนจริงหรือ?

เปิดม่านสู่โลก “หุ้นโรงพยาบาล” ทำไม BDMS หรือ ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ ถึงยังน่าจับตาในพอร์ต?

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน และเพื่อนผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เที่ยว หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่นักเขียนคอลัมน์การเงินอย่างผมชอบเอามาเล่าให้ฟัง วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องใกล้ตัวที่ใครๆ ก็ต้องใช้บริการ นั่นก็คือ “โรงพยาบาล” ครับ

ลองนึกภาพตามนะครับ… เวลาที่เราไม่สบาย คนในครอบครัวเจ็บป่วย หรือแม้แต่เพื่อนฝูงชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย แล้วเกิดอยากตรวจสุขภาพหรือเข้ารับการรักษา “โรงพยาบาล” คือที่ที่เราต้องไปใช่ไหมครับ ธุรกิจนี้มันผูกพันกับชีวิตประจำวันของเราอย่างแยกไม่ออกจริงๆ

แล้วเคยคิดไหมครับว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเนี่ย ในมุมของการลงทุน เขามองกันยังไง? หลายคนอาจจะคิดว่า อืม… คนป่วยก็ไปโรงพยาบาล รายได้เขาก็น่าจะแน่นอนดีนี่นา ใช่ครับ! ไม่ได้มาโม้นะครับ แต่นั่นคือเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์จัดให้ “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Defensive Stock” หรือ “หุ้นเชิงรับ” ครับ

ไอ้เจ้าหุ้นเชิงรับนี่มันคืออะไร? อธิบายง่ายๆ ก็คือ เป็นหุ้นของกิจการที่มีความต้องการสินค้าหรือบริการที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยหวือหวาตามภาวะเศรษฐกิจมากนักครับ คือต่อให้เศรษฐกิจจะดีจะแย่ คนก็ยังต้องกินต้องใช้ปัจจัยสี่ ยังต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ดีนั่นแหละครับ ซึ่งโรงพยาบาลก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ด้านสุขภาพนี่แหละครับ

แล้วปัจจัยอะไรอีกล่ะที่ขับเคลื่อนธุรกิจโรงพยาบาลให้เติบโต? นอกจากเรื่องการเจ็บป่วยตามปกติแล้ว ประเทศไทยเรากำลังเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ครับ คนสูงวัยมีแนวโน้มที่จะต้องใช้บริการทางการแพทย์มากขึ้นกว่าช่วงวัยอื่นๆ แน่นอนว่านี่เป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญมากๆ อีกอย่างคือ “การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์” ครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว คือคนจากต่างประเทศบินมารักษาตัวที่ไทย เพราะเชื่อมั่นในมาตรฐานและราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าในบ้านเขา นี่ก็เป็นอีกแรงส่งสำคัญที่ทำให้โรงพยาบาลไทยหลายแห่งมีรายได้เป็นสกุลเงินต่างประเทศด้วยครับ

แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะโรยด้วยกลีบกุหลาบนะครับ ธุรกิจโรงพยาบาลก็มีปัจจัยที่ต้องจับตาเหมือนกัน เช่น เรื่องการรับรู้รายได้ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ๆ ต้นทุนทางการเงินถ้าต้องกู้ขยายกิจการ กฎระเบียบของภาครัฐที่อาจเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่การแข่งขันกันเองในอุตสาหกรรมนี่แหละครับ

มองภาพรวมๆ ในปี 2567 และที่คาดการณ์ไปถึงปี 2568 กลุ่มโรงพยาบาลไทยก็มีผลตอบแทนที่หลากหลายครับ บางตัวก็วิ่งฉิวให้ผลตอบแทนเป็นบวกน่าชื่นใจ แต่บางตัวก็อาจจะทรงๆ หรือปรับฐานลงมาบ้าง

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ “มุมมองจากนักวิเคราะห์” หลายท่านครับ เขาบอกว่าราคาหุ้นโรงพยาบาลหลายๆ ตัวในช่วงที่ผ่านมาเนี่ย ได้สะท้อน “ข่าวลบ” ต่างๆ ไปพอสมควรแล้ว จนราคาลงมาอยู่ในระดับที่ “น่าสนใจ” ครับ และด้วยธรรมชาติของธุรกิจที่เป็นเชิงรับ มีความทนทานต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวสูง แถมยังคาดว่าผลประกอบการในปี 2568 จะกลับมา “เติบโตดี” อีกครั้ง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นกลุ่มนี้ถึงยังเป็นที่จับตาของนักลงทุนครับ

สรุปภาพใหญ่ของกลุ่มโรงพยาบาลไทยก็คือ เขาเป็นธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว แม้บางช่วงเวลาอาจจะเจอความผันผวนบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังถือเป็นกลุ่มที่น่าศึกษาและพิจารณาลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ครับ โดยเฉพาะตัวที่มีการเติบโตของกำไรโดดเด่น

คราวนี้เรามาเจาะลึกหุ้นตัวใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการ และเชื่อมโยงกับคำว่า ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ นั่นก็คือหุ้นของ “บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน)” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “BDMS” ครับ

พูดถึง BDMS เนี่ย เขาไม่ได้มีแค่โรงพยาบาลกรุงเทพอย่างเดียวนะครับ แต่เป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่มากๆ ในประเทศไทย เป็นเจ้าของโรงพยาบาลดังๆ เพียบ ทั้งโรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลบี เอ็น เอช, โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลรอยัล รวมถึงคลินิกเฉพาะทางอย่าง BDMS Wellness Clinic ด้วย ดังนั้นเวลาเราเสิร์ชหาข้อมูลหรือพูดคุยกันถึง ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ จริงๆ แล้วก็คือเรากำลังดูหุ้นของ BDMS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเครือนี้อยู่ครับ

BDMS ถือเป็นหุ้นพี่ใหญ่ในกลุ่มโรงพยาบาลเลยก็ว่าได้ครับ มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ใหญ่มากๆ ติดอันดับต้นๆ ของตลาดหุ้นไทยเลยทีเดียว แล้วผลประกอบการของเขาล่ะเป็นยังไง?

มาดูข้อมูลล่าสุดกันครับ สำหรับงวด 3 เดือนแรกของปี 2568 ที่สิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา BDMS มีรายได้จากการดำเนินงานรวมประมาณ 28,450 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 5.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year หรือ Y/Y) และที่สำคัญคือ “กำไรสุทธิ” ครับ อยู่ที่ประมาณ 4,350 ล้านบาท เติบโตถึง 6.70% Y/Y ทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 0.27 บาท ซึ่งก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเช่นกัน อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ประมาณ 15.28% เลยทีเดียว

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า BDMS ยังคงมี “พื้นฐานที่แข็งแกร่ง” และสามารถสร้าง “กำไร” ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจภาพรวมอาจจะยังไม่สดใสมากนัก นี่แหละครับคุณสมบัติของหุ้น Defensive Stock ที่น่าสนใจ

นักลงทุนหลายคนจะดูอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ เพื่อประเมินมูลค่าของหุ้น BDMS ด้วยครับ อย่างเช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ที่ประมาณ 20.82 เท่า หรืออัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV Ratio) ที่ประมาณ 3.24 เท่า และที่ขาดไม่ได้คือ “เงินปันผล” ครับ BDMS ก็มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดี โดยมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ประมาณ 3.57% (ข้อมูล ณ วันที่ 13/06/2568) ตัวเลขเหล่านี้เป็นเหมือนไกด์ไลน์ให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจว่าราคาหุ้นในปัจจุบันนั้น “แพงไปไหม” หรือ “น่าสนใจหรือยัง” เมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไรและมูลค่าทางบัญชีของบริษัทครับ

แล้ว ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ หรือหุ้น BDMS เนี่ย มันเคลื่อนไหวเป็นยังไงบ้างล่ะในช่วงที่ผ่านมา?

ลองดูข้อมูลราคาล่าสุด (ณ วันปิดตลาด 14 มิ.ย. 2568) ราคาหุ้น BDMS ปิดอยู่ที่ 21.10 บาท ครับ ถ้าเทียบกับราคาวันก่อนหน้า (13 มิ.ย. 2568 ที่ 21.00 บาท) ก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ถ้าลองย้อนไปดูช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS เคยเคลื่อนไหวในกรอบที่กว้างพอสมควร ตั้งแต่จุดต่ำสุดที่ 20.80 บาท ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ 31.25 บาทเลยทีเดียวครับ แสดงว่าหุ้น BDMS ก็มีการปรับขึ้นลงตามภาวะตลาดและปัจจัยเฉพาะตัวของบริษัทอยู่ตลอด

ปริมาณและมูลค่าการซื้อขายหุ้น BDMS ในแต่ละวันก็ค่อนข้างมากนะครับ อย่างวันที่ 14 มิ.ย. 2568 มีปริมาณซื้อขายกว่า 47 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเกือบ 986 ล้านบาทเลยทีเดียว สะท้อนถึง “สภาพคล่อง” ของหุ้นที่มีสูง ทำให้นักลงทุนซื้อขายได้สะดวก

ข้อมูลผู้ถือหุ้นก็บอกอะไรเราได้หลายอย่างครับ ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2568 พบว่านักลงทุนต่างชาติถือหุ้น BDMS อยู่ประมาณ 25.48% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะครับ แต่ถ้าดูข้อมูลการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติย้อนหลัง 10 วันทำการที่ผ่านมา ก็พบว่ามีการขายสุทธิออกมาเป็นส่วนใหญ่ อันนี้ก็เป็นจุดที่ต้องติดตามดูว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่

นักวิเคราะห์มองหุ้น BDMS หรือ ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ อย่างไรบ้าง?

นอกจากจะดูพื้นฐานบริษัทแล้ว นักลงทุนบางส่วนก็ใช้ “การวิเคราะห์ทางเทคนิค” ประกอบด้วยครับ อย่างการดูสัญญาณจาก MACD หรือ RSI (Relative Strength Index) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่บอกโมเมนตัมและภาวะการซื้อขายของหุ้นครับ ข้อมูลล่าสุดบางแหล่งบอกว่า MACD เริ่มส่งสัญญาณบวก และ RSI อยู่ใกล้ระดับที่เรียกว่า Oversold หรือภาวะที่มีแรงขายมากเกินไป ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวได้ แต่ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ และปัจจัยพื้นฐานด้วยนะครับ

ส่วนมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ก็สอดคล้องกับภาพรวมกลุ่มที่คุยไปตอนแรกครับ คือมองว่าหุ้นโรงพยาบาล รวมถึง BDMS เนี่ย มี “ความทนทานต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจสูง” ราคาหุ้นที่ปรับลงมาในช่วงก่อนหน้า “ได้สะท้อนข่าวลบไปมากเกินไปแล้วจนน่าสนใจ” และยังคงคาดการณ์ว่า “ผลประกอบการปี 2568 จะเติบโตดี” ครับ นี่เป็นมุมมองที่น่ารับฟัง แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองอย่างรอบด้านนะครับ

ถ้าให้ลองเปรียบเทียบ BDMS กับโรงพยาบาลอื่นๆ ในตลาด ก็จะเห็นว่าในปี 2567 มีหุ้นโรงพยาบาลขนาดกลาง-เล็กบางตัวที่ให้ผลตอบแทน YTD (Year-to-Date หรือ ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน) โดดเด่นมากๆ อย่างเช่น WPH หรือ VIH ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีการเติบโตของกำไรสูง

แต่พอมาดูในปี 2568 หุ้นโรงพยาบาลที่ถูกพูดถึงและมีมูลค่าตลาดใหญ่ๆ ก็จะเป็น BH และ BDMS นี่แหละครับ ซึ่ง BDMS มี Market Cap ใหญ่กว่า BH ค่อนข้างมาก สะท้อนความเป็นผู้นำในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนไทย นอกจากนี้ก็มีหุ้นอื่นๆ อย่าง BCH, CHG, PR9, VIBHA, THG ที่นักลงทุนก็ให้ความสนใจและมีการเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานและผลประกอบการกันอยู่เสมอ การศึกษาหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันก็จะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมอุตสาหกรรมและตำแหน่งของ BDMS ได้ดีขึ้นครับ

มาถึงตรงนี้… แล้วเราในฐานะนักลงทุน ควรทำยังไงดีล่ะ?

จากข้อมูลและมุมมองต่างๆ ที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติของธุรกิจที่เป็น Defensive Stock ปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาว ผลประกอบการล่าสุดของ BDMS ที่ยังคงแข็งแกร่ง มุมมองเชิงบวกจากนักวิเคราะห์บางส่วน รวมถึง ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ หรือหุ้น BDMS ที่นักวิเคราะห์มองว่าลงมาระดับน่าสนใจแล้ว

สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า “หุ้น BDMS” หรือ “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” ยังคงเป็นกลุ่มที่ “น่าจับตา” และ “น่าศึกษา” สำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นที่มี “พื้นฐานดี” และ “ความทนทาน” ในช่วงที่ตลาดอาจจะยังมีความไม่แน่นอนอยู่ครับ

อย่างไรก็ตามครับ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มไหนก็ตาม BDMS ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องพิจารณา เช่น การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น, นโยบายภาครัฐที่อาจส่งผลต่อรายได้, ต้นทุนการดำเนินงานที่อาจเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ความผันผวนของภาวะตลาดหุ้นโดยรวม

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน ราคาหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ หรือหุ้น BDMS รวมถึงหุ้นโรงพยาบาลอื่นๆ ทุกท่านควรทำการบ้านให้ละเอียดรอบคอบครับ ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน งบการเงิน แนวโน้มธุรกิจ รวมถึงพิจารณาจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน (แต่ไม่เชื่อทั้งหมด) ที่สำคัญคือ “ประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้” และ “กระจายความเสี่ยง” ในการลงทุนด้วยนะครับ

⚠️ **คำเตือน:** บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลและมุมมองเพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการซื้อ ขาย หรือถือครองหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจลงทุนควรอยู่บนพื้นฐานของการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและพิจารณาความเสี่ยงด้วยตัวท่านเองเสมอครับ

หวังว่าเรื่องราวของหุ้นโรงพยาบาลและ BDMS ในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์หน้า สวัสดีครับ!