แอพเล่นหุ้น iPhone: เลือกยังไงให้รุ่ง ไม่ร่วง!

ยุคนี้อะไรๆ ก็อยู่บนมือถือเนอะครับ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น จากเมื่อก่อนที่ต้องโทรหาโบรกเกอร์ หรือนั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวนี้แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่ใช้ iPhone หรือที่หลายคนชอบเรียกกันว่า “แอ พ เล่น หุ้น iphone” เนี่ย ชีวิตการลงทุนก็ง่ายขึ้นเป็นกองเลยครับ

เพื่อนผมคนหนึ่งเพิ่งเริ่มสนใจลงทุนหุ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็มาถามผมว่า “เฮียๆ ใช้แอ พ เล่น หุ้น iphone ตัวไหนดี มีเยอะไปหมดเลย ดูยังไงบ้าง?” คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตเลยครับ เพราะตลาดบ้านเราก็มีแอปเทรดหุ้นออนไลน์ให้เลือกเพียบ ทั้งจากโบรกเกอร์ต่างๆ หรือแม้แต่แอปที่พัฒนาโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เอง วันนี้ผมในฐานะคนที่อยู่ในตลาดมานาน จะมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์คอลัมนิสต์การเงินที่ชอบคุยเรื่องยากให้เป็นเรื่องใกล้ตัวครับ

ก่อนอื่นเลย การจะซื้อจะขายหุ้นบนมือถือได้เนี่ย เราต้องเข้าใจก่อนว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ การเทรดหุ้นออนไลน์ก็คือการซื้อขายหุ้นของบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ เราไม่ได้ซื้อตรงจากบริษัทนะ แต่ต้องซื้อขายผ่าน “บริษัทหลักทรัพย์” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “โบรกเกอร์” นั่นเองครับ เพราะโบรกเกอร์เป็นตัวกลางที่มีใบอนุญาต มีระบบเชื่อมต่อกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เราก็แค่ไปเปิดบัญชีหรือ “เปิดพอร์ต” กับโบรกเกอร์ที่เราชอบ แล้วเขาจะให้ Username กับ Password มาล็อกอินเข้า “แอ พ เล่น หุ้น iphone” ของเขา หรือแอปเทรดกลางอย่าง Streaming ครับ

แล้ว “แอ พ เล่น หุ้น iphone” เนี่ยมันมีอะไรให้เราใช้บ้างล่ะ? โอ้โห เยอะแยะเลยครับ หัวใจหลักๆ ก็คือการดู “ราคาหุ้นแบบเรียลไทม์” (Real-time) ซึ่งสำคัญมาก เพราะราคาหุ้นมันขึ้นลงตลอดเวลา ถ้าดูราคาเก่าเราอาจตัดสินใจผิดได้ นอกจากราคาแล้ว แอปดีๆ ต้องมี “กราฟ” ให้เราดูด้วยครับ กราฟเนี่ยเหมือนบันทึกประวัติราคาหุ้น ว่ามันเคยขึ้นไปถึงไหน ลงมาต่ำสุดเท่าไหร่ ดูย้อนหลังได้หลายช่วงเวลา ช่วยให้เราวิเคราะห์แนวโน้มได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้ามี “อินดิเคเตอร์” (Indicator) หรือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ ใส่เพิ่มในกราฟได้อีก ก็ยิ่งเทพเลยครับ

นอกจากข้อมูลราคาและกราฟแล้ว แอปลงทุนใน iPhone ยังมักจะมีข้อมูลสำคัญอื่นๆ ของบริษัทจดทะเบียนให้ดูด้วย เช่น “**กำไรต่อหุ้น**” (EPS) ซึ่งบอกเราว่าบริษัททำกำไรได้ดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้น, “**ปริมาณการซื้อขาย**” (Volume) บอกว่าหุ้นตัวนี้มีคนซื้อขายคึกคักแค่ไหน, หรือ “**มูลค่าตามราคาตลาด**” (Market Cap) บอกขนาดของบริษัท เป็นต้น ข่าวสารจากสำนักข่าวการเงินต่างๆ หรือบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ที่เราเปิดบัญชีด้วย ก็เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแอปลงทุนที่ดีครับ เพราะข่าวหรือบทวิเคราะห์นี่แหละที่เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลางได้เลย

ทีนี้มาดูกันว่ามี “แอ พ เล่น หุ้น iphone” ตัวไหนที่น่าสนใจและมีพูดถึงกันบ้าง จากข้อมูลที่ผมรวบรวมมา:

แน่นอนว่าแอปที่คนไทยรู้จักและใช้กันเยอะที่สุดในการเทรดหุ้นน่าจะเป็น **Streaming** ครับ แอปนี้ไม่ได้เป็นของโบรกเกอร์ใดโบรกเกอร์หนึ่งโดยตรง แต่พัฒนาโดย Settrade ซึ่งเป็นบริษัทในเครือตลาดหลักทรัพย์ฯ ข้อดีสุดๆ คือ “ใช้ได้กับทุกโบรกเกอร์” ในไทยครับ ไม่ว่าคุณจะเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไหน ส่วนใหญ่ก็จะใช้ Streaming เทรดได้หมด แอปนี้มีฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน ทั้งดูราคาเรียลไทม์ ส่งคำสั่งซื้อขาย ดูกราฟ ดูพอร์ตการลงทุน แจ้งเตือนราคาที่เราสนใจ หรือแจ้งเตือนเมื่อคำสั่งซื้อขายของเราจับคู่ได้แล้ว ที่น่าสนใจคือ Streaming มีประวัติอยู่บน iPhone มายาวนานพอสมควรครับ จำได้ว่าเคยมีข้อมูลบอกว่าร่วมกับโบรกเกอร์ DBS Vickers พัฒนาเวอร์ชันสำหรับ iPhone ตั้งแต่ปี 2552 โน่นแน่ะ แสดงว่าเขาใส่ใจประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอสัมผัสของ iPhone มานานแล้ว

อีกตัวที่น่าสนใจและกำลังมาแรงก็คือ **Liberator** ครับ แอปนี้เป็นของ บล. ลิเบอเรเตอร์ จุดเด่นที่ทำให้คนหันมาสนใจเยอะคือเรื่อง “**ค่าคอมมิชชั่น 0%**” สำหรับการซื้อขายหุ้น ใช่ครับ ฟังไม่ผิด! ซื้อขายหุ้นไม่มีค่าคอมฯ (แต่ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ฯ และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ตามปกติ) ซึ่งช่วยลดต้นทุนสำหรับนักลงทุนไปได้เยอะเลยครับ นอกจากนี้ Liberator ก็มีเครื่องมือวิเคราะห์ฟรีให้ใช้ มี AI ช่วยคัดกรองหุ้น และในอนาคตวางแผนจะมีบัญชี Margin และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้น IPO ได้ด้วยนะ

ส่วนแอปอื่นๆ ที่มีความสามารถแตกต่างกันไป ก็มีหลายตัวครับ อย่าง **efin Trade Plus** อันนี้เห็นว่ามีเครื่องมือวิเคราะห์ค่อนข้างแอดวานซ์ มี AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต หรือมีฟังก์ชัน Auto Trade ที่หลากหลาย เหมาะกับคนที่ชอบวิเคราะห์เชิงลึกหน่อย หรือ **Dime!** ของ บล. KKP Dime ที่ตอนแรกๆ เน้นหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก แต่ “ปัจจุบันรองรับการซื้อขายหุ้นไทยแล้ว” ถือว่าสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ

สำหรับคนที่ชอบหน้าตาแอปสไตล์ Apple จริงๆ อาจจะถูกใจ **iStocks** แอปนี้เห็นว่าอินเทอร์เฟซออกแบบมาคล้ายๆ กับแอป Stocks ที่ติดมากับ iPhone เลยครับ ดูสวยงาม ใช้งานง่าย เน้นการจัดการพอร์ต ดู Watchlist (รายชื่อหุ้นที่เราสนใจ) มี Sparklines (กราฟเส้นเล็กๆ ที่แสดงแนวโน้มราคา) ราคาเรียลไทม์ และข้อมูลสำคัญต่างๆ ครบครัน

แล้วแอปที่ติดมากับเครื่อง iPhone อย่าง **Apple Stocks App** ล่ะ ใช้เทรดหุ้นไทยได้ไหม? ตัวนี้เนี่ยดีตรงที่มันซิงค์ข้อมูลกับ iCloud ใช้ดูบน iPad, Mac, Apple Watch ได้หมดเลยครับ ดูราคาหุ้น ดัชนี กองทุนรวม สกุลเงินทั่วโลกได้ มีกราฟ มีข่าวธุรกิจเชื่อมมาจาก Apple News หรือ Yahoo Finance แต่! ข้อเสียคือ “ยังไม่รองรับข้อมูลหุ้นไทยอย่างเต็มรูปแบบ” ครับ มันเน้นตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ถ้าจะเทรดหุ้นไทยจริงจัง ตัวนี้ยังไม่ใช่คำตอบครับ แม้คะแนนรีวิวเฉลี่ยจะสูงถึง 4.5/5 แต่ผู้ใช้ไทยหลายคนก็บอกว่าอยากให้เพิ่มข้อมูลหุ้นไทยนี่แหละ

นอกจากแอปเทรดหุ้นโดยตรง ยังมีแอปอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุน iPhone อีก เช่น **Streaming Click2Win** อันนี้เป็นแอป “ฝึกเล่นหุ้นจำลอง” ครับ ก่อนจะลงสนามจริง เอาเงินจริงไปเสี่ยง ลองมาฝึกส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดจำลองดูก่อน จะได้คุ้นเคยระบบ เหมาะกับมือใหม่มากๆ หรือแอปของตลาดหลักทรัพย์ฯ เองอย่าง **SET App** หรือ **Settrade App** ที่เป็นเหมือนคลังข้อมูล ความรู้ ข่าวสาร บทความต่างๆ ช่วยให้เราศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ ส่วนแอปอย่าง **AomWise** หรือ **Happy Money App** ก็อาจจะช่วยเรื่องการบริหารเงิน การออม ก่อนจะไปถึงขั้นลงทุนได้ครับ

เวลาที่เราจะเลือก “แอ พ เล่น หุ้น iphone” สักตัวเนี่ย นอกจากฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่ผมเล่ามาแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาด้วยนะครับ

1. **ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ:** แอปที่เราจะเอาเงินไปลงทุนด้วยต้องปลอดภัยครับ มีระบบเข้ารหัสข้อมูลที่ดี การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ต้องเป็นแอปจากโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากหน่วยงานกำกับดูแล (เช่น ก.ล.ต.)
2. **ความเสถียรและความรวดเร็ว:** ลองอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงดูก่อนครับ แอปที่ใช้งานติดขัด ระบบช้า หรือล่มบ่อยๆ อาจทำให้เราพลาดโอกาสซื้อขาย หรือส่งคำสั่งไม่ได้เวลาที่ต้องการ
3. **โบรกเกอร์ที่รองรับและค่าธรรมเนียม:** บางแอปเป็นของโบรกเกอร์นั้นๆ โดยเฉพาะ ก็ต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์นั้นถึงจะใช้ได้ บางแอปอย่าง Streaming ใช้ได้กับทุกโบรกเกอร์ ก็ต้องดูว่าโบรกเกอร์ที่เราเปิดบัญชีเขาให้ใช้ Streaming หรือมีแอปของตัวเอง ค่าธรรมเนียมซื้อขายก็เป็นเรื่องสำคัญครับ แต่ไม่ใช่แค่ค่าคอมมิชชั่นนะ ต้องดูค่าธรรมเนียมอื่นๆ ด้วย
4. **บริการเสริมและบทวิเคราะห์:** โบรกเกอร์บางแห่งมีบทวิเคราะห์หุ้นดีๆ ให้ในแอป มีสัมมนาออนไลน์ หรือมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ อันนี้ก็เป็นแต้มต่อในการเลือกเหมือนกันครับ

สรุปแล้ว โลกของการลงทุนผ่าน “แอ พ เล่น หุ้น iphone” นี่เปิดกว้างและสะดวกสบายมากๆ ครับ มีแอปให้เลือกหลากหลายตามความต้องการและสไตล์การลงทุนของเรา ไม่ว่าจะเป็น Streaming ที่เป็นมาตรฐานของคนไทย Liberator ที่โดดเด่นเรื่องค่าธรรมเนียม Dime! ที่ครอบคลุมทั้งหุ้นไทยและเทศ efin Trade Plus สำหรับสายวิเคราะห์ หรือ iStocks ที่เน้นความสวยงามแบบ iOS

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก่อนจะเริ่มเทรดหุ้น ไม่ว่าจะใช้แอปไหนก็ตาม คือ “การศึกษาหาความรู้” และ “การบริหารความเสี่ยง” ครับ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ อย่าลืมนะครับว่าราคาหุ้นขึ้นได้ก็ลงได้ และอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ครับ ถ้ายังไม่แน่ใจ ลองเริ่มจากแอปฝึกเทรดจำลองดูก่อนก็ได้ หรือลองลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ที่เรายอมรับความเสี่ยงได้ หากต้องสูญเสียไปครับ การมี “แอ พ เล่น หุ้น iphone” ที่ดีเป็นแค่เครื่องมือ ส่วนความสำเร็จในการลงทุนอยู่ที่ความรู้และการเตรียมตัวของเราเองครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ!