เพื่อนผมคนนึงช่วงนี้เห็นข่าวเรื่องเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่กลับมาถามผมว่า “เฮ้ย หุ้น LVMH เนี่ย มันคืออะไร น่าสนใจไหมวะ? เห็นแบรนด์เนมพวกนี้เต็มไปหมดเลย ทั้งหลุยส์ ทั้งดิออร์” ผมเลยต้องนั่งอธิบายให้ฟังแบบบ้านๆ สไตล์คอลัมนิสต์การเงินว่า เจ้ากลุ่มบริษัทสินค้าหรูยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากฝรั่งเศสรายนี้ มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรน่ารู้บ้างสำหรับนักลงทุนไทยอย่างเราๆ
เอาจริงๆ นะครับ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton ชื่อเต็มยาวเหยียดขนาดนี้ คือผู้นำแบบเบอร์หนึ่งของโลกในวงการสินค้าหรู เขาเหมือนเป็นอาณาจักรที่รวมเอาสุดยอดแบรนด์กว่า 75 แบรนด์ไว้ด้วยกัน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 หรือ พ.ศ. 2530 โน่น ครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยันเครื่องดื่มฉลองเลยทีเดียว แบ่งเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลักๆ ครับ ได้แก่ แฟชั่นและเครื่องหนัง (กลุ่มนี้คือพระเอก ทำเงินให้เยอะสุดเกือบครึ่งนึง!), ไวน์และสุรา (ที่มาของชื่อ Moët Hennessy นั่นแหละ), น้ำหอมและเครื่องสำอาง, นาฬิกาและเครื่องประดับ และสุดท้ายคือ ค้าปลีกเฉพาะทาง อย่างร้านปลอดภาษี DFS หรือห้างสรรพสินค้า Le Bon Marché ที่ปารีส

มองจากภายนอกก็รู้แล้วว่าแบรนด์เขาแข็งแกร่งมาก ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของกระเป๋า Louis Vuitton, แว่นตา Celine, น้ำหอม Christian Dior หรือนาฬิกา TAG Heuer นั่นทำให้ LVMH มีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าได้สูงมาก จนอัตรากำไรขั้นต้น (กำไรหักต้นทุนสินค้า) พุ่งไปถึงราวๆ 70% เลยนะ ซึ่งสูงปรี๊ดมากๆ เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น แถมยังกระจายยอดขายไปทั่วโลก ไม่ได้พึ่งพาแค่ตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ทำให้เวลาเกิดวิกฤติ เศรษฐกิจซบเซา บริษัทใหญ่ขนาดนี้กลับฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว นั่นคือจุดเด่นที่น่าสนใจครับ
แต่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลนะครับ แม้จะเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดสินค้าหรูที่คู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาได้ยาก แต่ LVMH ก็เผชิญความท้าทายเหมือนกัน โดยเฉพาะจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัวลงตอนนี้ ซึ่งกระทบกำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มบนอยู่บ้าง โดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างประเทศจีนที่เศรษฐกิจไม่ร้อนแรงเหมือนก่อน ความผันผวนของค่าเงินต่างๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระทบรายได้ที่แปลงกลับมาเป็นเงินยูโร (สกุลเงินหลักของเขา) รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์หรือความตึงเครียดทางการค้าที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ปัจจัยภายนอกเหล่านี้แหละที่เป็นตัวแปรสำคัญ
มาดูตัวเลขผลประกอบการกันบ้าง ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือว่ายังแข็งแกร่งมาก รายได้รวมพุ่งไป 86.2 พันล้านยูโร เติบโต 13% กำไรก็ดีตาม แต่พอเข้าปี 2567 การเติบโตเริ่มชะลอลง โดยเฉพาะครึ่งปีแรกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินและความต้องการสินค้าบางกลุ่มที่เริ่มคงที่ เช่น ไวน์และสุรา ขณะที่ค้าปลีกกับเครื่องสำอางยังพอไปได้ แต่ภาพที่ชัดเจนและทำให้นักลงทุนหลายคนตกใจคือ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ครับ รายได้รวมติดลบ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กลุ่มแฟชั่นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญก็ลดลง 5% และกลุ่มไวน์สุราลดลงถึง 9% ตัวเลขนี้สวนทางกับที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดไว้พอสมควรครับ

พอผลประกอบการล่าสุดออกมาแบบนี้ ราคา หุ้น LVMH ที่ซื้อขายในตลาด Euronext Paris ด้วยสัญลักษณ์ Ticker คือ MC ก็มีการปรับตัวลงไปบ้างในช่วงสั้นๆ หลังรายงานออกมา ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักต้องทบทวนมุมมองและปรับลดคำแนะนำลง ถึงแม้ในระยะยาว หุ้น LVMH จะยังมีแนวโน้มที่ดูดีตามการเติบโตของตลาดสินค้าหรูทั่วโลก แต่ในระยะสั้น มุมมองก็มีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาบริษัทรายงานตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด
แล้วถ้าเราเป็นนักลงทุนไทย อยากจะร่วมเป็นเจ้าของอาณาจักรสินค้าหรูนี้บ้าง ต้องทำยังไง? ไม่ต้องบินไปเปิดพอร์ตที่ฝรั่งเศสครับ เราสามารถลงทุนใน หุ้น LVMH ได้ง่ายๆ ผ่านตราสารที่เรียกว่า DR หรือ Depositary Receipts ซึ่ง บล.บัวหลวง เป็นผู้ออกให้ โดยมีชื่อย่อในการซื้อขายบนตลาดหุ้นไทยคือ LVMH01
DR LVMH01 นี่แหละคือทางลัดของเรา มันอ้างอิงกับ หุ้น LVMH ตัวแม่ MC ที่ซื้อขายอยู่ในตลาด Euronext Paris โดยมีอัตราอ้างอิง 1 ต่อ 1,600 หมายความว่า DR LVMH01 1 หน่วยที่เราซื้อ จะเท่ากับ หุ้น LVMH แค่ 1/1,600 หน่วย ทำให้ราคาต่อหน่วยของ DR ถูกลงมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้นแม่ ทำให้เราเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ข้อดีอีกอย่างคือ ซื้อขายเป็นเงินบาทได้เลย สะดวกสุดๆ และที่สำคัญคือ เราจะได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เหมือนเป็นเจ้าของหุ้นแม่เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผล (ถ้าบริษัทจ่าย) หรือสิทธิอื่นๆ
เวลาเหมาะๆ ในการซื้อขาย DR LVMH01 คือช่วงที่ตลาดหุ้นไทย (เปิดเช้าปิดเย็น) และตลาด Euronext Paris (เปิดบ่ายๆ ถึงดึกบ้านเรา) เปิดพร้อมกัน ซึ่งช่วงเวลาที่ตลาดไทยยังเปิดอยู่และตลาดปารีสเปิดแล้วคือประมาณ 15:00 – 16:30 น. ตามเวลาไทยปกติ ช่วงนี้สภาพคล่องน่าจะดีกว่าครับ

สรุปแล้ว หุ้น LVMH ผ่าน DR LVMH01 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่อยากกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสินค้าหรูที่เป็นผู้นำตลาดและมีแบรนด์แข็งแกร่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาหุ้นมักซื้อขายในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งบางราย (เรียกว่าพรีเมียม) และผลประกอบการล่าสุดก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทก็ยังเผชิญความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจโลกอยู่
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ หุ้น LVMH ผ่าน DR LVMH01 ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจนะครับ ทำความเข้าใจธุรกิจ จุดแข็ง จุดอ่อน และความเสี่ยงต่างๆ ยิ่งช่วงนี้ที่ผลประกอบการล่าสุดไม่ค่อยสวย การลงทุนอาจต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนขึ้นครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ