“`html
สวัสดีครับ/ค่ะ พบกันอีกแล้วกับคอลัมน์การเงินสไตล์สบายๆ ที่จะพาไปเจาะลึกเรื่องยากๆ ให้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง “ตลาดหุ้นไต้หวัน” ครับ/ค่ะ
หลายคนคงเห็นข่าวช่วงนี้ว่า ดัชนี Taiex ของ ตลาดหุ้นไต้หวัน เนี่ย ดูจะซึมๆ ลงไปหน่อย ใช่ครับ/ค่ะ มันมีการปรับฐานทางเทคนิคเกิดขึ้นจริงจังเลย อย่างข้อมูลที่เราเห็นมา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 เนี่ย ดัชนีร่วงลงไปถึง 4.20% เลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่สะดุด แต่เหมือนเจอคลื่นลมแรงพัดเข้ามาในพอร์ตยังไงยังงั้นเลยครับ/ค่ะ

แล้วคลื่นลมที่ว่ามาจากไหนบ้าง? หลักๆ เลยก็มีความกังวลเรื่องมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายนนี่แหละครับ/ค่ะ เรื่องนี้กระทบตรงๆ กับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างไต้หวัน นอกจากนี้ เรายังเห็นปรากฏการณ์ “ฟันด์โฟลว์” หรือเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลออกอย่างมหาศาลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำสถิติไหลออกมากที่สุดในเดือนเดียวเลยนะ รวมๆ แล้วกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว แรงขายขนาดนี้มีผลกับ ตลาดหุ้นไต้หวัน ไม่น้อยแน่นอน บางแหล่งข้อมูลก็แอบบอกว่า ความก้าวหน้าด้านโมเดล AI จาก DeepSeek ของจีนก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันอยู่เบื้องหลังได้เหมือนกัน
แต่ช้าก่อน! แม้จะเจอคลื่นลมระยะสั้น แต่ถ้ามองภาพใหญ่ พื้นฐานทางเศรษฐกิจระยะยาวของไต้หวันไม่ได้แย่ลงเลยนะครับ/คะ ในปี 2568 นี้ คาดว่า GDP ไต้หวันจะยังเติบโตได้ประมาณ 2.8% (บางสำนักคาดการณ์อาจอยู่ในช่วง 1.6-3.6%) ซึ่งแรงหนุนหลักยังคงมาจากอุตสาหกรรมพระเอกอย่างเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงกับเทรนด์ AI ที่มาแรงมากๆ ทั่วโลก พูดง่ายๆ คือ ถึงแม้จะมีปัจจัยภายนอกมากดดัน แต่เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไต้หวันก็ยังทำงานได้ดีอยู่ครับ/ค่ะ
แน่นอนว่า ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่จากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเอง และโดยเฉพาะความตึงเครียดทางการค้า ซึ่งนโยบายจากสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (ถ้าท่านกลับมา) อาจเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ แต่ในด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางไต้หวันยังคงรักษาเสถียรภาพและควบคุมเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียวครับ/ค่ะ

ทางฝั่ง ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (TWSE) เองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ นะครับ/คะ เค้าก็พยายามพัฒนาตลาดให้มีความน่าเชื่อถือและดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น มีการเปิดตัวอัตลักษณ์องค์กรใหม่ พร้อมกับโครงการใหญ่ๆ ที่ชื่อว่า Global Trailblazing Initiatives เพื่อยกระดับตลาดทุนไต้หวันไปอีกขั้น โครงการพวกนี้ครอบคลุมหลายเรื่องเลย ตั้งแต่การเพิ่มหมวดหมู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ จัดทำดัชนีตามธีมอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ไปจนถึงการสร้างแหล่งข้อมูลอย่าง ESG InfoHub และ Investment InfoHub เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นและเห็นถึงความสำคัญของปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในการลงทุน
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เค้าเปิดตัวแพลตฟอร์มชื่อ ETFortune ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน ETFs ใน ตลาดหุ้นไต้หวัน ไว้ครบวงจร ทั้งเครื่องมือวิเคราะห์ ข้อมูลสถิติ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องมือช่วยคัดเลือก ETFs ที่ตรงกับความต้องการของเรา นี่แสดงให้เห็นว่า TWSE ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ ETFs และการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนมากๆ
หัวใจสำคัญของ ตลาดหุ้นไต้หวัน หนีไม่พ้น “เทคโนโลยี” และ “เซมิคอนดักเตอร์” ครับ/ค่ะ แม้ว่าช่วงนี้ราคาหุ้นหลายตัวจะปรับลงมา แต่ศักยภาพในระยะยาวยังคงน่าสนใจมาก เพราะไต้หวันคือผู้เล่นหลักในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะเทรนด์ AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก

พูดถึงไต้หวัน ต้องนึกถึง TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co Ltd เค้าคือผู้รับจ้างผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก มีเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยมากๆ ตั้งแต่ 5nm ตอนนี้ก็กำลังพัฒนา 3nm และ 2nm อยู่ ซึ่งการผลิตชิปพวกนี้แหละครับ/ค่ะ ที่เป็นส่วนสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบ AI ที่เราใช้กันทุกวันนี้ ลูกค้าหลักๆ ของ TSMC ก็คือบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple, Nvidia, AMD ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากกระแส AI TSMC ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากๆ ใน ตลาดหุ้นไต้หวัน แม้ในปี 2567 รายได้และกำไรสุทธิจะลดลงไปบ้าง แต่ก็คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ดีในปีนี้ ค่า PE ประมาณ 18.62 เท่า ถือว่ายังไม่แพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 1.89% อีกด้วยครับ/ค่ะ
นอกจาก TSMC ก็ยังมีบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่น่าจับตา อย่างเช่น Alchip Technologies Ltd ที่เน้นด้านการออกแบบและผลิตชิปเฉพาะทาง (ASIC และ SoC) ซึ่งในปี 2567 เค้ามีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตสูงมาก จัดเป็นหนึ่งในหุ้นเติบโตที่น่าสนใจเลยครับ/ค่ะ หรือ Hon Hai Precision Industry Co Ltd ที่เรารู้จักกันในชื่อ Foxconn Technology บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตให้แบรนด์ดังๆ เพียบ ทั้ง Sony, Xiaomi, Intel และแน่นอนว่า Apple แม้ปี 2567 รายได้จะลดลงเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิยังโตได้ดี หุ้น Foxconn ยังซื้อขายในราคาไม่แพงนักเมื่อดูจากค่า PE ที่ประมาณ 12.3 เท่า และยังจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 3.71% เลยครับ/ค่ะ อีกบริษัทคือ Quanta Computer ที่เก่งเรื่องการออกแบบและผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ AI ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ถึงปี 2567 รายได้จะติดลบ แต่ก็ยังรักษากำไรสุทธิให้เติบโตสูงได้ น่าสนใจมากๆ
แล้วนักลงทุนไทยอย่างเราล่ะ จะไปร่วมวงลงทุนใน ตลาดหุ้นไต้หวัน ได้ยังไง? การจะไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นที่ไต้หวันโดยตรงอาจจะซับซ้อนสำหรับหลายๆ คนครับ/ค่ะ แต่ข่าวดีคือนักลงทุนไทยลงทุนใน ตลาดหุ้นไต้หวัน ได้ง่ายขึ้นผ่าน “ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า DR ซึ่งซื้อขายอยู่ใน ตลาดหุ้นไทย เรานี่เอง
DR พวกนี้จะอ้างอิงกับหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมี DR ใน ตลาดหุ้นไทย ที่อ้างอิงกับ ETFs ใน ตลาดหุ้นไต้หวัน อยู่ 3 ตัวครับ/ค่ะ หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ คือ DR ชื่อ “TAIWAN19” ซึ่งอ้างอิงกับ Yuanta/P-shares Taiwan Top 50 ETF (โค้ด 0050.TW)
Yuanta/P-shares Taiwan Top 50 ETF หรือ 0050.TW เนี่ย บริหารโดย Yuanta Securities Inv Trust ถือเป็นกองทุน ETFs ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมและสภาพคล่องการซื้อขายสูงที่สุดใน ตลาดหุ้นไต้หวัน เลยครับ/ค่ะ กองทุนนี้เค้าจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกของไต้หวัน ซึ่งกว่า 80% เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีระดับโลก อย่าง TSMC, Foxconn, MediaTek, Quanta Computer, ASUS หุ้นพวกนี้ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีที่สำคัญมากๆ ทั่วโลกครับ/ค่ะ
ผลการดำเนินงานของ 0050.TW ก็ไม่ธรรมดาเลย ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา กองทุนนี้เติบโตสูงถึง 47.14% เรียกได้ว่าให้ผลตอบแทนที่ดีมากๆ แถมยังมีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมออีกด้วยครับ/ค่ะ การลงทุนผ่าน DR TAIWAN19 ก็เหมือนเราได้ซื้อ “เสี้ยวหนึ่ง” ของกองทุน ETFs ยักษ์ใหญ่และสภาพคล่องสูงตัวนี้ ผ่านตลาดหุ้นไทย ทำให้เราสามารถลงทุนในหุ้นชั้นนำ 50 ตัวแรกของไต้หวันได้ง่ายขึ้นเยอะเลย มูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทุน 0050.TW อยู่ที่ประมาณ 4,139.33 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งแสดงถึงขนาดและความนิยมของกองทุนนี้ครับ/ค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุนใน DR ที่อ้างอิง ETF ไต้หวัน ก็มีข้อควรรู้เล็กน้อยนะครับ/คะ ข้อแรกคือเราควรดูขนาดและสภาพคล่องของ ETF ต้นทางที่เราอ้างอิง (ซึ่ง 0050.TW ถือว่ามีสภาพคล่องสูงมากอยู่แล้ว) ข้อสองคือเรื่องค่าธรรมเนียมการจัดการของ ETF ต้นทาง (ตัว DR เองจะไม่มีค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนจากค่าธรรมเนียมของ ETF ต้นทาง) และสุดท้ายคือเวลาเปิดทำการของ ตลาดหุ้นไต้หวัน ซึ่งอาจแตกต่างจาก ตลาดหุ้นไทย ทำให้เราต้องดูเวลาดีๆ ในการส่งคำสั่งซื้อขายครับ/ค่ะ
สรุปแล้ว แม้ช่วงนี้ ตลาดหุ้นไต้หวัน จะเจอแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกและมีการปรับฐานลงมาบ้าง แต่พื้นฐานเศรษฐกิจและศักยภาพของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นจุดแข็งของไต้หวัน ยังคงน่าสนใจมากๆ ครับ/ค่ะ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับเทรนด์ AI ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสำหรับนักลงทุนไทย การลงทุนผ่าน DR ที่อ้างอิง ETFs ไต้หวัน อย่าง DR TAIWAN19 ที่อ้างอิง 0050.TW ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปลงทุนในหุ้นชั้นนำ 50 ตัวแรกของไต้หวันได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นครับ/ค่ะ
⚠️ อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน ตลาดหุ้นไต้หวัน ไม่ว่าจะผ่านช่องทางใด รวมถึงการซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอล มีความเสี่ยงสูงมากครับ/ค่ะ ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้ ราคาอาจมีความผันผวนสูงและได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งด้านการเงิน กฎหมาย และการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก
ข้อมูลที่เรานำเสนอในบทความนี้ (รวมถึงข้อมูลดัชนี WTX ที่อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 17/4/2568 ซึ่งอยู่ที่ 19,338.73 จุด ลดลง 0.66% ในวันนั้น และข้อมูลตัวชี้วัดทางเทคนิค ณ เวลาหนึ่งที่สรุปว่า ‘เป็นกลาง’ ทั้ง Oscillators และ Moving Averages) ไม่ได้เป็นแบบเรียลไทม์หรือแม่นยำเสมอไป อาจเป็นราคาชี้นำจากผู้ดูแลสภาพคล่อง ไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์การซื้อขายจริง ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการสูญเสียที่เกิดจากการซื้อขายหรือการพึ่งพาข้อมูลนี้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะครับ/คะ
ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ/ค่ะ
“`