นำ้เข้า: Pepperstone น่าเชื่อถือหรือไม่สำหรับนักเทรดชาวไทย?

สำหรับนักลงทุนชาวไทยจำนวนมาก การเลือกผู้ให้บริการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ และมีฟีเจอร์ครบครัน คือกุญแจสำคัญของการประสบความสำเร็จในตลาดการเงินโลก หนึ่งในชื่อที่มักโผล่มาในหน้าจอนักเทรดคือ Pepperstone — โบรกเกอร์ออนไลน์ระดับโลกที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจซื้อขายทั้งคู่เงินต่างประเทศและสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) อย่างไรก็ตาม คำถามที่หลายคนยังคงคาใจคือ “Pepperstone ดีไหม?” หรือ “Pepperstone โกง หรือ น่าเชื่อถือ?” บทความนี้จะเจาะลึกทุกมุมของบริการจากผู้ให้บริการรายนี้ ตั้งแต่การกำกับดูแล ประเภทบัญชี แพลตฟอร์ม ต้นทุนการซื้อขาย ระบบฝาก-ถอนเงิน ไปจนถึงการสนับสนุนลูกค้า โดยเน้นเฉพาะความต้องการและข้อกังวลของนักเทรดชาวไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและรอบคอบที่สุด
Pepperstone คืออะไร? แนะนำโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลก

ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 และตั้งสำนักงานใหญ่ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย Pepperstone ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และ CFD ชั้นนำของโลก ด้วยรางวัลการันตีมากมายตลอดเส้นทาง บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจากจุดเด่นในด้านสเปรดต่ำ การดำเนินคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็ว และการสนับสนุนแพลตฟอร์มซื้อขายที่หลากหลาย ทำให้ได้รับความนิยมทั้งจากนักเทรดรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน Pepperstone เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ซื้อขายสินทรัพย์มากกว่า 1,200 รายการ รวมถึงคู่เงินหลักและรอง สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น หุ้นต่างประเทศ และคริปโตเคอร์เรนซี ภายใต้แนวคิดหลักคือการสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และมีต้นทุนต่ำ
การกำกับดูแลและความปลอดภัย: Pepperstone ปลอดภัยแค่ไหน?

ก่อนเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขาย การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ถือเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ และ Pepperstone ก็ผ่านเกณฑ์นี้ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับแนวหน้าของโลกหลายแห่ง ทำให้เงินทุนของลูกค้าได้รับการคุ้มครองในหลายชั้น
ใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำทั่วโลก
ความเข้มงวดของการกำกับดูแลขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการ โดย Pepperstone จัดตั้งบริษัทในหลายเขตอำนาจ และแต่ละแห่งก็อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานที่เข้มงวด ได้แก่:
- ASIC (สำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย): เป็นผู้ดูแลหลักในภูมิภาคแปซิฟิก กำหนดให้มีการรายงานทางการเงินที่โปร่งใส และต้องแยกเงินลูกค้าออกจากเงินทุนของบริษัทอย่างเคร่งครัด สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่ เว็บไซต์ ASIC
- FCA (สำนักงานกำกับดูแลพฤติกรรมทางการเงินแห่งสหราชอาณาจักร): หน่วยงานที่มีมาตรฐานด้านจริยธรรมและคุ้มครองนักลงทุนสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
- BaFin (หน่วยงานกำกับดูแลการเงินแห่งสหพันธ์เยอรมนี): ควบคุมการดำเนินงานในตลาดยุโรป โดยเฉพาะประเทศเยอรมนี
- CySEC (คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์และหลักทรัพย์ไซปรัส): ทำหน้าที่ดูแลบริการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA)
- DFSA (หน่วยงานกำกับดูแลบริการการเงินดูไบ): ให้บริการแก่ลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
การมีใบอนุญาตจากหลายหน่วยงานไม่เพียงแต่ยืนยันความถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับนักเทรดว่า Pepperstone ดำเนินงานภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดและโปร่งใส
มาตรการคุ้มครองเงินทุนของลูกค้า
เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุนของลูกค้าปลอดภัย แม้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด Pepperstone ได้ดำเนินมาตรการสำคัญหลายประการ:
- การแยกเงินลูกค้าออกจากเงินบริษัท: เงินของลูกค้าทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในบัญชีแยกต่างหากที่ธนาคารชั้นนำ ทำให้ไม่สามารถถูกนำไปใช้เพื่อกิจกรรมของบริษัทได้ หากบริษัทเกิดล้มละลาย เงินเหล่านี้จะไม่สูญหาย
- การป้องกันยอดติดลบ (Negative Balance Protection): นโยบายนี้ช่วยป้องกันไม่ให้คุณสูญเสียเกินกว่าเงินในบัญชี แม้ตลาดจะผันผวนรุนแรง ความเสี่ยงของคุณจึงจำกัดอยู่ที่ยอดเงินที่คุณมี
- การบริหารความเสี่ยงภายใน: บริษัทมีระบบบริหารจัดการความเสี่ยงที่ได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสกัดกั้นและควบคุมความเสี่ยงทุกประเภทที่อาจเกิดขึ้น
ข้อกล่าวหา “Pepperstone โกง” เป็นจริงหรือไม่?
แม้จะได้รับความไว้วางใจจากนักเทรดทั่วโลก แต่ในบางชุมชนออนไลน์ก็ยังมีข่าวลือว่า “Pepperstone โกง” อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบอย่างลึกซึ้ง พบว่าข่าวเหล่านี้มักมีที่มาจากสาเหตุต่อไปนี้:
- การขาดทุนจากตัวนักเทรดเอง: บางรายขาดทุนจากการตัดสินใจผิดพลาดหรือขาดความเข้าใจในความเสี่ยงของตลาด จึงโยนความผิดให้กับโบรกเกอร์
- ไม่ศึกษาเงื่อนไขให้ถี่ถ้วน: ตัวอย่างเช่น การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการถอนโบนัส หรือการละเมิดกฎการฝาก-ถอน ทำให้รู้สึกว่าถูกเล่นงาน
- ข้อมูลบิดเบือนจากคู่แข่งหรือบุคคลไม่หวังดี拼搏: บางกรณีเกิดจากการโจมตีด้วยข้อมูลเท็จจากโบรกเกอร์อื่นหรือผู้ใช้งานที่ต้องการทำลายชื่อเสียง
เมื่อพิจารณาจากเครือข่ายการกำกับดูแลที่เข้มงวด การดำเนินงานที่โปร่งใส และฐานลูกค้าที่มีหลายหมื่นรายทั่วโลก ข้อกล่าวหาว่า Pepperstone หลอกลวงจึงไม่มีมูลความจริง ใบอนุญาตจาก ASIC และ FCA นั้นยากต่อการได้รับ หากละเมิดกฎจะถูกลงโทษหนัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับความโปร่งใสและความรับผิดชอบของบริษัท
อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรระมัดระวังเสมอ โดยเฉพาะกับโบรกเกอร์ที่ไม่มีการกำกับดูแลหรือเสนอผลตอบแทนสูงเกินจริง ตามที่ รายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ เกี่ยวกับความเสี่ยงในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกผู้ให้บริการที่มีใบอนุญาต ตัวอย่างเช่น Moneta Markets ซึ่งก็อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA เช่นกัน จึงมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง
ประเภทบัญชี: ควรเลือก Razor หรือ Standard?
Pepperstone ให้บริการสองประเภทบัญชีหลัก ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเทรดแต่ละกลุ่ม
บัญชี Razor: ทางเลือกสำหรับนักเทรดมืออาชีพ
บัญชี Razor เป็นหัวใจของบริการจาก Peperstone โดยออกแบบมาเพื่อนักเทรดที่ต้องการสเปรดต่ำที่สุดและประสิทธิภาพสูง ลักษณะเด่นประกอบด้วย:
- สเปรดต่ำมาก: คู่เงินหลักอย่าง EUR/USD มีสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 จุด และเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1–0.3 จุด
- ค่าคอมมิชชั่นที่ชัดเจน: คิดค่าคอมมิชชั่นประมาณ 3.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล็อตต่อด้าน (คิดเป็น 7 ดอลลาร์ต่อการซื้อขายครบวงจร)
- เหมาะกับการเทรดความถี่สูง: ด้วยสเปรดต่ำและการดำเนินคำสั่งเร็ว บัญชีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping, High-Frequency Trading หรือใช้ระบบเทรดอัตโนมัติ (Expert Advisors)
สำหรับนักเทรดชาวไทยที่เน้นต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูง บัญชี Razor ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
บัญชี Standard: เริ่มต้นแบบไม่ต้องจ่ายค่าคอม
ในทางตรงกันข้าม บัญชี Standard เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ไม่ต้องการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม จุดเด่นได้แก่:
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น: ทุกการซื้อขายไม่ต้องเสียค่าคอม
- สเปรดสูงกว่าเล็กน้อย: สเปรดจะรวมค่าบริการของโบรกเกอร์ไว้แล้ว โดยเฉลี่ย EUR/USD อยู่ที่ 1.0–1.3 จุด
- ใช้งานง่าย: เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ต้องการคำนวณต้นทุนจากหลายแหล่ง
นักเทรดชาวไทยที่เพิ่งเริ่มต้น บัญชี Standard มอบประสบการณ์ที่เรียบง่ายและปลอดภัย
ตัวเลือกบัญชีอื่น ๆ: บัญชีทดลองและบัญชีอิสลาม
- บัญชีทดลอง (Demo Account): Pepperstone ให้บริการบัญชีทดลองฟรี ช่วยให้คุณทดสอบกลยุทธ์ ทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง
- บัญชีอิสลาม (Islamic Account): สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม บริการนี้ไม่มีการคิดดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap-Free) ตามหลักศาสนา
แพลตฟอร์มและเครื่องมือ: ประสิทธิภาพและการใช้งานจริง
หนึ่งในจุดแข็งของ Pepperstone คือการรองรับแพลตฟอร์มซื้อขายชั้นนำที่หลากหลาย ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกระดับ
MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5)
แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมทั่วโลกทั้งสองเวอร์ชันนี้ได้รับการรองรับอย่างเต็มที่จาก Pepperstone:
- MT4: เด่นด้านกราฟเทคนิคที่มีให้เลือกมากมาย การตั้งค่า EA ได้ง่าย และมีชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่
- MT5: รุ่นอัปเกรดที่รองรับสินทรัพย์เพิ่มเติม เช่น หุ้นและฟิวเจอร์ส มีเครื่องมือวิเคราะห์ลึกกว่า ช่วงเวลากราฟมากขึ้น และรูปแบบคำสั่งซื้อขายที่หลากหลาย
ทั้งสองแพลตฟอร์มใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อป เว็บเบราว์เซอร์ และอุปกรณ์มือถือ ช่วยให้นักเทรดชาวไทยสามารถติดตามตลาดได้ทุกที่
แพลตฟอร์ม cTrader: สำหรับนักเทรดมือโปร
แพลตฟอร์ม cTrader ได้รับความนิยมจากนักเทรดระดับสูงด้วยคุณสมบัติดังนี้:
- การแสดงระดับราคาลึก (Level II): แสดงภาพรวมของราคาที่กำลังเสนอซื้อและเสนอขายในตลาดจริง
- คำสั่งซื้อขายขั้นสูง: รองรับคำสั่งหลายรูปแบบ เช่น IF-DONE, OCO และ Trailing Stop
- ระบบเทรดอัตโนมัติ (cBots): ใช้โปรแกรม cBots สร้างระบบเทรดอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง
ด้วยสเปรดต่ำและการดำเนินคำสั่งเร็ว cTrader เหมาะมากกับกลยุทธ์ที่ต้องการความแม่นยำและเร็ว
โซเชียลเทรดและเครื่องมือเสริม
Pepperstone ยังบูรณาการเครื่องมือช่วยเหลือหลากหลาย:
- Myfxbook AutoTrade: คัดลอกกลยุทธ์จากนักเทรดชั้นนำโดยอัตโนมัติ
- DupliTrade: แพลตฟอร์มสำหรับคัดลอกการซื้อขายตามกลยุทธ์
- Smart Trader Tools: ชุดเครื่องมือเสริมสำหรับ MT4/MT5 ที่ช่วยจัดการคำสั่งซื้อ ตั้งค่าการเตือน และกระจายข้อมูลการซื้อขาย
เครื่องมือเหล่านี้เปิดโอกาสใหม่ให้กับนักเทรดชาวไทยในการเรียนรู้และพัฒนากลยุทธ์
วิเคราะห์ต้นทุน: สเปรดและค่าคอมมิชชั่นของ Pepperstone
ต้นทุนการซื้อขายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลกำไร Pepperstone มีชื่อเสียงในด้านสเปรดต่ำและโครงสร้างค่าคอมที่โปร่งใส
เปรียบเทียบสเปรดของคู่เงินหลัก
สเปรดขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีและสภาพคล่องของตลาด:
- บัญชี Razor: สเปรดเฉลี่ย EUR/USD อยู่ที่ 0.1–0.3 จุด, AUD/USD อยู่ที่ 0.2–0.4 จุด — อยู่ในระดับต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม
- บัญชี Standard: สเปรดเฉลี่ย EUR/USD อยู่ที่ 1.0–1.3 จุด, AUD/USD อยู่ที่ 1.1–1.4 จุด
แม้ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น แต่รวมต้นทุนทั้งหมดแล้ว บัญชี Razor มักจะถูกกว่าสำหรับผู้ที่ซื้อขายบ่อย
โครงสร้างค่าคอมมิชชั่น
สำหรับบัญชี Razor ค่าคอมมิชชั่นถูกตั้งไว้อย่างชัดเจน:
- 3.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล็อตต่อด้าน: แปลเป็น 7 ดอลลาร์ต่อการซื้อขาย 1 ล็อต
- คำนวณเป็นจุด: ค่าคอม 7 ดอลลาร์ต่อล็อต เทียบเท่ากับ 0.7 จุดในคู่เงิน EUR/USD ทำให้ต้นทุนรวมยังคงคุ้มค่า
ดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap) และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- Swap: การถือสถานะข้ามคืนจะมีการคิดดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นบวกหรือลบ ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงิน สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม
- ค่าธรรมเนียมบัญชีไม่เคลื่อนไหว: Pepperstone ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับบัญชีที่ไม่มีการซื้อขาย ซึ่งดีต่อผู้ที่เทรดระยะยาว
- ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน: การฝากเงินส่วนใหญ่ไม่มีค่าธรรมเนียมจาก Pepperstone แต่การถอนผ่านธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารกลางทาง
ระบบฝาก-ถอน: ประสบการณ์จริงของนักเทรดไทย
ความสะดวก ความเร็ว และต้นทุนต่ำในการฝาก-ถอนเงินเป็นปัจจัยหลักในการเลือกโบรกเกอร์สำหรับนักเทรดไทย
ช่องทางการฝากเงินและระยะเวลา
ช่องทางยอดนิยมที่ Pepperstone รองรับ:
- บัตรเครดิต/เดบิต (Visa, Mastercard): เงินเข้าทันที ไม่มีค่าธรรมเนียม
- อีวอลเล็ต (Skrill, Neteller, PayPal): เงินเข้าภายในไม่กี่นาที ไม่มีค่าธรรมเนียม
- การโอนเงินผ่านธนาคาร: ใช้เวลา 1–5 วันทำการ และอาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคาร
หลังจาก Pepperstone สมัคร เสร็จ คุณสามารถเลือกช่องทางฝากเงินผ่านแผงควบคุมผู้ใช้งานได้ทันที
การรองรับช่องทางชำระเงินในประเทศไทย
แม้ Pepperstone อาจยังไม่รองรับ PromptPay โดยตรงเนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย แต่บริษัทมีความพยายามปรับตัวเพื่อผู้ใช้ในท้องถิ่น ผ่านพันธมิตรที่ให้บริการด้านการเงิน ดังนี้:
- การโอนผ่านธนาคารในประเทศ: ในบางกรณี อาจมีตัวเลือกให้โอนผ่านธนาคารไทยโดยผ่านผู้ให้บริการกลาง ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาไม่เกิน 1 วันทำการ และค่าธรรมเนียมต่ำ
- อีวอลเล็ต: Skrill และ Neteller เป็นที่นิยมในไทยและใช้งานได้สะดวก
แนะนำให้ตรวจสอบหน้า “การฝากถอน” ในบัญชีผู้ใช้เพื่อดูตัวเลือกล่าสุดสำหรับนักเทรดชาวไทย
ถอนเงินไม่ได้ทำอย่างไรดี? ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีแก้
คำถามยอดนิยมคือ “Pepperstone ถอนเงิน ไม่ได้ ทําไง?” ปัญหานี้มักเกิดจาก:
- ยังยืนยันตัวตนไม่ครบ:
วิธีแก้: เข้าสู่ระบบ ตรวจสอบว่าเอกสารยืนยันตัวตนและที่อยู่ได้รับการอนุมัติแล้วหรือไม่ ต้องแน่ใจว่ารูปภาพชัดเจนและยังไม่หมดอายุ
- ถอนเงินไปยังบัญชีที่ไม่ใช่ชื่อเดียวกัน:
วิธีแก้: ข้อมูลบัญชีผู้รับต้องตรงกับชื่อในบัญชี Pepperstone เป๊ะ
- วิธีถอนไม่ตรงกับวิธีฝาก:
วิธีแก้: โดยหลักการ ต้องถอนกลับไปยังช่องทางที่ใช้ฝาก หากต้องการเปลี่ยน ต้องติดต่อฝ่ายบริการ
- ธนาคารหรือผู้ให้บริการมีข้อจำกัด:
วิธีแก้: ตรวจสอบกับธนาคารว่ามีข้อจำกัดด้านจำนวนเงินหรือประเภทการรับโอนหรือไม่
- กรอกข้อมูลผิด:
วิธีแก้: ตรวจสอบ SWIFT Code, เลขบัญชี และชื่อผู้รับให้ถูกต้อง
หากยังมีปัญหา ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าทันที ยิ่งให้ข้อมูลครบ ยิ่งแก้ปัญหาเร็วขึ้น
ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการถอน
- เวลาดำเนินการ: Pepperstone มักดำเนินการภายใน 1 วันทำการ แต่เวลาที่เงินเข้าบัญชีขึ้นอยู่กับช่องทาง เช่น อีวอลเล็ตจะเร็วที่สุด ส่วนการโอนผ่านธนาคารอาจใช้ 2–5 วัน
- ค่าธรรมเนียม: Pepperstone ไม่คิดค่าธรรมเนียม แต่ธนาคารกลางทางอาจคิดค่าธรรมเนียม 20–25 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
การสนับสนุนลูกค้าและแหล่งความรู้: การช่วยเหลือสำหรับนักเทรดไทย
บริการลูกค้าที่ดีและการให้ความรู้ที่มีคุณภาพคือสิ่งที่นักเทรดต้องการ
การสนับสนุนหลายภาษาและประสิทธิภาพ
บริการลูกค้าของ Pepperstone เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ผ่านช่องทาง:
- แชทสด (Live Chat): ตอบเร็วที่สุด โดยมักได้รับคำตอบภายในไม่กี่นาที
- อีเมล: เหมาะกับปัญหาที่ซับซ้อน ตอบภายใน 1 วันทำการ
- โทรศัพท์: มีสายตรงจากหลายประเทศ ช่วยให้สื่อสารได้ทันที
ความคิดเห็นจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ระบุว่าทีมงานมีความเป็นมืออาชีพและตอบสนองรวดเร็ว
การสนับสนุนภาษาไทย
คำถามที่พบบ่อยคือ “Pepperstone Thailand มีภาษาไทยไหม?” Pepperstone ให้ความสำคัญกับตลาดไทย โดยมีเว็บไซต์และแผงควบคุมผู้ใช้ที่รองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับการสนับสนุนด้านลูกค้า แม้จะไม่มีทีมภาษาไทยตลอด 24 ชั่วโมง แต่คุณสามารถขอความช่วยเหลือเป็นภาษาไทยผ่านแชทหรืออีเมล และอาจได้รับการตอบกลับเป็นภาษาไทย หรือใช้เครื่องมือแปลร่วมสื่อสารก็ได้
แหล่งเรียนรู้และวิเคราะห์ตลาด
Pepperstone ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้ของนักเทรด ด้วยแหล่งข้อมูลดังนี้:
- คู่มือและวิดีโอสอน: ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงกลยุทธ์ขั้นสูง