เจาะลึก หุ้นtencent: โอกาสทอง ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยผันผวน?

สวัสดีครับ/ค่ะ ทุกคน! วันนี้มานั่งคุยเรื่องเงินๆ ทองๆ กันหน่อย เชื่อว่าหลายคนคงติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่ใช่ไหมครับ/คะ? ช่วงนี้เห็นข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม… เอ๊ะ! แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเงินในกระเป๋าเรา หรือกับการลงทุนของเราล่ะ? แถมตลาดหุ้นบ้านเรา ดัชนี SET ก็ดูจะแกว่งๆ ยังไงไม่รู้ แล้วถ้าเรามองหาโอกาสนอกบ้าน อย่างหุ้นต่างแดนอย่าง ‘หุ้น Tencent (Tencent Holding)’ ล่ะ จะต้องดูอะไรบ้าง? มาทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้แบบง่ายๆ กันครับ/ค่ะ

มาดูกันก่อนว่าทำไม กนง. ถึงตัดสินใจ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้นิ่งๆ ปกติการขึ้นหรือลดดอกเบี้ยนโยบายเนี่ย เป็นเครื่องมือสำคัญของธนาคารกลางในการคุมเศรษฐกิจ เหมือนเป็นคันเร่งหรือเบรก ถ้าเศรษฐกิจร้อนแรงไปก็อาจจะเบรก (ขึ้นดอกเบี้ย) ถ้าซึมเซาก็อาจจะเหยียบคันเร่ง (ลดดอกเบี้ย) แต่ตอนนี้ กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ระหว่างฟื้นตัวนะ ยังมีความไม่แน่นอนสูงอยู่ เลยเลือกที่จะคงไว้ก่อน เพื่อประคองการฟื้นตัวนี้ให้ไปต่อได้ เหมือนประคองเรือให้แล่นไปนิ่งๆ ในวันที่คลื่นลมยังไม่สงบดีนั่นแหละครับ/ค่ะ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายนี้ก็เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงรายล้อมอยู่บ้าง

แล้วตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เราได้ยินบ่อยๆ ล่ะเป็นยังไงบ้าง? อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือราคาของข้าวของเครื่องใช้โดยรวมเนี่ย ช่วงที่ผ่านมาก็ขยับขึ้นมานิดหน่อย แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ ธปท. เขากำหนดไว้นะครับ/คะ ไม่ได้พุ่งพรวดจนน่าตกใจ ส่วนใหญ่ก็มาจากปัจจัยชั่วคราวบ้าง ราคาพลังงานบ้าง ยังถือว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังมีจำกัดอยู่ ตรงข้ามกับการส่งออก (Export) ที่ยังน่าเป็นห่วง มูลค่ายังหดตัวอยู่ต่อเนื่องเลยครับ/ค่ะ อันนี้สะท้อนว่าประเทศคู่ค้าของเรา เศรษฐกิจเขายังชะลอตัว ไม่ได้สั่งซื้อสินค้าจากเราเยอะเหมือนก่อน แถมยังมีปัจจัยเชิงโครงสร้างอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ปัจจัยนี้กระทบโดยตรงกับหลายธุรกิจในบ้านเราเลยนะ

ขณะเดียวกัน การบริโภคภาคเอกชน (Private Consumption) หรือการใช้จ่ายของพวกเราๆ นี่แหละ ดูเหมือนจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะพวกบริการ ท่องเที่ยว คึกคักขึ้นเยอะมากหลังจากที่บ้านเมืองกลับมาเปิดปกติ อันนี้เป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยพอจะเดินหน้าต่อไปได้ครับ/ค่ะ ส่วนการลงทุนภาคเอกชน (Private Investment) ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ยังคงทรงตัวอยู่ เหมือนธุรกิจยังรอดูท่าทีต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใหญ่ๆ เพิ่มเติม

พอเศรษฐกิจภาพรวมออกมาผสมๆ แบบนี้ ส่วนหนึ่งดีขึ้น ส่วนหนึ่งยังน่าห่วง ตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ก็เลยเคลื่อนไหวแบบผันผวนไงครับ/ค่ะ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ตามข่าว ตามปัจจัยทั้งจากในประเทศ (อย่างเรื่องส่งออกที่ยังไม่ดี หรือการบริโภคที่เริ่มฟื้น) และปัจจัยจากต่างประเทศ (ที่ส่งผลต่อการส่งออกเรานั่นแหละ รวมถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม) นักลงทุนก็ยังมีความกังวลอยู่ ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นบ้านเรายังดูไม่ค่อยนิ่งเท่าที่ควร การที่ดัชนี SET ผันผวนสะท้อนถึงการที่ตลาดยังคงประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา

ทีนี้… ไหนๆ ก็คุยเรื่องลงทุนแล้ว นอกจากตลาดหุ้นบ้านเราเนี่ย มีหลายคนเริ่มหันไปมองหาโอกาสในต่างประเทศกันบ้างใช่ไหมครับ/คะ? เพราะโลกมันเชื่อมถึงกันหมดแล้ว หุ้นของบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หุ้น Tencent (Tencent Holding) ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยิน เป็นหุ้นของบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่ทำธุรกิจหลากหลายมาก ทั้งเกมออนไลน์ยอดนิยม โซเชียลมีเดียที่คนใช้เยอะ บริการทางการเงินบนมือถือ และคลาวด์คอมพิวติ้ง การจะลงทุนในหุ้น Tencent (Tencent Holding) เนี่ย มันก็ต้องดูปัจจัยคนละแบบกับที่เราดูกับหุ้นไทยเลยนะ

ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลกับราคา หุ้น Tencent (Tencent Holding) ก็เช่น นโยบายของรัฐบาลจีนต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีนเอง แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมและโซเชียลมีเดียทั่วโลก ผลประกอบการของบริษัท หุ้น Tencent (Tencent Holding) เองในแต่ละไตรมาส รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย หรือตัวเลขส่งออกของไทยมากนักครับ/ค่ะ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม แต่อิทธิพลหลักๆ ที่มีต่อ หุ้น Tencent (Tencent Holding) มาจากปัจจัยเฉพาะของบริษัทและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศจีนและในระดับโลกมากกว่า

ถามว่าแล้วเศรษฐกิจไทยที่เราคุยกันมา เกี่ยวข้องอะไรกับการจะลงทุนในหุ้น Tencent (Tencent Holding) หรือไม่? อาจจะเกี่ยวบ้างในแง่ของ sentiment ตลาดโดยรวม หรือสภาพคล่องของเงินทุนในประเทศ ถ้าเศรษฐกิจไทยดี คนมีกำลังซื้อมากขึ้น อาจจะมีการกระจายเงินไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น แต่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ ของ หุ้น Tencent (Tencent Holding) มาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเศรษฐกิจในประเทศจีนและภาพรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกมากกว่าครับ/ค่ะ ดังนั้น ถ้าเราจะตัดสินใจลงทุนอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทยที่อิงกับเศรษฐกิจบ้านเรา หรือหุ้นต่างประเทศอย่าง หุ้น Tencent (Tencent Holding) เราก็ต้องเข้าใจว่าปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลกับมันจริงๆ และประเมินความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

สรุปแล้ว ภาวะเศรษฐกิจไทยตอนนี้ก็เหมือนเรือที่กำลังพยายามจะแล่นฝ่าคลื่น กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้นิ่งๆ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ตัวเลขบางอย่างอย่างการส่งออกจะยังน่าห่วง แต่การบริโภคภายในและการท่องเที่ยวก็เป็นแรงหนุนที่สำคัญ จากข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ช่วยให้เราเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น ส่วนตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ก็ยังผันผวนตามข่าวสารและปัจจัยรอบด้านอยู่ครับ/ค่ะ

ถ้าเราสนใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หรือจะมองหาโอกาสในต่างประเทศอย่าง หุ้น Tencent (Tencent Holding) สิ่งสำคัญคือการทำการบ้านครับ/ค่ะ เข้าใจว่าสินทรัพย์แต่ละตัวที่เราสนใจมันได้รับผลกระทบจากอะไรบ้าง อย่าเพิ่งเชื่อตามกระแสอย่างเดียว การกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งในประเทศ (เช่น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศ) และต่างประเทศ (อย่าง หุ้น Tencent (Tencent Holding) ที่เป็นตัวอย่างของหุ้นเทคฯ จีน) ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าพิจารณา เพื่อไม่ให้พอร์ตการลงทุนของเราไปกระจุกตัวอยู่กับปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งมากเกินไปครับ/ค่ะ

⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ/ค่ะ ก่อนตัดสินใจลงทุนอะไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ และทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หรือ หุ้น Tencent (Tencent Holding) หรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสภาพคล่องทางการเงินเรายังไม่สูงมากนัก ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนนำเงินไปลงทุน และไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์เดียว ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนนะครับ/คะ!