สว๊อป คืออะไร? ความหมายและหลักการพื้นฐาน

ในโลกของการเทรดโดยเฉพาะในตลาดฟอเร็กซ์ (Forex) คำว่า “สว๊อป” ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนไม่ควรมองข้าม โดยพื้นฐานแล้ว สว๊อปหมายถึงต้นทุนหรือผลตอบแทนที่เกิดขึ้นเมื่อคุณถือออร์เดอร์ข้ามคืน หรือที่เรียกว่า “Rollover” ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาปิดตลาดประจำวันของโบรกเกอร์ โดยค่านี้อาจเป็นทั้งจำนวนบวกที่คุณได้รับ หรือจำนวนลบซึ่งคุณต้องจ่ายออกจากบัญชี ขึ้นอยู่กับทิศทางการเทรด คู่สกุลเงินที่ใช้ และความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง สว๊อปจึงไม่ใช่เพียงแค่ค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาดที่สะท้อนต้นทุนการถือครองสินทรัพย์ในระยะยาว ซึ่งมีผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนในภาพรวม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เน้นการเทรดระยะกลางถึงยาว
ทำไมถึงมีค่าสว๊อป? ที่มาและวัตถุประสงค์

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดค่าสว๊อป คือ ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุลในคู่เงินที่คุณกำลังเทรด เมื่อคุณเปิดออร์เดอร์ในคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD คุณไม่ได้แค่ซื้อขายสกุลเงิน แต่คุณกำลังเข้าสู่กลไกของการกู้ยืมและให้ยืมเงินในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ EUR/USD คุณจะซื้อยูโร (ซึ่งหมายถึงถือไว้) และขายดอลลาร์สหรัฐ (ซึ่งหมายถึงกู้ยืมมาเพื่อซื้อ) ดังนั้น คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากยูโร (หากอัตราสูง) แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับดอลลาร์ที่กู้มา ความต่างของดอกเบี้ยนี้จะถูกสะท้อนผ่านค่าสว๊อป ซึ่งโบรกเกอร์จะปรับโดยอัตโนมัติในบัญชีของคุณทุกวันเวลาปิดตลาด ปกติคือช่วง 17:00 น. เวลา New York หรือ 04:00 น. ตามเวลาประเทศไทยของวันถัดไป จึงสามารถมองได้ว่า สว๊อปคือ “ดอกเบี้ยข้ามคืน” ที่คุณจ่ายหรือได้รับจากการถือครองสกุลเงินต่างประเทศ
การทำงานและการคำนวณค่าสว๊อป

แม้การคำนวณค่าสว๊อปจะดูซับซ้อนในเบื้องต้น แต่หลักการพื้นฐานนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก โดยโบรกเกอร์จะใช้สูตรประมาณการเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายหรือรายได้นี้ก่อนจะปรับในบัญชีของเทรดเดอร์โดยอัตโนมัติ สูตรที่ใช้ทั่วไปคือ:
ค่าสว๊อป = (ขนาดล็อต x ขนาดสัญญา x อัตราดอกเบี้ยสว๊อป / 360) / อัตราแลกเปลี่ยน
โดยแต่ละองค์ประกอบมีความหมายดังนี้:
– **ขนาดล็อต (Lot size):** ปริมาณการเทรดที่คุณเปิด เช่น 1 ล็อตมาตรฐานเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก
– **ขนาดสัญญา (Contract size):** โดยทั่วไปในตลาดฟอเร็กซ์จะเท่ากับ 100,000 หน่วย
– **อัตราดอกเบี้ยสว๊อป (Swap Rate):** อัตราที่กำหนดโดยโบรกเกอร์ ซึ่งอิงจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน และอาจแยกเป็นอัตราสำหรับการซื้อ (Long) หรือการขาย (Short)
– **360:** จำนวนวันที่ใช้ในการคำนวณรายปี (บางโบรกเกอร์อาจใช้ 365)
– **อัตราแลกเปลี่ยน (Current Price):** ราคาปัจจุบันของคู่สกุลเงิน หากสกุลเงินรองไม่ใช่สกุลเงินในบัญชีเทรด ต้องแปลงเพื่อให้ได้มูลค่าเป็นสกุลเงินบัญชี
สิ่งสำคัญคือ ค่าสว๊อปไม่ได้ถูกคำนวณตามมูลค่ากำไรหรือขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคา แต่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างดอกเบี้ยของระบบการเงินโลก และถูกปรับในบัญชีทุกวันโดยอัตโนมัติ
ค่าสว๊อปเป็นบวก (Positive Swap) และ ค่าสว๊อปเป็นลบ (Negative Swap)

ค่าสว๊อปจะเป็นบวกหรือลบขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินที่คุณซื้อและสกุลเงินที่คุณขาย
– **ค่าสว๊อปเป็นบวก (Positive Swap):** เกิดขึ้นเมื่อสกุลเงินที่คุณซื้อ (สกุลเงินหลัก) มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่คุณขาย (สกุลเงินรอง) เช่น หากคุณซื้อคู่ AUD/JPY ซึ่งดอลลาร์ออสเตรเลียมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเยนญี่ปุ่น คุณจะได้รับดอกเบี้ยสุทธิ และโบรกเกอร์จะเพิ่มจำนวนเงินนี้เข้าบัญชีของคุณทุกวันที่คุณถือออร์เดอร์ เป็นรายได้เสริมที่เทรดเดอร์ระยะยาวมักใช้เป็นกลยุทธ์หลัก
– **ค่าสว๊อปเป็นลบ (Negative Swap):** เกิดขึ้นเมื่อสกุลเงินที่คุณซื้อมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสกุลเงินที่คุณขาย เช่น การซื้อ EUR/CHF หรือการขายคู่ JPY ที่มีดอกเบี้ยต่ำมาก หากคุณถือออร์เดอร์เหล่านี้ข้ามคืน คุณจะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยสุทธิออกจากบัญชี ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนสะสมที่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะถ้าถือสถานะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน
ดังนั้น การเข้าใจว่าค่าสว๊อปจะเป็นบวกหรือลบ จึงมีความสำคัญมากต่อการวางกลยุทธ์ โดยเฉพาะผู้ที่เน้นการถือออร์เดอร์ระยะยาว หรือแม้แต่เทรดเดอร์รายวันที่อาจเผลอถือค้างข้ามคืนโดยไม่ตั้งใจ
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าสว๊อป
ค่าสว๊อปไม่ได้คงที่ตลอดเวลา แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของมัน ได้แก่:
– **คู่สกุลเงิน:** แต่ละคู่มีโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกัน ส่งผลให้ค่าสว๊อปไม่เท่ากัน เช่น คู่ที่มีสกุลเงินจากประเทศที่ดอกเบี้ยสูง (เช่น เทอร์กิชลีรา หรือ ดอลลาร์นิวซีแลนด์) มักให้สว๊อปบวกสูง ขณะที่คู่ที่มีเยนญี่ปุ่นหรือดอลลาร์สวิส ซึ่งดอกเบี้ยต่ำ มักเกิดสว๊อปลบบ่อย
– **นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง:** การเปลี่ยนแปลงของธนาคารกลาง เช่น FED, ECB, BoJ หรือ RBA ส่งผลโดยตรงต่ออัตราดอกเบี้ยและดังนั้นจึงส่งผลต่อส่วนต่างและค่าสว๊อป ตัวอย่างเช่น หาก FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย คู่เงินที่มีดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินรองอาจให้สว๊อปบวกมากขึ้น
– **วันโรลโอเวอร์ (Rollover Date):** โดยปกติจะคิดค่าสว๊อปทุกวันทำการ แต่ในวันพุธ จะมีการคิดค่าสว๊อปเป็นสามเท่า เพื่อชดเชยวันเสาร์และอาทิตย์ที่ตลาดปิด แม้ไม่มีการเทรด แต่ดอกเบี้ยยังคงถูกคำนวณต่อเนื่อง
– **นโยบายของโบรกเกอร์:** โบรกเกอร์แต่ละรายอาจตั้งค่าสว๊อปต่างกันเล็กน้อย โดยบางรายอาจเพิ่มมาร์กอัพหรือหักค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ทำให้ค่าสว๊อปที่คุณเห็นอาจไม่ตรงกับค่าทฤษฎีเป๊ะ
– **ทิศทางการเทรด:** การซื้อและขายในคู่สกุลเงินเดียวกันมักมีค่าสว๊อปไม่เท่ากัน หรืออาจมีเครื่องหมายตรงข้ามกัน เช่น ค่าสว๊อป Long อาจเป็นบวก แต่ Short อาจเป็นลบ
ประเภทของสัญญา Swap ในตลาดการเงิน
คำว่า “สว๊อป” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตลาดฟอเร็กซ์เท่านั้น แต่ยังเป็นคำที่ใช้ในตลาดการเงินหลายประเภทเพื่ออธิบายข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนกระแสเงินสดหรือสินทรัพย์ตามเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกัน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อจัดการความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน หรือเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน
FX Swap (Forex Swap)
FX Swap คือรูปแบบของสว๊อปที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินสองสกุลในตลาดฟอเร็กซ์ โดยเฉพาะในกรณีของการถือสถานะข้ามคืน ซึ่งเป็นที่มาของค่าสว๊อปที่เทรดเดอร์คุ้นเคย กลไกนี้เกิดจากการที่โบรกเกอร์ต้อง “โรลโอเวอร์” ตำแหน่งของคุณไปยังวันทำการถัดไป ซึ่งเทียบได้กับการปิดออร์เดอร์ในวันนั้นแล้วเปิดใหม่ในวันถัดไป พร้อมกับปรับค่าดอกเบี้ยที่แตกต่างกันระหว่างสองสกุลเงิน
Interest Rate Swap (IRS) และ Cross Currency Swap (CCS)
แม้บทความนี้จะเน้นที่ FX Swap แต่ควรเข้าใจว่า “สว๊อป” ในแวดวงการเงินมีความหมายที่ลึกและกว้างขวางกว่า:
– **Interest Rate Swap (IRS):** เป็นสัญญาที่คู่สัญญาสองฝ่ายตกลงแลกเปลี่ยนกระแสเงินสดจากดอกเบี้ย โดยทั่วไปคือการแลกเปลี่ยนดอกเบี้ยคงที่กับดอกเบี้ยลอยตัวบนเงินต้นสมมติ (Notional Principal) ซึ่งไม่มีการโอนเงินต้นจริง สัญญา IRS มักใช้โดยบริษัทหรือสถาบันการเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย หรือเพื่อปรับโครงสร้างต้นทุนการเงินให้เหมาะสมขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IRS สามารถศึกษาได้จาก Investopedia
– **Cross Currency Swap (CCS):** เป็นสัญญาที่ซับซ้อนกว่า IRS เพราะมีการแลกเปลี่ยนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในสกุลเงินที่ต่างกัน ซึ่งมักใช้เมื่อบริษัทข้ามชาติต้องการกู้ยืมในสกุลเงินต่างประเทศในอัตราที่ดีกว่า หรือต้องการป้องกันความเสี่ยงจากทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยพร้อมกัน
การเข้าใจสว๊อปในมุมมองที่กว้างขึ้นจะช่วยให้เห็นภาพว่า กลไกนี้ไม่ใช่แค่ค่าธรรมเนียมในบัญชีเทรด แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก
บัญชี Swap-Free (บัญชีอิสลาม) คืออะไร?
บัญชี Swap-Free หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “บัญชีอิสลาม” เป็นบัญชีซื้อขายที่ออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งห้ามการรับหรือจ่ายดอกเบี้ย (Riba) ดังนั้น บัญชีประเภทนี้จะไม่มีการคิดค่าสว๊อปไม่ว่าคุณจะถือออร์เดอร์ข้ามคืนนานเท่าใดก็ตาม ทำให้เทรดเดอร์ชาวมุสลิมสามารถเข้าร่วมตลาดฟอเร็กซ์ได้โดยไม่ขัดต่อหลักชะรีอะฮ์ อย่างไรก็ตาม บัญชีนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับนักเทรดทั่วไปที่ต้องการหลีกเลี่ยงต้นทุนหรือรายได้จากดอกเบี้ยข้ามคืน
ข้อดีและข้อเสียของการใช้บัญชี Swap-Free
การเลือกใช้บัญชี Swap-Free ต้องพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างรอบด้าน:
**ข้อดี:**
– **ไม่มีค่าสว๊อป:** ไม่ว่าคุณจะถือออร์เดอร์กี่วันก็ไม่ต้องกังวลกับค่าธรรมเนียมหรือรายได้จากดอกเบี้ยข้ามคืน ซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ที่เทรดระยะยาวหรือไม่ต้องการความซับซ้อนเรื่องดอกเบี้ย
– **สอดคล้องกับหลักศาสนา:** เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ชาวมุสลิมที่ต้องการปฏิบัติตามหลักการทางศาสนา
– **วางแผนง่ายขึ้น:** ไม่ต้องคอยตรวจสอบหรือคำนวณผลกระทบของสว๊อปต่อผลกำไร
**ข้อเสีย:**
– **ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม:** โบรกเกอร์บางรายอาจชดเชยการไม่มีสว๊อปด้วยการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูงขึ้น หรือขยายสเปรดให้กว้างขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่
– **ข้อจำกัดด้านเวลา:** บางโบรกเกอร์อาจจำกัดระยะเวลาการถือออร์เดอร์ในบัญชี Swap-Free เช่น ไม่ให้ถือเกิน 30 หรือ 60 วัน โดยไม่ปิดและเปิดใหม่
– **พลาดโอกาสได้รับสว๊อปบวก:** หากคุณเทรดคู่เงินที่ให้ค่าสว๊อปบวกสูง การใช้บัญชี Swap-Free หมายถึงคุณจะไม่ได้รับรายได้เพิ่มเติมนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อผลตอบแทนรวม
ดังนั้น ก่อนเปิดบัญชี ควรศึกษานโยบายของโบรกเกอร์อย่างละเอียด ทั้งเรื่องสเปรด ค่าคอมมิชชั่น และข้อกำหนดอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ
กลยุทธ์การบริหารจัดการค่าสว๊อปสำหรับเทรดเดอร์
การบริหารจัดการค่าสว๊อปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดต้นทุนหรือแม้แต่เพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ถือออร์เดอร์ข้ามคืนอย่างสม่ำเสมอ กลยุทธ์ที่ควรพิจารณา ได้แก่:
1. **เลือกคู่สกุลเงินที่ให้สว๊อปบวก:** หากคุณเป็นเทรดเดอร์ระยะยาวหรือผู้ที่เน้นการถือออร์เดอร์หลายวัน ควรเลือกคู่เงินที่มีแนวโน้มให้ค่าสว๊อปเป็นบวกในทิศทางที่คุณเทรด เช่น การซื้อ AUD/JPY หรือ NZD/USD ซึ่งมักให้สว๊อปบวกสูง
2. **ปิดออร์เดอร์ก่อนเวลาโรลโอเวอร์:** สำหรับเทรดเดอร์รายวันหรือผู้ที่ไม่ต้องการถือค้างคืน ควรปิดออร์เดอร์ทั้งหมดก่อนเวลา 17:00 น. ตามเวลา New York เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปรับค่าสว๊อป โดยเฉพาะในวันพุธที่มีการคิดสามเท่า
3. **ใช้บัญชี Swap-Free อย่างมีเหตุผล:** หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงสว๊อปทั้งหมด และไม่กังวลกับค่าธรรมเนียมอื่น ๆ บัญชี Swap-Free อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่ควรเปรียบเทียบต้นทุนรวมกับบัญชีปกติ
4. **วางแผนการเทรดในวันพุธอย่างระมัดระวัง:** หากคุณถือออร์เดอร์ข้ามคืนในวันพุธ และทราบว่าค่าสว๊อปเป็นบวก การได้รับสามเท่าอาจเพิ่มผลตอบแทน แต่หากเป็นลบ คุณก็จะเสียสามเท่า ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสี่ยงได้มาก
5. **ตรวจสอบตารางค่าสว๊อปของโบรกเกอร์เป็นประจำ:** โบรกเกอร์แต่ละรายมีตารางค่าสว๊อปที่ต่างกัน คุณควรตรวจสอบข้อมูลนี้ผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มเทรด เช่น MetaTrader 4/5 โดยไปที่ “Specification” ของแต่ละคู่สกุลเงิน เพื่อวางแผนการเทรดได้อย่างแม่นยำ
สรุป: ความสำคัญของสว๊อปในการเทรด Forex
ค่าสว๊อปไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขเล็ก ๆ ที่ปรากฏในบัญชี แต่เป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนความเป็นจริงของระบบการเงินโลก โดยเฉพาะความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลต่อทั้งต้นทุนและผลตอบแทนของเทรดเดอร์ที่ถือออร์เดอร์ข้ามคืน การเข้าใจกลไกนี้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ความหมาย การคำนวณ ไปจนถึงปัจจัยที่ส่งผล ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคู่สกุลเงิน การตัดสินใจเกี่ยวกับระยะเวลาในการถือออร์เดอร์ หรือการเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสม
นอกจากนี้ การรู้ว่าคำว่า “สว๊อป” มีความหมายกว้างในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็น Interest Rate Swap หรือ Cross Currency Swap ยังช่วยเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินโดยรวม ทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีมุมมองรอบด้าน และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสว๊อป (FAQ)
ค่าสว๊อปคิดยังไง?
ค่าสว๊อปคำนวณจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่เงินที่คุณเทรด คูณด้วยขนาดล็อตและขนาดสัญญา แล้วหารด้วยจำนวนวันในหนึ่งปี (โดยทั่วไปคือ 360) โบรกเกอร์จะปรับค่านี้ในบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติทุกวันเวลาปิดตลาด
ค่าสว๊อปเป็นบวกหมายถึงอะไร และมีผลดีต่อเทรดเดอร์อย่างไร?
ค่าสว๊อปเป็นบวกหมายถึงคุณจะได้รับเงินเข้าบัญชีเมื่อถือออร์เดอร์ข้ามคืน เกิดขึ้นเมื่อสกุลเงินที่คุณซื้อมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่คุณขาย ซึ่งเป็นผลดีต่อเทรดเดอร์ระยะยาว เพราะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากตำแหน่งที่ถือไว้
ค่าสว๊อปเป็นลบส่งผลอย่างไรต่อผลกำไรขาดทุนของเทรดเดอร์?
ค่าสว๊อปเป็นลบหมายถึงคุณต้องจ่ายเงินออกจากบัญชีเมื่อถือออร์เดอร์ข้ามคืน เกิดขึ้นเมื่อสกุลเงินที่คุณซื้มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสกุลเงินที่คุณขาย ส่งผลให้ผลกำไรลดลงหรือขาดทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากถือออร์เดอร์เป็นเวลานาน
บัญชี Swap-Free (บัญชีอิสลาม) เหมาะกับใคร และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
บัญชี Swap-Free เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับการรับหรือจ่ายดอกเบี้ย เช่น ผู้นับถือศาสนาอิสลาม หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงต้นทุนจากสว๊อป ข้อจำกัดอาจรวมถึงค่าคอมมิชชั่นหรือสเปรดที่สูงขึ้น หรือข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาการถือออร์เดอร์
เราจะตรวจสอบค่าสว๊อปของคู่สกุลเงินต่างๆ ได้จากที่ไหน?
คุณสามารถตรวจสอบค่าสว๊อปได้จากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ หรือผ่านแพลตฟอร์มการเทรด เช่น MetaTrader 4/5 โดยคลิกขวาที่คู่สกุลเงินที่ต้องการ แล้วเลือก “Specification” เพื่อดูรายละเอียด
ทำไมค่าสว๊อปในวันพุธถึงถูกคิดเป็นสามเท่า?
เพราะค่าสว๊อปจะถูกคำนวณทุกวันทำการ แต่ในวันเสาร์และอาทิตย์ตลาดปิด ดังนั้นเพื่อชดเชยสองวันนี้ ค่าสว๊อปในวันพุธจึงถูกคิดเป็นสามเท่า (หนึ่งวันพุธ + สองวันหยุดสุดสัปดาห์)
ความแตกต่างระหว่างสว๊อปและสเปรดในการเทรด Forex คืออะไร?
สว๊อป (Swap) คือค่าธรรมเนียมหรือรายได้ที่เกิดขึ้นเมื่อถือออร์เดอร์ข้ามคืน ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงิน
สเปรด (Spread) คือส่วนต่างระหว่างราคา Bid และ Ask ซึ่งเป็นต้นทุนพื้นฐานที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เปิดออร์เดอร์
นอกจาก Forex แล้ว สัญญา Swap มีการใช้งานในตลาดการเงินประเภทใดอีกบ้าง?
นอกจาก FX Swap แล้ว สัญญา Swap ยังใช้ในตลาดการเงินอื่น ๆ เช่น:
- Interest Rate Swap (IRS): แลกเปลี่ยนกระแสเงินสดจากอัตราดอกเบี้ย
- Cross Currency Swap (CCS): แลกเปลี่ยนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในสกุลเงินต่างกัน
- Equity Swap: แลกเปลี่ยนผลตอบแทนจากหุ้นกับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย
คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญา Swap ได้จาก แหล่งข้อมูลทางการเงินที่น่าเชื่อถือ
มีกลยุทธ์ใดบ้างที่ช่วยให้เทรดเดอร์บริหารจัดการหรือหลีกเลี่ยงค่าสว๊อปได้?
กลยุทธ์การจัดการค่าสว๊อป ได้แก่:
- เลือกคู่สกุลเงินที่ให้สว๊อปบวกในทิศทางที่เทรด
- ปิดออร์เดอร์ก่อนเวลาโรลโอเวอร์หากเป็นเทรดเดอร์รายวัน
- ใช้บัญชี Swap-Free หากต้องการหลีกเลี่ยงสว๊อปทั้งหมด
- พิจารณาถือออร์เดอร์ในวันพุธเพื่อรับสว๊อปสามเท่า (หากเป็นบวก)
- ตรวจสอบตารางค่าสว๊อปของโบรกเกอร์อย่างสม่ำเสมอ
ค่าสว๊อปที่โบรกเกอร์แต่ละแห่งนำเสนอมีความแตกต่างกันหรือไม่ และควรพิจารณาอย่างไร?
ใช่ ค่าสว๊อปอาจแตกต่างกันระหว่างโบรกเกอร์ เนื่องจากนโยบายการตั้งอัตราและค่ามาร์กอัพของแต่ละราย คุณควรเปรียบเทียบค่าสว๊อปและต้นทุนรวมของโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดของคุณมากที่สุด