
เพื่อนๆ นักลงทุนและผู้ที่สนใจตลาดหุ้นทุกคนครับ!
วันนี้ผมมีเรื่องมาเม้าท์ เอ้ย! มาเล่าสู่กันฟังครับ ช่วงนี้เห็นหลายคนบ่นอุบว่า ตลาดหุ้น นี่มันซับซ้อนจริงๆ ไหนจะข่าวต่างประเทศ ไหนจะกิจกรรมของบริษัทไทยที่เราถืออยู่ ดู ตารางหุ้น ทีไร ตัวเลขเยอะแยะไปหมด ทั้งราคาขึ้นลง เครื่องหมายสารพัดตัว วันนี้ผมจะมาช่วยแกะกล่องข้อมูลเหล่านี้ให้เข้าใจง่ายขึ้น เหมือนมานั่งคุยกันจิบกาแฟสบายๆ นะครับ
เริ่มต้นด้วยเรื่องไกลตัวหน่อย แต่เกี่ยวข้องกันเต็มๆ นั่นคือ “ตลาดหุ้นทั่วโลก” ครับ เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเราดูพยากรณ์อากาศน่ะครับ สภาพอากาศที่อเมริกา ยุโรป หรือจีน ก็ส่งผลถึงอากาศบ้านเราได้บ้าง ตลาดหุ้นก็เหมือนกันครับ ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Microsoft (บริษัทเทคโนโลยี), Apple Inc. (เทคโนโลยีอิเลคทรอนิกส์), NVIDIA Corporation (เทคโนโลยีอิเลคโทรนิกส์ผู้ผลิตชิป), Alphabet Inc. (บริษัทแม่ Google – บริการทางด้านเทคโนโลยี), Amazon.com, Inc. (การค้าปลีกออนไลน์), Meta Platforms, Inc. (บริษัทแม่ Facebook – บริการทางด้านเทคโนโลยี) พวกนี้เขามีอิทธิพลต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกครับ เวลาดูใน ตารางหุ้น ต่างๆ ที่สรุปข้อมูลระดับโลกมาให้ บางทีเราจะเห็นตัวเลขเขียวๆ แดงๆ ขึ้นลง บางตัวราคาพุ่งแรง มีเรตติ้งจากนักวิเคราะห์ว่า “มีแรงซื้อรุนแรง” อย่าง Microsoft, NVIDIA, Amazon, Meta, Eli Lilly and Company (เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพ) หรือ Walmart (การค้าปลีก) ขณะที่บางตัวก็เคลื่อนไหวปกติ
ยกตัวอย่างจากข้อมูลล่าสุด (ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 นะครับ) เราเห็น Apple มูลค่าตลาดเกือบ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (2.96 ล้านล้าน) ราคาอยู่ที่ราวๆ 196 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลงบวกไปหน่อย แต่ Microsoft มูลค่า 2.73 ล้านล้านเหรียญฯ ราคาก็มีปรับลดลงมาบ้าง NVIDIA ตัวแรงที่ใครๆ ก็พูดถึง มูลค่า 2.48 ล้านล้านเหรียญฯ ราคาก็มีพักตัวลงมาหลังพุ่งแรง ส่วน Eli Lilly บริษัทด้านสุขภาพนี่ราคาวิ่งแรงน่าดูเลย บวกไปตั้ง 14% แต่ UnitedHealth Group Incorporated (บริการเกี่ยวกับสุขภาพ) นี่ก็โดนเทหนักเหมือนกัน ลบไปตั้ง 22% คือจะเห็นว่า แม้จะเป็นหุ้นใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวก็แตกต่างกันไปครับ การที่เราพอรู้ความเคลื่อนไหวของหุ้นใหญ่พวกนี้ ก็เหมือนรู้แนวโน้มลมฟ้าอากาศคร่าวๆ ว่าช่วงนี้อารมณ์ตลาดโลกเป็นยังไง จะได้เตรียมตัวรับมือกับ ตารางหุ้น บ้านเราได้ถูก

แล้ว ตารางหุ้น ในบ้านเราล่ะ ช่วงนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง? ขอบอกว่าข้อมูลกิจกรรมของบริษัทจดทะเบียนไทยช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 นี้น่าจับตาหลายเรื่องเลยครับ ถ้าใครถือหุ้นหรือกองทุนอสังหาฯ REITs (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) นี่น่าจะแฮปปี้กันหลายตัวเลยครับ เพราะหลายตัวขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-Dividend) เพียบ! เครื่องหมาย XD นี่ภาษาชาวบ้านคือ “ถ้าซื้อหุ้นหลังจากวันที่ขึ้นเครื่องหมายนี้ จะไม่ได้สิทธิ์รับเงินปันผลรอบนี้แล้วนะ” ครับ
จากข้อมูลที่เห็นใน ตารางหุ้น ไทย ช่วงนี้ มีกองทุนหรือบริษัทอสังหาฯ ขึ้น XD กันเพียบ เช่น AIMIRT จ่าย 0.2150 บาทต่อหุ้น, CPNCG จ่าย 0.1284 บาทต่อหุ้น, CPNREIT จ่าย 0.2505 บาทต่อหุ้น, WHART จ่าย 0.1915 บาทต่อหุ้น นอกจากกลุ่มอสังหาฯ ก็มีตัวอื่นๆ ด้วยอย่าง DCC (กระเบื้อง) จ่าย 0.03 บาทต่อหุ้น, TSC (ยางรถยนต์) จ่าย 0.40 บาทต่อหุ้น พวกนี้จ่ายจากกำไรสุทธิหรือกำไรสะสมรอบล่าสุด (มกราคม-มีนาคม 2568 หรือ ตุลาคม 2567-มีนาคม 2568 แล้วแต่รอบบัญชี)
ยังมีตัวอื่นๆ ที่จะขึ้น XD ตามมาอีกหลายตัวเลยครับในช่วงกลาง-ปลายเดือนพฤษภาคม 2568 นี้ ดูใน ตารางหุ้น ของแต่ละตัวไว้ดีๆ นะครับ เช่น AXTRART, INETREIT, SPRIME, TPRIME, BKIH, FTREIT, PSL, SUTHA, DMT, BKA, CPTREIT, HYDROGEN, KPNREIT, SRIPANWA, WHAIR, ADD, AMATAR, B-WORK, FUTURERT, ISSARA, IVL, KAMART, KTBSTMR, PRI, SIRIPRT แต่ละตัวก็มีอัตราการจ่ายปันผลและวันที่ขึ้นเครื่องหมายแตกต่างกันไปครับ ถ้าใครชอบหุ้นปันผล ต้องคอยเช็กข่าวและวันที่ขึ้น XD ของหุ้นที่เราสนใจให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อขายนะครับ จะได้ไม่พลาดสิทธิ์
นอกจาก XD แล้ว ตารางหุ้น ไทยบางตัวก็มีเรื่อง “เพิ่มทุน” หรือ “แปลงสภาพ” ด้วยครับ อันนี้จะขึ้นเครื่องหมาย XR (Ex-Right) หรือ XE (Ex-Exercise) ภาษาชาวบ้านคือ “ถ้าซื้อหุ้นหลังจากวันที่ขึ้นเครื่องหมายนี้ อาจจะไม่ได้สิทธิ์จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หรือสิทธิ์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นสามัญ” ครับ อย่าง DIMET ขึ้น XR ให้สิทธิ์ใช้ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) 1 ต่อ 1 ที่ราคาแปลงสภาพ 0.09 บาท, FVC ขึ้น XR เพิ่มทุนอัตราส่วน 1 เดิม ต่อ 5.3084 ใหม่ ที่ราคาจอง 0.50 บาท ส่วนพวกใบสำคัญแสดงสิทธิอย่าง TVDH-W3, CPANEL-W1, TNDT-W1 ก็ขึ้น XE ให้สิทธิ์แปลงสภาพครับ รายละเอียดอัตราส่วนและราคาแปลงสภาพก็แตกต่างกันไป ถ้าถือหุ้นหรือ Warrant พวกนี้อยู่ ต้องรีบดูใน ตารางหุ้น หรือข่าวบริษัทดีๆ ว่ามีรายละเอียดและช่วงเวลาใช้สิทธิ์เมื่อไหร่ จะได้ไม่เสียโอกาสครับ
เรื่องสำคัญอีกอย่างที่นักลงทุนต้องเจอใน ตารางหุ้น คือการ “ซื้อขายวันสุดท้าย” หรือ “เพิกถอนหลักทรัพย์” ครับ อันนี้ตรงไปตรงมาคือ หุ้นหรือ Warrant ตัวนั้นจะไม่ได้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกต่อไปแล้ว เช่น NWR มีการแจ้งซื้อขายวันสุดท้าย หรือพวก Warrant อย่าง TVDH-W3, CPANEL-W1, TNDT-W1, TH-W3 ก็มีวันซื้อขายวันสุดท้ายในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 และบางตัวก็มีการเพิกถอนหลักทรัพย์ไปเลยอย่าง DITTO-W1, SIMAT-W3, SSP-W2, TM-W1 ถ้าเราถือหุ้นหรือ Warrant ที่มีการแจ้งซื้อขายวันสุดท้ายหรือเพิกถอนหลักทรัพย์ ต้องรีบตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับมันนะครับ จะขายทิ้งก่อนหมดอายุ หรือถ้าเป็น Warrant ก็ดูว่าจะแปลงสภาพทันไหม ก่อนที่มันจะหมดมูลค่าในตลาดไป

และยังมีกรณีพิเศษอย่าง MTI ที่มีการ “เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น” หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “หุ้นแตกพาร์” ครับ จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เปลี่ยนเป็นหุ้นละ 1 บาทในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 อันนี้จำนวนหุ้นในพอร์ตเราจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า แต่ราคาหุ้นก็จะลดลง 10 เท่าตามสัดส่วน มูลค่ารวมของพอร์ตไม่ได้เปลี่ยนทันที แต่เป็นการปรับเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นตัวนั้นครับ
เห็นไหมครับว่า แค่ดูใน ตารางหุ้น ไม่ใช่แค่ราคาขึ้นลงอย่างเดียว ยังมีกิจกรรมของบริษัทอีกมากมายที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของเรา ถ้าไม่รู้เรื่องพวกนี้ อาจจะพลาดโอกาส หรือตกใจโดยไม่จำเป็นได้
ทีนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า “อ้าว แล้วฉันจะดูข้อมูล ตารางหุ้น พวกนี้ที่ไหน?” ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตรง และมีผู้ให้บริการข้อมูลการเงินอย่าง Fusion Media เป็นคนรวบรวมและเผยแพร่ครับ ข้อมูลพวกนี้มีให้อัปเดตเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ต้องจำไว้เสมอคือ ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาจจะไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์เป๊ะๆ หรือมีความคลาดเคลื่อนได้บ้าง และถึงแม้ข้อมูลจะแม่นยำแค่ไหน การลงทุนก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดีครับ
มาถึงเรื่องสำคัญที่สุดที่อยากจะเตือนไว้เลยนะครับ การลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารทางการเงิน หรือแม้แต่เงินดิจิตอลสมัยนี้ “มีความเสี่ยงสูงมากๆ” ครับ คุณอาจจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด หรือมากกว่านั้นได้เลย มันไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคนนะครับ ราคาหุ้นมันผันผวนได้ง่ายมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยสารพัด ทั้งข่าวสาร สถานการณ์เศรษฐกิจโลก สภาพคล่องในตลาด หรือแม้แต่อารมณ์ของนักลงทุนหมู่มาก
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะขับรถไปเที่ยว คุณต้องดูแผนที่ ดูสภาพอากาศ ดูสภาพรถตัวเองก่อนออกเดินทางใช่ไหมครับ การลงทุนก็เหมือนกัน ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อขายหุ้นตัวไหนใน ตารางหุ้น ไม่ว่าจะเห็นว่าน่าสนใจแค่ไหนก็ตาม คุณต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำความเข้าใจธุรกิจของบริษัท ดูงบการเงิน ดูข่าวสาร ดูว่าเขามีกิจกรรมอะไรที่จะเกิดขึ้นบ้าง (อย่างพวก XD, XR ที่เล่าไป) และถ้าไม่แน่ใจจริงๆ “ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน” ก่อนตัดสินใจเสมอครับ อย่าเพิ่งเอาเงินเก็บทั้งชีวิต หรือเงินที่ต้องใช้ในอนาคตมาลงทุนแบบไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีนะครับ
**สรุปง่ายๆ** สำหรับเพื่อนๆ นักลงทุนที่กำลังดู ตารางหุ้น อยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะ ตารางหุ้น10 อันดับแรก หรือ ตารางหุ้น ตัวเล็กตัวน้อยที่สนใจ จำไว้นะครับว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีอิทธิพลกับเรา แต่กิจกรรมสำคัญของบริษัทไทยอย่างการจ่ายปันผล (XD), การเพิ่มทุน (XR), การแปลงสภาพ (XE) หรือแม้แต่การเพิกถอนหลักทรัพย์ ก็เป็นข้อมูลสำคัญที่เราต้องรู้ และเช็กวันที่ให้ดี การรู้ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราตัดสินใจได้รอบคอบขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือ “การบริหารความเสี่ยง” ครับ ลงทุนเท่าที่รับความเสี่ยงได้ ศึกษาข้อมูลให้เยอะๆ และถ้าเงินลงทุนมีจำกัดมากๆ ควรคิดให้ดีมากๆ ก่อนจะลงเงินไปนะครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุน และสนุกกับการแกะรหัสใน ตารางหุ้น ครับ!