
ในยุคดิจิทัลที่ไม่มีพรมแดน การส่งเงินไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน ทุกอย่างสามารถทำได้เพียงไม่กี่คลิก แต่ความรวดเร็วและสะดวกนี้ก็ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ระบบการเงินระหว่างประเทศทำงานได้อย่างแม่นยำคือ “รหัส SWIFT” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า BIC (Bank Identifier Code) โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีบัญชีกับธนาคารกรุงไทย การเข้าใจรหัส SWIFT อย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณส่งหรือรับเงินจากต่างประเทศได้อย่างปลอดภัย ไม่มีสะดุด และไม่สูญเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากความผิดพลาด

รหัส SWIFT กรุงไทย (KTBATHBK) คืออะไร?
รหัส SWIFT เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ระบุธนาคารในระบบการเงินโลกอย่างแม่นยำ ย่อมาจาก Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication หรือระบบสื่อสารการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก ช่วยให้ธนาคารต่างประเทศสามารถสื่อสารกันได้เมื่อมีการโอนเงินข้ามประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโอนเงินผ่านระบบ Wire Transfer หรือ Telegraphic Transfer ซึ่งต้องอาศัยรหัสนี้เพื่อระบุว่าเงินกำลังจะไปที่ธนาคารใด
สำหรับธนาคารกรุงไทย รหัส SWIFT ที่ใช้ทั่วไปในธุรกรรมระหว่างประเทศคือ KTBATHBK ไม่ว่าคุณจะต้องการรับเงินจากต่างประเทศ หรือส่งเงินออกไปยังผู้รับในต่างประเทศ รหัสนี้คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เงินของคุณเดินทางไปถึงปลายทางอย่างถูกต้อง
หากไม่มีรหัส SWIFT ที่ถูกต้อง การโอนเงินอาจถูกตีกลับ ล่าช้า หรือเลวร้ายที่สุดคือเงินอาจไปถึงบัญชีที่ไม่ใช่ของคุณ เพราะธนาคารปลายทางระบุไม่ได้ว่าเงินนี้ควรไปที่สถาบันใด ดังนั้น รหัสนี้จึงไม่ใช่แค่ข้อมูลประกอบ แต่เป็นข้อมูลที่จำเป็นและขาดไม่ได้ ผู้ที่มีธุรกรรมการเงินกับต่างประเทศควรจดจำและตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งก่อนทำรายการ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ SWIFT สามารถศึกษาได้ที่ เว็บไซต์ทางการของ SWIFT

ถอดรหัสโครงสร้างของ SWIFT Code: KTBATHBK
รหัส SWIFT อาจดูเหมือนชุดตัวอักษรสุ่ม แต่จริงๆ แล้วแต่ละส่วนมีความหมายเฉพาะที่ช่วยระบุตำแหน่งของธนาคารอย่างแม่นยำ รหัส KTBATHBK ของธนาคารกรุงไทย สามารถแยกออกเป็น 4 ส่วนหลัก ดังนี้:
- KTBA (4 ตัวอักษรแรก): รหัสธนาคาร (Bank Code)
- มาจากชื่อภาษาอังกฤษของธนาคารกรุงไทย คือ Krungthai Bank นำตัวอักษรต้นมาสร้างเป็นรหัสเฉพาะที่ไม่ซ้ำกับธนาคารอื่นทั่วโลก
- TH (2 ตัวถัดมา): รหัสประเทศ (Country Code)
- ใช้ตามมาตรฐาน ISO 3166-1 alpha-2 ซึ่งระบุว่าธนาคารนี้ตั้งอยู่ในประเทศไทย (Thailand) รหัสนี้เหมือนกันสำหรับทุกสถาบันการเงินในประเทศเดียวกัน
- BK (2 ตัวถัดมา): รหัสสถานที่ (Location Code)
- หมายถึงเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคาร ในกรณีนี้คือ Bangkok หรือกรุงเทพมหานคร ไม่ใช่ชื่อจังหวัด แต่เป็นรหัสที่บ่งบอกพื้นที่หลักของธนาคาร
- (เพิ่มเติมอีก 3 ตัว): รหัสสาขา (Branch Code – ไม่จำเป็นต้องใช้)
- ในบางกรณี รหัส SWIFT อาจยาวถึง 11 หลัก โดยเพิ่มรหัสสาขามาด้วย แต่สำหรับธนาคารกรุงไทยและสถาบันการเงินในประเทศไทยส่วนใหญ่ รหัส 8 ตัว KTBATHBK ถือว่าเพียงพอ เพราะธนาคารจะใช้ระบบภายในในการส่งเงินไปยังสาขาที่เกี่ยวข้องตามเลขที่บัญชีของผู้รับโดยอัตโนมัติ
การรู้ว่าแต่ละส่วนหมายถึงอะไร ไม่เพียงช่วยให้คุณมั่นใจว่าใช้รหัสที่ถูกต้อง แต่ยังช่วยในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้รับจากผู้อื่นอีกด้วย
ตรวจสอบรหัส SWIFT กรุงไทยได้จากที่ไหนบ้าง?
การหาข้อมูลรหัส SWIFT ของธนาคารกรุงไทยไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรได้รับจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจตามมา ต่อไปนี้คือช่องทางที่คุณสามารถตรวจสอบได้อย่างมั่นใจ:
- สมุดบัญชีธนาคาร: หลายรุ่นของสมุดบัญชีธนาคารกรุงไทยจะพิมพ์ข้อมูลธนาคารสำคัญ เช่น ชื่อธนาคาร ที่อยู่ และรหัส SWIFT ไว้ที่หน้าแรกหรือหน้าข้อมูลทั่วไป ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลยังคงใช้ได้
- แอป Krungthai NEXT:
- หลังเข้าสู่ระบบ ให้เลือกเมนู “ธุรกรรม” หรือ “โอนเงินต่างประเทศ”
- ในหน้าการตั้งค่าหรือข้อมูลสำหรับรับเงินจากต่างประเทศ ระบบมักจะแสดงชื่อธนาคาร ที่อยู่ และรหัส SWIFT โดยอัตโนมัติ
- ข้อมูลนี้ถือว่าเป็นปัจจุบันและเชื่อถือได้ 100%
- เว็บไซต์ทางการของธนาคารกรุงไทย:
- เข้าไปที่ krungthai.com แล้วค้นหาในส่วน “บริการโอนเงินระหว่างประเทศ” “ติดต่อเรา” หรือ “คำถามที่พบบ่อย”
- ข้อมูลรหัส SWIFT มักจัดแสดงอย่างชัดเจนในหน้า FAQ หรือในคู่มือการใช้บริการ
- สอบถามโดยตรง:
- หากยังไม่มั่นใจ คุณสามารถติดต่อ Krungthai Contact Center ได้ที่ 02-111-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเดินทางไปที่สาขาใกล้บ้านเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่
- การได้รับข้อมูลจากพนักงานธนาคารโดยตรง ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงจากข้อมูลที่อาจล้าสมัย
ต้องใช้รหัส SWIFT แยกตามสาขาหรือไม่?
นี่เป็นข้อสงสัยที่พบบ่อย โดยเฉพาะผู้ที่เปิดบัญชีที่สาขาเฉพาะเจาะจง เช่น สาขาสยาม หรือ สาขาเชียงใหม่ ซึ่งต้องการมั่นใจว่าจะต้องใช้รหัส SWIFT ที่ตรงกับสาขาที่เปิดบัญชีหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จำเป็น ธนาคารกรุงไทยใช้รหัส SWIFT หลักรหัสเดียว คือ KTBATHBK สำหรับทุกสาขาทั่วประเทศ เมื่อเงินจากต่างประเทศถึงธนาคารกรุงไทยแล้ว ระบบภายในจะใช้เลขที่บัญชีและชื่อบัญชีในการระบุว่าเงินนี้ควรไปที่สาขาใด โดยไม่ต้องอาศัยรหัส SWIFT ย่อยของแต่ละสาขามาช่วย
แม้ในทฤษฎีรหัส SWIFT จะสามารถมีได้ถึง 11 ตัวอักษร (โดยเพิ่มรหัสสาขาอีก 3 ตัว) แต่ในทางปฏิบัติ การใช้รหัส 8 หลัก KTBATHBK ถือเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล ผู้โอนเงินจากต่างประเทศไม่จำเป็นต้องค้นหารหัสเฉพาะสาขาให้ยุ่งยาก
วิธีใช้รหัส SWIFT กรุงไทยในการโอนเงินข้ามประเทศ
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะผู้รับหรือผู้ส่งเงิน การใช้รหัส SWIFT อย่างถูกต้องคือกุญแจสำคัญของการทำธุรกรรมที่ราบรื่น ต่อไปนี้คือแนวทางการใช้งานทั้งสองด้าน
กรณีรับเงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีกรุงไทย
หากคุณต้องการให้ใครสักคนส่งเงินมายังบัญชีของคุณที่ธนาคารกรุงไทย คุณควรให้ข้อมูลต่อไปนี้อย่างครบถ้วน:
- ชื่อผู้รับเงิน (Beneficiary Name): ต้องตรงกับชื่อในบัญชีธนาคารเป๊ะๆ โดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ไม่ควรย่อหรือสะกดผิด
- เลขที่บัญชี (Account Number): หมายเลขบัญชีธนาคารกรุงไทยของคุณ อย่าลืมตรวจสอบเลข 0 และตัว O ให้ชัดเจน
- ชื่อธนาคาร (Bank Name): Krungthai Bank Public Company Limited
- รหัส SWIFT: KTBATHBK
- ที่อยู่ธนาคาร: 35 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 ประเทศไทย
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้โดยผู้ส่งเงินในประเทศต้นทางในการกรอกแบบฟอร์มโอนเงิน หากข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง เงินจะเข้าบัญชีคุณภายใน 1-3 วันทำการโดยไม่ติดขัด
กรณีส่งเงินจากบัญชีกรุงไทยไปต่างประเทศ
หากคุณต้องการโอนเงินไปยังผู้รับต่างประเทศผ่านบัญชีกรุงไทย คุณจะต้องขอข้อมูลจากผู้รับดังต่อไปนี้:
- ชื่อผู้รับ: ต้องตรงกับชื่อในบัญชีของผู้รับ
- เลขที่บัญชีผู้รับ หรือ IBAN: ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง เช่น ประเทศในยุโรปมักใช้ IBAN
- ชื่อธนาคารผู้รับ: ชื่อเต็มของธนาคาร
- รหัส SWIFT ของธนาคารผู้รับ: จำเป็นต้องใช้เพื่อระบุธนาคารปลายทาง
- ที่อยู่ธนาคารผู้รับ: ช่วยเร่งการประมวลผล โดยเฉพาะหากธนาคารมีหลายสาขา
อย่าลืมว่าแม้ธนาคารกรุงไทยจะเป็นผู้เริ่มต้นโอน แต่รหัส SWIFT ที่คุณต้องใช้คือของธนาคารปลายทาง ไม่ใช่ของกรุงไทย ความเข้าใจผิดจุดนี้มักทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้
ข้อมูลธนาคารกรุงไทยสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ
เพื่อความสะดวก ด้านล่างนี้คือข้อมูลหลักที่คุณควรเก็บไว้ใช้งานเมื่อต้องรับหรือส่งเงินข้ามประเทศ:
ข้อมูล | รายละเอียด |
---|---|
ชื่อธนาคาร (Bank Name) | Krungthai Bank Public Company Limited |
รหัส SWIFT (SWIFT Code / BIC) | KTBATHBK |
ที่อยู่ธนาคาร (Bank Address) | 35 Sukhumvit Road, Klongtoey Nua, Wattana, Bangkok 10110, Thailand |
ข้อควรระวังและแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา
แม้กระบวนการจะดูเรียบง่าย แต่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยอาจส่งผลให้เงินล่าช้าหรือสูญหาย ดังนั้นควรระวังปัจจัยต่อไปนี้:
- ความผิดพลาดที่พบบ่อย:
- พิมพ์รหัส SWIFT ผิด: เช่น เขียนเป็น KTBTHBA หรือลืมตัว B หนึ่งตัว ทำให้ระบบระบุไม่ได้และเงินอาจตีกลับหรือต้องใช้เวลาตรวจสอบหลายวัน
- ชื่อผู้รับไม่ตรงกับบัญชี: ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เล็ก หรือสะกดผิดแม้เพียงตัวเดียวอาจทำให้ธนาคารปลายทางระงับการโอน
- เลขที่บัญชีผิด: เป็นความผิดพลาดที่อันตรายที่สุด เพราะหากเงินเข้าบัญชีคนอื่น อาจต้องใช้กระบวนการยุ่งยากในการขอคืน
- ที่อยู่ไม่ครบ: แม้ไม่ใช่ข้อมูลหลัก แต่การให้ที่อยู่ที่ชัดเจนช่วยให้ธนาคารประมวลผลได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม
- หากเกิดปัญหาต้องทำอย่างไร:
- ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง: ทั้งผู้ส่งและผู้รับควรตรวจสอบใบแจ้งรายการ (Transaction Receipt) หรือเลขติดตาม (Tracking Number) อย่างละเอียด
- ติดต่อธนาคารต้นทาง: หากคุณเป็นผู้ส่ง ให้แจ้งปัญหาทันทีกับธนาคารที่คุณใช้บริการ
- ติดต่อธนาคารกรุงไทย: หากคุณเป็นผู้รับและยังไม่ได้รับเงิน ควรติดต่อธนาคารพร้อมเลข MT103 หรือเอกสารยืนยันการโอน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตาม
- ช่องทางติดต่อธนาคารกรุงไทย:
- Krungthai Contact Center: โทร 02-111-1111 ทุกวัน 24 ชั่วโมง
- สาขาธนาคาร: ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่โดยตรง
- เว็บไซต์: ตรวจสอบข้อมูลในหน้า ติดต่อเรา
การเตรียมตัวล่วงหน้าและตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหา การส่งหรือรับเงินข้ามประเทศอาจมีค่าธรรมเนียมและใช้เวลา แต่หากข้อมูลถูกต้องทุกอย่าง การโอนเงินก็จะราบรื่นและปลอดภัย
1. รหัส SWIFT กรุงไทยคืออะไร และสำคัญอย่างไรในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ?
รหัส SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) คือรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้ระบุธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลกเพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินระหว่างประเทศ รหัส SWIFT ของธนาคารกรุงไทยคือ KTBATHBK มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นเหมือน “ที่อยู่” ของธนาคารในระบบการเงินโลก ทำให้การโอนเงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีกรุงไทย หรือการโอนเงินจากกรุงไทยไปต่างประเทศ สามารถระบุธนาคารผู้รับได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ป้องกันความผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรม
2. รหัส SWIFT ของธนาคารกรุงไทยคืออะไร และต้องใช้รหัส KTBATHBK หรือไม่?
รหัส SWIFT หลักของธนาคารกรุงไทยคือ KTBATHBK คุณต้องใช้รหัสนี้เมื่อมีการโอนเงินระหว่างประเทศเข้าหรือออกจากบัญชีธนาคารกรุงไทย เนื่องจากเป็นรหัสที่ระบุธนาคารกรุงไทยในระบบการเงินสากล
3. ฉันจะหารหัส SWIFT กรุงไทยได้จากช่องทางใดบ้าง?
คุณสามารถหารหัส SWIFT กรุงไทยได้จากหลายช่องทาง:
- จากสมุดบัญชีธนาคาร
- จากแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT (ในเมนูธุรกรรมหรือโอนเงินต่างประเทศ)
- จากเว็บไซต์ธนาคารกรุงไทยอย่างเป็นทางการ (ในส่วนติดต่อเราหรือ FAQ)
- สอบถามจากสาขาธนาคารกรุงไทยโดยตรง หรือ Krungthai Contact Center (02-111-1111)
4. รหัส SWIFT ของธนาคารกรุงไทยแต่ละสาขาแตกต่างกันหรือไม่?
ไม่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารกรุงไทยใช้รหัส SWIFT หลัก KTBATHBK เพียงรหัสเดียวสำหรับทุกสาขาในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะเปิดบัญชีที่สาขาใด ก็จะใช้รหัส SWIFT นี้สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ
5. นอกเหนือจากรหัส SWIFT แล้ว ต้องใช้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมในการโอนเงินต่างประเทศเข้าบัญชีกรุงไทย?
นอกเหนือจากรหัส SWIFT (KTBATHBK) คุณจะต้องให้ข้อมูลต่อไปนี้แก่ผู้โอน:
- ชื่อ-นามสกุลผู้รับเงินเป็นภาษาอังกฤษ (ตรงตามบัญชี)
- เลขที่บัญชีธนาคารกรุงไทยของคุณ
- ชื่อธนาคาร: Krungthai Bank Public Company Limited
- ที่อยู่ธนาคาร: 35 Sukhumvit Road, Klongtoey Nua, Wattana, Bangkok 10110, Thailand
6. ถ้ากรอกรหัส SWIFT กรุงไทยผิดพลาด การโอนเงินจะถูกยกเลิกหรือมีปัญหาอย่างไร?
หากกรอกรหัส SWIFT ผิดพลาด การโอนเงินอาจถูกยกเลิก ถูกตีกลับ หรือล่าช้าอย่างมาก ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการแก้ไขหรือยกเลิก หากรหัสที่กรอกไปเป็นของธนาคารอื่นที่ไม่ใช่กรุงไทย เงินอาจถูกส่งไปที่ธนาคารนั้นก่อนที่จะถูกตีกลับ ดังนั้น การตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนยืนยันการโอนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
7. สามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินระหว่างประเทศที่ใช้รหัส SWIFT ได้อย่างไร?
หากคุณเป็นผู้โอน สามารถติดต่อธนาคารที่คุณใช้บริการเพื่อสอบถามสถานะ โดยใช้หลักฐานการโอน เช่น Tracking Number หรือ MT103 ที่ได้รับ หากคุณเป็นผู้รับและยังไม่ได้รับเงินตามกำหนด ควรติดต่อ Krungthai Contact Center (02-111-1111) หรือสาขาธนาคารกรุงไทย พร้อมแจ้งรายละเอียดการโอนและขอให้ธนาคารช่วยตรวจสอบให้
8. มีค่าธรรมเนียมในการใช้รหัส SWIFT สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศของกรุงไทยหรือไม่?
ใช่ การโอนเงินระหว่างประเทศมักมีค่าธรรมเนียม ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนเงินสกุลเงิน และธนาคารที่ใช้บริการ รวมถึงธนาคารตัวกลาง (Correspondent Bank) ที่อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม คุณควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมกับธนาคารกรุงไทยโดยตรงก่อนทำธุรกรรม เพื่อทราบรายละเอียดที่ชัดเจน
9. รหัส SWIFT แตกต่างจาก IBAN หรือ Routing Number อย่างไร?
รหัส SWIFT ใช้ระบุธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินระหว่างประเทศ
- IBAN (International Bank Account Number): ใช้ระบุบัญชีธนาคารเฉพาะของผู้รับเงินในบางประเทศ (ส่วนใหญ่ในยุโรป) โดยจะเป็นรหัสที่รวมรหัสประเทศ รหัสธนาคาร และเลขที่บัญชีไว้ด้วยกัน
- Routing Number (หรือ ABA Routing Transit Number): เป็นรหัส 9 หลักที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เพื่อระบุธนาคารสำหรับการทำธุรกรรมภายในประเทศ เช่น การโอนเงิน ACH หรือ Wire Transfer
ดังนั้น ทั้งสามรหัสมีวัตถุประสงค์และพื้นที่การใช้งานที่แตกต่างกัน
10. หากต้องการโอนเงินไปยังต่างประเทศโดยใช้ธนาคารกรุงไทย ควรใช้รหัส SWIFT ของธนาคารผู้รับหรือไม่?
ใช่ เมื่อคุณต้องการโอนเงินจากธนาคารกรุงไทยไปยังผู้รับในต่างประเทศ คุณจะต้องมีรหัส SWIFT ของธนาคารผู้รับเงินในต่างประเทศเสมอ เพื่อให้ระบบสามารถระบุธนาคารปลายทางได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
การเข้าใจและใช้รหัส SWIFT ของธนาคารกรุงไทยอย่างถูกต้องไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่อาจตามมาจากการโอนเงินผิดพลาด รหัส KTBATHBK จึงไม่ใช่แค่ตัวอักษรธรรมดา แต่เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เงินของคุณเดินทางข้ามโลกได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในบทความนี้ คุณสามารถจัดการธุรกรรมระหว่างประเทศได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินจากครอบครัว โอนเงินเพื่อการศึกษา หรือทำธุรกิจข้ามประเทศ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวล