ช่วงนี้เดินไปไหนมาไหน เรามักจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งอยู่บนถนนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ? แบรนด์นึงที่คนไทยคุ้นหูเป็นพิเศษ และต้องมีคนพูดถึงตลอดเวลา ก็คงหนีไม่พ้น “เทสลา” (Tesla) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลก ที่มีเจ้าของสุดแนวอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เป็นแม่ทัพใหญ่
แต่เรื่องของ หุ้น tesla ไม่ได้มีแค่รถยนต์ไฟฟ้าสวยๆ หรือข่าวของ อีลอน มัสก์ เพียงอย่างเดียว เพราะนี่คือบริษัทมหาชนที่มีผลการดำเนินงาน มีปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ที่ส่งผลต่อ “ราคา หุ้น tesla” อยู่ตลอดเวลา แล้วสถานการณ์ตอนนี้ของ หุ้น tesla เป็นยังไงบ้างล่ะ? น่าสนใจลงทุนอยู่ไหม? วันนี้เรามาคุยกันแบบสบายๆ สไตล์คอลัมนิสต์การเงินที่อยากเล่าเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่ายกันครับ
**ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังไปต่อ… แต่ Tesla เจอศึกหนักรอบด้าน**
ถ้าถามถึงภาพใหญ่ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกยังไงก็ยังโตต่อไปเรื่อยๆ ตามกระแสโลกที่อยากลดการพึ่งพาน้ำมัน และเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น แต่โลกมันหมุนเร็ว คู่แข่งก็ผุดขึ้นมาเพียบเหมือนดอกเห็ดเลยครับ
ในอดีต Tesla เคยเป็นผู้นำแบบชัดเจนมากๆ อย่างในปี 2564 พวกเขามีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกถึง 14% ถือว่าเยอะสุดๆ ครับ แต่มาถึงวันนี้ สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป ยอดขาย Tesla ในตลาดสำคัญอย่างยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมนี ฝรั่งเศส และกลุ่มสแกนดิเนเวีย กำลังปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดใหญ่อย่างจีน ยอดขายยังคงเติบโตอยู่บ้าง แต่มันเป็นการเติบโตแบบ “นิดหน่อย” ในช่วงไตรมาส 1/2568 นี่เอง

นี่คือสัญญาณที่บอกว่า “การแข่งขันมันดุเดือดขึ้นกว่าเดิมมาก” ไม่ใช่แค่ในสนามรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปนะครับ แม้แต่ในสนามใหม่ๆ อย่าง Robotaxi (รถแท็กซี่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ) หรือระบบขับขี่อัตโนมัติ ก็มีผู้เล่นรายอื่นกระโดดเข้ามาร่วมวงเต็มไปหมด คู่แข่งเก่งๆ ที่พัฒนาเทคโนโลยีตามมาติดๆ มีเยอะแยะไปหมดเลยครับ
**ตัวเลขผลประกอบการล่าสุด บอกอะไรเรา?**
โอเค ตลาดแข่งขันสูง แล้วผลลัพธ์มันออกมาเป็นยังไง? มาดูตัวเลขล่าสุดกันดีกว่าครับ ตัวเลขพวกนี้คือสิ่งที่สะท้อนสุขภาพทางการเงินของบริษัท และเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้ตัดสินใจ
ล่าสุดในไตรมาส 1/2568 Tesla มีรายได้รวมลดลงถึง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถ้าย้อนไปดูตัวเลขใกล้ๆ กันคือไตรมาส 4/2024 รายได้จากการขายรถยนต์ก็ลดลง 8% และกำไรจากการดำเนินงานก็ลดลงถึง 23%
ตัวเลขพวกนี้มันฟ้องว่า Tesla กำลังเผชิญความท้าทายในการสร้างรายได้และรักษากำไรในระยะสั้น กำไรต่อหุ้นปรับลดในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (TTM) อยู่ที่ 3.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าตามราคาตลาดล่าสุดก็อยู่ที่ประมาณ 765.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อัตรากำไรจากการดำเนินงานโดยรวมอยู่ที่ 7.26% และอัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ 13.44% (ตัวเลข TTM ทั้งคู่) ตัวเลขพวกนี้ก็เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการทำกำไรของบริษัทครับ แต่ที่สำคัญมากๆ สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผล ต้องรู้ไว้ว่า Tesla ยัง ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล นะครับ กำไรที่ได้ บริษัทนำไปลงทุนต่อยอดธุรกิจทั้งหมด
**พายุนอกบ้าน: จากนโยบายรัฐบาล ถึงพฤติกรรมเจ้าของ**
นอกจากเรื่องการเงินและคู่แข่งแล้ว ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยากก็ส่งผลกระทบต่อ Tesla อย่างมีนัยสำคัญเลยครับ

อย่างเรื่องนโยบายรัฐบาล ล่าสุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) มีนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชน (Supply Chain) หรือห่วงโซ่อุปทานของบริษัทได้
อีกประเด็นที่ร้อนแรงมากๆ ก็คือบทบาทและพฤติกรรมส่วนตัวของ อีลอน มัสก์ ครับ ไม่ว่าจะเป็นบทบาททางการเมืองในสหรัฐฯ หรือพฤติกรรมบนโซเชียลมีเดียหลายๆ ครั้ง กำลังสร้างแรงกดดันและกระแสต่อต้าน Tesla ในหลายๆ พื้นที่เลยครับ ถึงขั้นมีการบอยคอต (Boycott) หรือไม่ซื้อสินค้า Tesla ในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่ากระทบยอดขายโดยตรง
นี่ยังไม่รวมถึงคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มในสหรัฐฯ เรื่องการปั่นเลขไมล์รถยนต์ หรือแม้แต่เหตุการณ์ทำลายทรัพย์สิน เช่น เผารถยนต์ หรือพังโชว์รูม/สถานีชาร์จ ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ปัจจัยเหล่านี้เป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนมองข้ามไม่ได้เลยครับ
**กูรูมองต่างมุม… แต่แฟนคลับยังเหนียวแน่น**
เมื่อสถานการณ์ซับซ้อนแบบนี้ นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเค้ามีมุมมองยังไงกันบ้างล่ะ? ขอบอกเลยว่า “หลากหลาย” ครับ
ฝั่งที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ ก็คือ เคธี วูด (Cathie Wood) จาก ARK Invest เธอยังคงเชื่อมั่นในตัว Tesla และมองว่าราคาหุ้นจะไปได้ไกลมากๆ ถึงขั้นคาดการณ์ราคาเป้าหมายไว้สูงถึง 2,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2029 เลยทีเดียว โดยมุมมองของเธอเน้นไปที่ “บริการ Robotaxi” หรือรถแท็กซี่ไร้คนขับนี่แหละครับ ว่าจะเป็นขุมทรัพย์ใหม่ของ Tesla
อีกสำนักที่มองบวกอย่าง Morgan Stanley (มอร์แกน สแตนลีย์) ก็ยังคงแนะนำ “ซื้อ” (Overweight) หุ้น Tesla และให้เป็นหุ้นแนะนำอันดับ 1 ในกลุ่มยานยนต์ของสหรัฐฯ แม้ว่าพวกเขาจะปรับลดราคาเป้าหมายลงมาบ้าง เพราะปัจจัยลบระยะสั้นที่กล่าวไปข้างต้น แต่พวกเขาก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวจากโครงการพัฒนาหุ่นยนต์ (Optimus) และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ของ Tesla ครับ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไปดูประมาณการราคาเป้าหมายเฉลี่ย 1 ปีจากนักวิเคราะห์หลายๆ สำนัก ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 193.37 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งต้องบอกว่าตัวเลขนี้มีช่วงประมาณการที่กว้างมากๆ นะครับ มีตั้งแต่สูงสุด 500.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจนถึงต่ำสุดแค่ 115.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว นี่แสดงให้เห็นว่าตลาดเองก็ยังไม่แน่ใจทิศทางของ หุ้น tesla เท่าไหร่นัก
แต่ที่น่าสนใจคือ แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับตัวยงของ อีลอน มัสก์ ก็ยังคงเดินหน้ากว้านซื้อ หุ้น tesla อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตัวบริษัทและผู้นำของพวกเขาครับ
**นักลงทุนไทย อยากเป็นเจ้าของ หุ้น tesla ทำยังไง?**
สำหรับนักลงทุนไทยที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า “เออ น่าสนใจนะ” หรือ “อยากลองลงทุนใน หุ้น tesla ดูบ้าง” ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วครับ เราไม่จำเป็นต้องไปเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศให้ยุ่งยาก
นักลงทุนไทยสามารถลงทุนใน หุ้น tesla ได้ผ่านการซื้อ DRx (Depositary Receipt) ในตลาดหุ้นไทยได้เลยครับ DRx ของ หุ้น tesla เนี่ย ออกโดยธนาคารกรุงไทย (KTB) ครับ
ข้อดีของการลงทุนผ่าน DRx คืออะไร? ก็คือมันมีความยืดหยุ่นสูง ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยก็ได้ (ซื้อขายเป็นหน่วย DRx) ซื้อขายเป็นเงินบาทได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องแปลงสกุลเงิน และที่สะดวกมากๆ คือเราสามารถซื้อขายได้ตามเวลาทำการของตลาดหุ้นต่างประเทศ (เช่น ตลาด NASDAQ ที่ หุ้น tesla เทรดอยู่) ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming ที่เราใช้เทรดหุ้นไทยนี่แหละครับ สะดวกสบายมากๆ
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ไม่ว่าจะทางตรงหรือผ่าน DRx ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่อง อัตราแลกเปลี่ยน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะครับ ถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ราคา หุ้น tesla จะขึ้น แต่พอแปลงกลับมาเป็นเงินบาท กำไรของเราอาจจะลดลงได้ หรือถ้าค่าเงินบาทอ่อนค่า ก็อาจได้กำไรเพิ่มขึ้นจากตรงนี้ด้วยครับ
**มองไปข้างหน้า: Robotaxi และหุ่นยนต์ Optimus คือความหวังใหม่?**
นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นธุรกิจหลักแล้ว Tesla ยังมีโปรเจกต์น่าตื่นเต้นอีกหลายอย่างที่นักลงทุนกำลังจับตาดูครับ
หนึ่งในนั้นคือบริการ Robotaxi หรือที่ Tesla เรียกว่า Cybercab ครับ อีลอน มัสก์ เคยประกาศว่าจะเปิดตัวบริการนี้ในอนาคตอันใกล้ และมีข่าวลือว่าอาจจะเริ่มได้เร็วสุดในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 นี้แล้ว ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท (Tesla ก่อตั้งในปี 2003 นะครับ มีสำนักงานใหญ่ที่ออสติน และมีธุรกิจหลัก 2 ส่วนคือ ยานยนต์ กับ การผลิต/จัดเก็บพลังงาน) ถ้าโปรเจกต์นี้สำเร็จ มันอาจจะเป็น Game Changer หรือตัวเปลี่ยนเกมที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับ Tesla ในอนาคตได้
อีกโปรเจกต์ที่น่าจับตาก็คือการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชื่อ Optimus นี่ก็เป็นอีกศักยภาพระยะยาวที่ Morgan Stanley มองว่าจะสำคัญไม่แพ้ Robotaxi เลยครับ
นอกจากนี้ Tesla ก็ยังมีแผนพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หรือรุ่นปรับปรุงอยู่ตลอด เช่น มีแผนผลิต Model Y รุ่นประหยัด และปรับปรุง Model Y รุ่นปัจจุบัน ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้
**สรุปแล้ว: หุ้น tesla ตอนนี้ เป็นยังไง?**
เอาล่ะ สรุปแล้ว การลงทุนใน หุ้น tesla ตอนนี้ มันก็เหมือนการนั่งรถไฟเหาะตีลังกาเลยครับ มีทั้งศักยภาพที่น่าตื่นเต้นมากๆ ทั้งในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีแบตเตอรี่ เครือข่าย Supercharger ที่แข็งแกร่ง รวมถึงโปรเจกต์แห่งอนาคตอย่าง Robotaxi และหุ่นยนต์ Optimus
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งผลประกอบการระยะสั้นที่ชะลอตัว การแข่งขันที่สูงขึ้นมากๆ ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก (ทั้งการเมืองและพฤติกรรม อีลอน มัสก์ เอง) รวมถึงความเสี่ยงจากการบอยคอต
ราคา หุ้น tesla เองก็มีประวัติการเคลื่อนไหวที่ผันผวนสูงมากๆ (ค่าสัมประสิทธิ์เบต้าสูง) และราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากจุดสูงสุดในอดีตแล้ว
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ หุ้น tesla สิ่งสำคัญที่สุดคือ **ต้องทำการบ้านเยอะๆ** ครับ ทำความเข้าใจทั้งโอกาสและความเสี่ยงอย่างรอบด้าน มองภาพระยะยาว เพราะนี่ไม่ใช่หุ้นที่จะให้ผลตอบแทนคงที่สม่ำเสมอ และต้องยอมรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาครับ
⚠️ **ข้อควรจำสำหรับนักลงทุน:**
* การลงทุนใน หุ้น tesla ผ่าน DRx ก็ยังมีความเสี่ยงเหมือนการลงทุนในหุ้นทั่วไปและหุ้นต่างประเทศ
* ราคา หุ้น tesla มีความผันผวนสูงมาก อาจมีการปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงได้
* Tesla ยังไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล รายได้จากการลงทุนจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเป็นหลัก
* ปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายรัฐบาล กระแสสังคม พฤติกรรมผู้บริหาร มีผลกระทบต่อราคาหุ้นได้
* ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง และสภาพคล่องทางการเงิน หากเงินลงทุนก้อนนี้เป็นเงินที่ต้องใช้ในระยะสั้น อาจต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนลงทุนครับ
* ที่สำคัญคือต้องศึกษาข้อมูลบริษัท ข่าวสาร และบทวิเคราะห์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนใน หุ้น tesla หรือสินทรัพย์อื่นๆ เสมอครับ