ไม่ต้องสับสนอีกต่อไป! รหัส SWIFT Code (BIC) ของธนาคารไทย: คู่มือโดยละเอียดสำหรับการค้นหาและการโอนเงินระหว่างประเทศอย่างมั่นใจ

การโอนเงินข้ามประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเงินไปให้ครอบครัว ชำระค่าบริการ หรือทำธุรกรรมทางธุรกิจ ต่างต้องอาศัยความแม่นยำในระดับสูง โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธนาคารผู้รับ หนึ่งในคำสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ “SWIFT Code” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า BIC (Business Identifier Code) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการโอนเงินข้ามพรมแดนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมุมของ SWIFT Code โดยเฉพาะรหัสของธนาคารในประเทศไทย พร้อมเน้นกรณีศึกษาที่ธนาคารกสิกรไทย เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างลึกซึ้ง — ตั้งแต่ความหมายและโครงสร้าง ไปจนถึงวิธีค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง การเตรียมข้อมูลก่อนโอน และการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย พร้อมทั้งแนะนำทางเลือกการส่งเงินที่เหมาะสมสำหรับบริบทต่าง ๆ
SWIFT Code คืออะไร รหัสปลดล็อกการโอนเงินข้ามประเทศ
ในโลกของธนาคารและการเงินระหว่างประเทศ หากไม่มีระบบที่สามารถระบุสถาบันการเงินได้แม่นยำ การโอนเงินจะยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยความเสี่ยง SWIFT Code คือคำตอบของปัญหานี้ ย่อมาจาก **Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication** หรือระบบสื่อสารการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็น “รหัสประจำตัว” ที่ช่วยระบุธนาคารแต่ละแห่งอย่างชัดเจนในระบบการโอนเงินข้ามประเทศ
แต่ก่อนที่จะคิดว่ามันคือแค่ชุดตัวอักษร 11 ตัว ขอให้เข้าใจว่า SWIFT Code คือกุญแจสำคัญที่เปิดประตูให้เงินของคุณเดินทางจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยทำหน้าที่เป็น “ที่อยู่” ในเครือข่ายการเงินสากล ช่วยให้ธนาคารในต่างประเทศสามารถยืนยันตัวตนของธนาคารที่ต้องการรับเงินได้อย่างถูกต้อง มีความปลอดภัยสูง และลดโอกาสผิดพลาดในการโอน
ถอดรหัสลับของ SWIFT Code: ทุกตัวอักษรหมายถึงอะไร?
SWIFT Code เป็นรหัสที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขรวมกัน 8 หรือ 11 หลัก โดยไม่ใช่ชุดตัวอักษรสุ่ม แต่ถูกจัดโครงสร้างอย่างมีระบบเพื่อการระบุข้อมูลอย่างแม่นยำ ยิ่งเข้าใจโครงสร้าง ยิ่งหลีกเลี่ยงความสับสนได้
- 4 ตัวแรก (Bank Code): เป็นรหัสเฉพาะที่บ่งบอกชื่อธนาคาร เช่น “KASI” สำหรับธนาคารกสิกรไทย
- 2 ตัวถัดไป (Country Code): ใช้รหัสประเทศตามมาตรฐาน ISO 3166-1 เช่น “TH” สำหรับประเทศไทย
- 2 ตัวถัดไป (Location Code): แสดงตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ เช่น “BK” สำหรับเขตกรุงเทพฯ
- 3 ตัวสุดท้าย (Branch Code): เป็นส่วนที่ไม่จำเป็นต้องมี ใช้ระบุสาขาเฉพาะของธนาคาร หากไม่มีแสดงว่าเป็นรหัสสำหรับสำนักงานใหญ่โดยทั่วไป ส่วนใหญ่ใช้ “XXX” เพื่อระบุว่าเป็นสำนักงานใหญ่ แต่บางธนาคารอาจมีรหัสสาขาเฉพาะในบางกรณีพิเศษ
ยกตัวอย่าง SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทย: KASITHBK
– KASI = ธนาคารกสิกรไทย
– TH = ประเทศไทย
– BK = กรุงเทพฯ
– ไม่มี 3 ตัวสุดท้าย = รหัสสำหรับสำนักงานใหญ่
การทำความเข้าใจโครงสร้างนี้ไม่ใช่เพื่อให้จำวิธีตั้งรหัส แต่เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบว่ารหัสที่ได้รับเป็นของ “ธนาคารในไทย” อย่างแท้จริง หรืออาจเป็นรหัสจากประเทศอื่นโดยไม่รู้ตัว

ทำไมต้องใช้ SWIFT Code ในการโอนเงินข้ามประเทศ?
หากไม่มี SWIFT Code เงินของคุณอาจจบลงในความยุ่งเหยิง เนื่องจากธนาคารต้นทางไม่อาจระบุได้ว่าธนาคารปลายทางคือใคร ในระบบที่มีธนาคารกว่า 25,000 แห่งทั่วโลก การมีรหัสเฉพาะที่เป็นสากลจึงช่วยให้การสื่อสารทางการเงินเป็นไปอย่างมีระเบียบและแม่นยำ
หากคุณให้ข้อมูล SWIFT Code ผิด ไม่ครบ หรือแสดงรหัสที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้เกิดปัญหาหลายประการ ดังนี้:
- การโอนเงินล่าช้า: ธนาคารต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและยืนยันข้อมูล ทำให้เงินเข้าล่าช้าหลายวัน หรือหลายสัปดาห์
- เงินถูกตีกลับ: หากไม่สามารถระบุธนาคารปลายทางได้ เงินอาจถูกส่งกลับไปยังผู้ส่ง เกิดความล่าช้าและอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม: การแก้ไขหรือขอโอนซ้ำอาจมีค่าธรรมเนียมหลายบาท และหากใช้บริการด่วน อาจไวกว่าแต่จ่ายแพงกว่า
- ความเสี่ยงด้านข้อมูลและความปลอดภัย: การป้อนข้อมูลผิด อาจทำให้เงินไปถึงบัญชีที่ไม่ได้ตั้งใจ แม้โอกาสนี้จะต่ำ แต่ก็มีรายงานกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น
ดังนั้น การยืนยัน SWIFT Code ที่ถูกต้องจึงไม่ใช่ขั้นตอนเล็ก ๆ แต่เป็น “การป้องกันความเสี่ยง” ที่จำเป็นทุกครั้งก่อนกดยืนยันการโอน
รวม SWIFT Code ของธนาคารชั้นนำในประเทศไทย และช่องทางการค้นหา
ทุกธนาคารพาณิชย์ใหญ่ในประเทศไทยมี SWIFT Code เป็นของตนเองเพื่อรองรับการทำธุรกรรมข้ามประเทศ คุณไม่จำเป็นต้องเดาหรือคาดเดา แต่สามารถค้นหาได้โดยตรงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ช่องทางที่แนะนำในการค้นหา SWIFT Code:
- เว็บไซต์ทางการของธนาคารแต่ละแห่ง
- แอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์หรือโมบายแบงก์กิ้ง
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรงที่สาขา
- หรือสอบถามผู้รับเงินให้แสดงข้อมูลให้ชัดเจนก่อน
เพื่อความสะดวก เราได้รวบรวมตาราง SWIFT Code ของธนาคารหลักในประเทศไทยไว้ด้านล่างนี้
ชื่อธนาคาร (ภาษาอังกฤษ) | SWIFT Code | ที่อยู่สำนักงานใหญ่ (ตัวอย่าง) |
---|---|---|
Kasikornbank Public Company Limited | KASITHBK | 1 Soi Kasikornthai, Rat Burana Road, Bangkok 10140 |
Krungthai Bank Public Company Limited | KRTHTHBK | 35 Sukhumvit Road, Klongtoey Nua, Wattana, Bangkok 10110 |
Bangkok Bank Public Company Limited | BKKBTHBK | 333 Silom Road, Bangrak, Bangkok 10500 |
Siam Commercial Bank Public Company Limited | SICOTHBK | 9 Ratchadaphisek Road, Chatuchak, Bangkok 10900 |
Bank of Ayudhya Public Company Limited (Krungsri) | AYUDTHBK | 1222 Rama III Road, Bangpongpang, Yannawa, Bangkok 10120 |
TMBThanachart Bank Public Company Limited (ttb) | TMBKTHBK | 3000 Phahon Yothin Road, Chatuchak, Bangkok 10900 |
United Overseas Bank (Thai) Public Company Limited | UOVBTHBK | 191 South Sathorn Road, Yan Nawa, Sathorn, Bangkok 10120 |
Government Savings Bank (GSB) | GSBTTHBK | 470 Phaholyothin Road, Samsen Nai, Phaya Thai, Bangkok 10400 |
CIMB Thai Bank Public Company Limited | CITHTHBK | 44 Langsuan Road, Lumpini, Pathumwan, Bangkok 10330 |
คุณสามารถตรวจสอบ SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทยได้โดยตรงทาง เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารกสิกรไทย เพื่อความมั่นใจว่าข้อมูลล่าสุดและถูกต้อง
กรณีศึกษา: SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทย ใช้แบบไหนได้บ้าง?
สำหรับผู้ใช้งานธนาคารกสิกรไทย SWIFT Code หลักที่ใช้ได้กับการโอนเงินเข้าทุกสาขาทั่วประเทศคือ KASITHBK รหัสนี้ถือเป็นรหัส “ระดับธนาคาร” ไม่ใช่ “ระดับสาขา” ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าผู้รับจะมีบัญชีอยู่ที่สาขาในเชียงใหม่ ขอนแก่น หรือปัตตานี ก็สามารถใช้รหัสนี้ได้
ที่สำคัญ อย่าสับสนระหว่าง SWIFT Code กับ Bank Code 004 ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้เฉพาะในระบบการเงินภายในประเทศไทยเท่านั้น เช่น การโอนผ่านระบบ PromptPay หรือระบบ Automated Clearing House (ACH) หากคุณต้องการรับเงินจากต่างประเทศ จะต้องใช้ SWIFT Code เท่านั้น ไม่สามารถใช้ตัวเลข 004 แทนได้ แม้ชื่อธนาคารจะเหมือนกัน
แล้วธนาคารกสิกรมี SWIFT Code ย่อยตามสาขาหรือไม่?
โดยทั่วไป ธนาคารกสิกรไทยไม่จำเป็นต้องใช้รหัสแยกตามสาขาสำหรับการโอนเงินทั่วไป แต่ในบางกรณีพิเศษ เช่น การทำธุรกรรมกับ **บัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit – FCD)** หรือบริการพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจ อาจมีการระบุข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การโอนไปถึงสำเร็จเร็วขึ้น
แม้ SWIFT Code จะยังใช้ KASITHBK อยู่ แต่การระบุ “ชื่อสาขา” และ “ที่อยู่สาขาที่เปิดบัญชี” อย่างชัดเจน ช่วยให้ธนาคารกลาง (Intermediary Bank) หรือธนาคารปลายทางสามารถส่งเงินไปยังแผนกหรือช่องทางที่ถูกต้องได้โดยไม่ต้องสอบถามซ้ำ
โดยเฉพาะบัญชี FCD ที่มีข้อกำหนดการควบคุมจากธนาคารแห่งประเทศไทย การให้ข้อมูลครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้จาก เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในขั้นตอนธุรกรรม
แผนผังการโอนเงินระหว่างประเทศ: วิธีทำให้เงินไปถึงตัวเร็วและแม่นยำ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ส่งหรือผู้รับ การเตรียมข้อมูลให้ถูกต้องคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ นี่คือแนวทางแบบเป็นขั้นตอนที่ควรรู้
ข้อมูลที่ผู้รับต้องแจ้งและเตรียมให้ผู้ส่ง
- ชื่อ-นามสกุล (เป็นภาษาอังกฤษ): ต้องตรงกับชื่อบัญชีธนาคารโดยไม่มีข้อผิดพลาดเช่นหายไปหรือสะกดผิด
- เลขที่บัญชี: ให้ครบถ้วน ตรวจสอบซ้ำ 2-3 ครั้ง
- ชื่อธนาคาร (ภาษาอังกฤษ): กรอกเต็มตามที่ระบุในระบบ เช่น “Kasikornbank Public Company Limited”
- SWIFT Code: อย่าลืม อย่าคาดเดา หากไม่แน่ใจ ให้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ธนาคารทุกครั้ง
- ที่อยู่ธนาคาร: ส่วนใหญ่ใช้ที่อยู่สำนักงานใหญ่ แต่ถ้าทราบสาขาที่เปิดบัญชี ก็ควรใส่เพื่อบริบุทธ์
ขั้นตอนสำหรับผู้ส่งเงิน
คุณสามารถโอนเงินข้ามประเทศได้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก:
- ผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร: เข้าแอปหรือเว็บไซต์ธนาคาร เลือก “การโอนเงินต่างประเทศ” กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน โดยเฉพาะในขั้นตอนยืนยัน อาจต้องอัปโหลดเอกสารเพิ่มเติมในบางกรณี
- ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร: เตรียมเอกสารแสดงตัว พร้อมรายละเอียดครบถ้วนของผู้รับ พนักงานจะช่วยตรวจสอบข้อมูลให้
ค่าธรรมเนียมและระยะเวลาการโอน:
สำหรับธนาคารกสิกรไทย ค่าธรรมเนียมการรับเงินจากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 0.25% ของจำนวนเงิน (ขั้นต่ำ 200 บาท สูงสุด 500 บาท) ส่วนระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 วันทำการ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเทศต้นทาง ธนาคารตัวกลาง และระบบการชำระเงินของแต่ละภูมิภาค
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย และวิธีรับมือ
แม้ระบบจะมีความปลอดภัย แต่มนุษย์ก็อาจผิดพลาด ต่อไปนี้คือจุดที่คนส่วนใหญ่มักพลาด:
- ใช้ SWIFT Code ผิด: เกิดจากการเดา หรือคัดลอกจากเว็บไซต์ที่ไม่ได้อัปเดต ทำให้เงินติดขัดหรือกลับมา หากเกิดเหตุการณ์นี้ รีบติดต่อธนาคารต้นทางเพื่อขอยกเลิกหรือแก้ไขเกือบทันที
- ชื่อผู้รับไม่ตรงกับเลขที่บัญชี: เจ้าหน้าที่ธนาคารต่างประเทศจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด หากไม่ตรงกัน ระบบอาจล็อคธุรกรรมได้ทันที
- ไม่ระบุที่อยู่ธนาคารของผู้รับ: แม้ระบบจะใช้ SWIFT Code เป็นหลัก แต่บางธนาคารต่างประเทศยังต้องการ “ที่อยู่” ประกอบ หากไม่มี จะต้องสอบถามกลับ ทำให้ล่าช้า
- ลืมติดตามสถานะการโอน: หลังทำการโอน ขอ “หมายเลขอ้างอิง (SWIFT Reference หรือ MT103)” เก็บไว้ เพื่อใช้ตรวจสอบกับธนาคารได้เมื่อรับเงินไม่ทันเวลา
คำแนะนำสุดท้าย: ก่อนกดยืนยัน ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างซ้ำอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และที่ดีที่สุด คือให้ผู้รับอีเมลยืนยันข้อมูลทางการเงินให้คุณ
ทางเลือกอื่นนอกเหนือจาก SWIFT: วิธีโอนเงินเร็ว ประหยัด และสะดวก
แม้ SWIFT จะยังคงเป็นมาตรฐานหลัก แต่ในยุคดิจิทัล ทางเลือกใหม่ ๆ ก็ดึงดูดความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องค่าธรรมเนียมที่ชัดเจนกว่าและเวลาที่เร็วกว่า
- Western Union: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการส่งเงินให้คนรับโดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร หรือต้องการรับเงินเป็นเงินสดทันที
- แพลตฟอร์มโอนเงินออนไลน์ (เช่น Wise / PayPal): ให้ค่าบริการที่โปร่งใส อัตราแลกเปลี่ยนใกล้เคียงตลาดจริง และในบางเส้นทาง อาจส่งเงินได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
มาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง SWIFT กับทางเลือกอื่นเพื่อช่วยตัดสินใจ:
คุณสมบัติ | SWIFT Transfer | บริการโอนเงินออนไลน์/Western Union |
---|---|---|
ความเร็ว | 3-5 วันทำการ | ทันที – 1-2 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับบริการ) |
ค่าธรรมเนียม | อาจสูง มีค่าธรรมเนียมจากธนาคารตัวกลางหลายขั้น | ค่อนข้างต่ำและโปร่งใสกว่า |
ความสะดวก | ต้องมีข้อมูลธนาคารครบ อาจต้องไปสาขาในบางกรณี | ดำเนินการผ่านมือถือและอินเทอร์เน็ต ง่ายต่อผู้ใช้ทั่วไป |
เหมาะสำหรับ | การโอนขนาดใหญ่ หรือธุรกรรมทางธุรกิจ | การโอนเล็กถึงปานกลาง หรือใช้ในชีวิตประจำวัน |
หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อดูแนวโน้มและทางเลือกทางการเงินข้ามประเทศที่เหมาะสม
การมีความรู้เกี่ยวกับ SWIFT Code และรูปแบบการโอนเงินทั่วโลก ไม่ได้ทำให้คุณโอนเงินได้สำเร็จเพียงเท่านั้น แต่ยังให้ความมั่นใจ ความปลอดภัย และความโปร่งใสในทุกธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกหรือครั้งที่ร้อย การเตรียมตัวและตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นผู้ใช้บริการทางการเงินอย่างชาญฉลาด
SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทยคืออะไร และใช้ได้กับทุกสาขาหรือไม่?
SWIFT Code หลักของธนาคารกสิกรไทยคือ KASITHBK ซึ่งสามารถใช้ได้สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศเข้าสู่บัญชีของธนาคารกสิกรไทยได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
SWIFT Code กับ Bank Code 004 ของธนาคารกสิกรไทยแตกต่างกันอย่างไร?
SWIFT Code (KASITHBK) ใช้สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น ในขณะที่ Bank Code 004 เป็นรหัสภายในประเทศที่ใช้สำหรับธุรกรรมภายในประเทศไทย ไม่สามารถใช้ในการโอนเงินข้ามประเทศได้
จำเป็นต้องใช้ที่อยู่ธนาคารของสาขาปลายทางในการโอนเงินระหว่างประเทศหรือไม่?
แม้ว่า SWIFT Code จะระบุธนาคารได้แล้ว แต่การระบุที่อยู่ของสำนักงานใหญ่หรือสาขาที่เปิดบัญชีผู้รับอย่างครบถ้วนจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดโอกาสเกิดความผิดพลาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD)
หากใส่ SWIFT Code ผิดพลาด เงินที่โอนไปต่างประเทศจะเกิดอะไรขึ้น?
หากใส่ SWIFT Code ผิดพลาด เงินอาจล่าช้า ไม่สามารถโอนไปได้ หรือถูกตีกลับ และอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเกิดขึ้น คุณควรรีบติดต่อธนาคารต้นทางทันทีเพื่อแจ้งแก้ไขข้อมูล
ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการโอนหรือรับเงินจากต่างประเทศผ่านระบบ SWIFT?
โดยทั่วไป การโอนหรือรับเงินผ่านระบบ SWIFT จะใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง ธนาคารตัวกลาง และประเทศปลายทาง
มีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ในการรับเงินโอนจากต่างประเทศเข้าบัญชีกสิกรไทย?
สำหรับธนาคารกสิกรไทย ค่าธรรมเนียมในการรับเงินโอนจากต่างประเทศมักอยู่ที่ประมาณ 0.25% ของจำนวนเงินที่รับ โดยมีขั้นต่ำ 200 บาท และสูงสุดไม่เกิน 500 บาท
สามารถค้นหา SWIFT Code ของธนาคารอื่นๆ ในประเทศไทยได้จากที่ไหนบ้าง?
คุณสามารถค้นหา SWIFT Code ของธนาคารอื่นๆ ในประเทศไทยได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารนั้นๆ, บริการธนาคารออนไลน์/โมบายล์แอป หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง
นอกจากการใช้ SWIFT Code แล้ว มีวิธีอื่นใดในการโอนเงินไปต่างประเทศที่แนะนำบ้าง?
นอกจากระบบ SWIFT แล้ว ยังมีบริการโอนเงินระหว่างประเทศอื่นๆ เช่น Western Union สำหรับการโอนเงินสด หรือแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Wise (TransferWise) ที่มักเสนอค่าธรรมเนียมที่โปร่งใสและอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าในบางกรณี
SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทย KASITHBK กับ KASITHBKXXX ต่างกันหรือไม่?
โดยพื้นฐานแล้ว KASITHBK คือ SWIFT Code หลักของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งครอบคลุมสำนักงานใหญ่และทุกสาขา ส่วน KASITHBKXXX โดยที่ XXX คือรหัสสาขา มักจะใช้สำหรับระบุสาขาเฉพาะ ซึ่งในทางปฏิบัติ KASITHBK เพียงพอสำหรับการทำธุรกรรมส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม การระบุที่อยู่สาขาเพิ่มเติมอาจช่วยเพิ่มความแม่นยำในบางกรณี
ควรตรวจสอบความถูกต้องของ SWIFT Code อย่างไรก่อนทำธุรกรรม?
คุณควรตรวจสอบ SWIFT Code กับผู้รับโดยตรง และ/หรือ ตรวจสอบกับเว็บไซต์ทางการของธนาคารผู้รับ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุดก่อนการทำธุรกรรม