ค่า Swap ใน Forex คืออะไร? คู่มือครบวงจรสำหรับเทรดเดอร์

ค่า Swap ใน Forex คืออะไร? คู่มือครบวงจรสำหรับเทรดเดอร์

ภาพตลาด Forex ในยามค่ำคืน สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาและค่า Swap ข้ามคืน

ในโลกของการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศหรือตลาด Forex ที่เต็มไปด้วยทั้งโอกาสและความเสี่ยง มีหนึ่งปัจจัยซึ่งถูกมองข้ามบ่อยครั้ง แต่กลับมีผลอย่างมากต่อผลกำไรขาดทุนของผู้เทรดโดยเฉพาะผู้ที่ถือออเดอร์ข้ามคืน นั่นก็คือ “ค่า Swap” หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ดอกเบี้ยข้ามคืน” (Overnight Interest) แม้ว่าจำนวนของค่าธรรมเนียมนี้ต่อวันอาจดูไม่มาก แต่เมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในสภาวะที่ต้องจ่ายค่า Swap เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ต้นทุนนี้สามารถบั่นทอนกำไร หรือแม้แต่เปลี่ยนการเทรดที่ควรจะได้กำไรให้กลายเป็นขาดทุนได้

บทความนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นคู่มือที่ครอบคลุมและละเอียดสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ โดยจะพาคุณเข้าใจลึกถึงความหมายของค่า Swap กลไกการคำนวณ ปัจจัยที่มีอิทธิพล ตลอดจนกลยุทธ์ในการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด รวมถึงคำตอบของคำถามที่พบบ่อยจากเทรดเดอร์จำนวนมาก หากคุณกำลังมองหาช่องทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดอย่างแท้จริง การทำความเข้าใจเรื่องนี้คือก้าวแรกที่ไม่ควรมองข้าม

ค่า Swap คืออะไร? พื้นฐานที่ทุกเทรดเดอร์ต้องรู้

ค่า Swap คือ ค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทนที่เกิดขึ้นเมื่อคุณถือคำสั่งซื้อขายสกุลเงิน (Position) ข้ามเวลาปิดตลาดรายวันของตลาด Forex โดยทั่วไป เวลาดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 05:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่คุณใช้งานอยู่

เมื่อถึงเวลานั้น ตำแหน่งทั้งหมดที่ยังเปิดอยู่จะถูก “รูโลเวอร์” (Rolled Over) ไปยังวันถัดไป ซึ่งในกระบวนการนี้ จะมีการคิดหรือจ่ายดอกเบี้ยข้ามคืน ขึ้นอยู่กับทิศทางการเทรดและสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง กลไกนี้มีพื้นฐานมาจากการที่ตลาด Forex เป็นตลาดที่แลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD หรือ GBP/JPY การซื้อขายหนึ่งรายการจึงหมายถึงการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับการขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ ทุกประเทศก็มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กำหนดโดยธนาคารกลางของตนเอง ซึ่งแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อ AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) และขาย JPY (เยนญี่ปุ่น) คุณก็เปรียบเสมือนกำลังกู้ยืมเยนในอัตราดอกเบี้ยต่ำและนำเงินนั้นไปลงทุนในดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า ทำให้เกิดส่วนต่างในรายได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เกิด “ค่า Swap” ขึ้น

ค่า Swap ไม่จำเป็นต้องเป็นต้นทุนเสมอไป กลับกัน มันอาจกลายเป็นรายได้เสริม หากคุณเลือกคู่เงินและทิศทางการเทรดอย่างเหมาะสม เมื่อได้รับค่า Swap เป็นลบ คุณจะเสียเงินออกจากพอร์ต แต่หากได้ค่า Swap เป็นบวก คุณจะมีเงินเพิ่มเข้ามาทุกวันที่คุณถือออเดอร์ไว้

Swap ในตลาดการเงิน ต่างจากค่า Swap ในการเทรด Forex อย่างไร?

คำว่า “Swap” ในวงการการเงินมีบริบทใช้งานที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะในตลาด Forex เท่านั้น ตัวอย่างเช่น:

– **Interest Rate Swap:** การแลกเปลี่ยนการจ่ายดอกเบี้ยระหว่างอัตราคงที่กับอัตราลอยตัว ซึ่งนิยมใช้ในหมู่สถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
– **Currency Swap:** การแลกเปลี่ยนเงินต้นและดอกเบี้ยในสกุลเงินที่ต่างกัน โดยมักใช้เพื่อการจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน หรือเข้าถึงสกุลเงินเฉพาะในระดับองค์กร

อย่างไรก็ตามสำหรับเทรดเดอร์รายย่อยในตลาด Forex คำว่า “ค่า Swap” มักจะหมายถึงเฉพาะ **ดอกเบี้ยข้ามคืน** ที่เกิดจากการถือสถานะเปิดข้ามวัน ซึ่งเป็นผลจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสองประเทศที่เกี่ยวข้อง ความเข้าใจในความแตกต่างนี้ช่วยป้องกันความสับสน และทำให้คุณโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญต่อการเทรดของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของกลยุทธ์ระยะยาวและการบริหารพอร์ต

การทำงานของค่า Swap: ความแตกต่างระหว่าง Swap บวกกับลบ

หลักการสำคัญของค่า Swap อยู่ที่ “ความต่างของอัตราดอกเบี้ย” ระหว่างสกุลเงินคู่ ซึ่งจะถูกสะท้อนออกมาเป็นผลกำไรหรือค่าใช้จ่ายให้กับผู้เทรด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เปิด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

ภาพประกอบกลไกการเกิดค่า Swap แบบบวกและลบในตลาด Forex

– **Swap เป็นบวก (Positive Swap):** เกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดสถานะ **ซื้อ (Long)** คู่สกุลเงินที่สกุลเงินตัวตั้ง (Base Currency) มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินตัวหาร (Quote Currency) ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณ Long คู่ AUD/JPY โดยที่ออสเตรเลียมีอัตราดอกเบี้ย 3.85% และญี่ปุ่นอยู่ที่ 0% คุณจะได้รับผลต่างอัตราดอกเบี้ยนี้เข้าบัญชีเป็นรายวัน ทำให้ค่า Swap เป็นรายได้เสริมที่สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งถือสถานะนานก็ยิ่งได้มาก
– **Swap เป็นลบ (Negative Swap):** ตรงกันข้าม เมื่อคุณ Long คู่เงินที่สกุลเงินตัวตั้งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น USD/JPY หรือ EUR/CHF ในกรณีที่คุณขายสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง (Short High-Yield Currency) คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยส่วนต่างให้กับโบรกเกอร์ ซึ่งหมายถึงการสูญเสียเงินในทุกคืนที่ถือออเดอร์

นอกจากนี้ ค่า Swap ยังถูกแยกตามทิศทางการเทรดด้วย:

– **Swap Long:** ค่า Swap สำหรับตำแหน่งซื้อ
– **Swap Short:** ค่า Swap สำหรับตำแหน่งขาย

ทั้งสองค่านี้มักจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Swap Short มักจะถูกคิดในอัตราที่สูงกว่า เนื่องจากโบรกเกอร์อาจบวกค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือใช้อัตราอ้างอิงที่ต่างกัน ดังนั้น การตรวจสอบ “ตาราง Swap” ของโบรกเกอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นก่อนตัดสินใจเปิดตำแหน่ง

ปัจจัยอะไรบ้างที่มีอิทธิพลต่ออัตราค่า Swap?

ค่า Swap ไม่ใช่ตัวเลขคงที่ แต่ขยับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เชื่อมโยงกับนโยบายเศรษฐกิจโลกและโครงสร้างของตลาด Forex โดยปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่:

– **อัตราดอกเบี้ยธนาคารกลาง (Central Bank Interest Rates):** นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุด ซึ่งกำหนดทิศทางของ Swap ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เลือกคงอัตราเดิม ค่า Swap ของคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐฯ เช่น EUR/USD จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย นโยบายการเงินของธนาคารกลาง จึงต้องได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิด ยิ่งมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมาก ค่า Swap ก็ยิ่งสูง ไม่ว่าจะทั้งบวกหรือลบ
– **คู่สกุลเงิน (Currency Pair):** คู่เงินแต่ละคู่มีโครงสร้าง Swap ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น คู่เงิน AUD/JPY, NZD/JPY หรือ MXN/JPY มักมี Swap บวกสูงเนื่องจากสกุลเงินของประเทศเกิดใหม่และออสตราลีเนียมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเยนที่อยู่ในภาวะดอกเบี้ยต่ำมาหลายทศวรรษ ขณะที่คู่เงินเช่น EUR/CHF หรือ JPY/CHF มักให้ Swap ลบ
– **ขนาดของตำแหน่ง (Position Size):** ยิ่งคุณเปิดตำแหน่งด้วยล็อตที่ใหญ่เท่าใด ค่า Swap ก็จะยิ่งมากขึ้นตามสัดส่วน เช่น หากคุณเปิด 1 ล็อตได้รับ +2.50 USD ต่อคืน การเปิด 5 ล็อตจะได้รับ +12.50 USD ต่อคืน
– **นโยบายของโบรกเกอร์:** โบรกเกอร์แต่ละรายมีแนวทางการคำนวณ Swap ที่อาจเพิ่มส่วนต่างเพื่อผลกำไร หรือเสนอ Swap ฟรีสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท การเปรียบเทียบระหว่างโบรกเกอร์จึงสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ระยะยาว
– **สภาพคล่องของตลาด (Liquidity):** คู่เงินที่มีสภาพคล่องต่ำ เช่น สกุลเงินใหม่ (Exotic Pairs) มักจะมีค่า Swap ที่สูงกว่าหรือแปรปรวนมากกว่า เพราะความเสี่ยงในการถือสกุลเงินเหล่านี้สูงกว่าสำหรับโบรกเกอร์

คำนวณค่า Swap อย่างไร? สูตรพื้นฐานพร้อมตัวอย่างจริง

การเข้าใจวิธีการคำนวณค่า Swap จะช่วยให้คุณประเมินต้นทุนและวางแผนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยโบรกเกอร์จะกำหนด Swap ไว้ในหน่วยเป็น “Dollar” หรือ “Pip” ต่อล็อตต่อวัน ซึ่งสามารถใช้สูตรนี้:

**สูตรคำนวณค่า Swap:**
`Swap (USD) = ขนาดล็อต × อัตรา Swap ต่อล็อตต่อวัน × จำนวนคืน`

**ตัวอย่างที่ 1: ค่า Swap ลบ**
สมมติว่าคุณเปิด Long EUR/USD จำนวน 1 Standard Lot (100,000 หน่วย) ที่มีอัตรา Swap Long = -0.78 USD/lot/day และคุณถือไว้ 3 คืน:

`= 1 × (-0.78) × 3 = -2.34 USD`

คุณจะจ่ายเงิน 2.34 USD ให้กับโบรกเกอร์เนื่องจากค่า Swap เป็นลบ

**ตัวอย่างที่ 2: ค่า Swap บวก**
คุณเปิด Long AUD/JPY ขนาด 2 ล็อต โดย Swap Long = +3.20 USD/lot/day และถือไว้ 5 คืน:

`= 2 × 3.20 × 5 = 32.00 USD`

คุณจะได้รับเงินเข้าบัญชี 32.00 USD ในช่วง 5 วันจากการถือสถานะเดียว

การติดตามค่า Swap อย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณประเมินได้ว่ากลยุทธ์ระยะยาวของคุณมีประสิทธิภาพในด้านต้นทุนจริงหรือไม่

ทำไมค่า Swap วันพุธจึงคิดเป็น 3 เท่า (Triple Swap Wednesday)?

หนึ่งในคำถามยอดนิยมคือ “ทำไมค่า Swap ในวันพุธถึงแพงกว่าวันอื่น?” คำตอบอยู่ที่กลไกการทำงานของตลาดที่เรียกว่า **T+2 Settlement (Trade Date + 2 Business Days)** ซึ่งหมายถึงวันที่มีการชำระราคาสำหรับการซื้อขายจริงจะเกิดขึ้นในวันถัดไป 2 วันทำการ

เมื่อถึงวันพุธ ตำแหน่งใดก็ตามที่เปิดไว้จะถูกเลื่อนไปชำระในวันศุกร์ แต่ตลาด Forex ปิดในวันเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้น เพื่อชดเชยดอกเบี้ยในวันหยุด 3 วัน (พฤหัสบดี ศุกร์ จันทร์) โบรกเกอร์จึงคิดค่า Swap 3 เท่าในคืนวันพุธ

– วันจันทร์ → ชดเชย 1 วัน (พุธ)
– วันอังคาร → ชดเชย 1 วัน (พฤหัสบดี)
– วันพุธ → ชดเชย 3 วัน (พฤหัส ศุกร์ จันทร์) → ดังนั้นคิด 3 เท่า
– วันพฤหัส → ชดเชย 1 วัน (จันทร์)
– วันศุกร์ → ชดเชย 1 วัน (อังคาร)

ดังนั้น หากคุณไม่ต้องการถูกเรียกเก็บค่า Swap 3 เท่า คุณสามารถเลือกปิดออเดอร์ก่อน 05:00 น. ของวันพุธ แล้วเปิดใหม่ในคืนนั้น

เช็คค่า Swap ได้จากที่ไหน? วิธีตรวจสอบใน MetaTrader และเว็บไซต์โบรกเกอร์

การตรวจสอบค่า Swap เป็นเรื่องง่าย สามารถทำได้จาก 2 ช่องทางหลัก:

1. **ผ่าน MetaTrader 4 หรือ MetaTrader 5**
– เปิดแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5
– คลิกขวาที่คู่เงินในหน้า “Market Watch” (อาจเปิดโดยกด Ctrl+M)
– เลือก “Specification” หรือ “ข้อมูลจำเพาะ”
– ค้นหาข้อมูล “Swap Long” และ “Swap Short” ซึ่งจะระบุเป็นหน่วย เช่น USD, Pip หรือ % ต่อล็อตต่อวัน

2. **ผ่านเว็บไซต์ของโบรกเกอร์**
โบรกเกอร์ทุกรายจะมีหน้า “Trading Conditions”, “Fees” หรือ “Swap Rates” ที่แสดงรายการค่า Swap ของทุกสินทรัพย์อย่างชัดเจน รวมถึงคู่สกุลเงิน ทองคำ น้ำมัน และดัชนีต่าง ๆ การตรวจสอบจากเว็บไซต์โดยตรงจะได้ข้อมูลที่ใหม่และถูกต้องที่สุด

กลยุทธ์จัดการค่า Swap อย่างชาญฉลาด

การบริหารจัดการค่า Swap ไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยง แต่คือโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนหรือลดต้นทุน ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่นักเทรดมืออาชีพใช้:

– **Carry Trade (กลยุทธ์รับดอกเบี้ย):** เป็นหนึ่งในเทคนิคที่เก่าแก่แต่ทรงพลัง โดยเน้นการ Long คู่เงินที่สกุลเงินตัวตั้งมีดอกเบี้ยสูง และ Short สกุลเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ เช่น Long AUD/JPY หรือ NZD/JPY เพื่อรับ Swap บวกทุกวัน ยิ่งถือยาวก็ยิ่งได้มาก อย่างไรก็ตาม ต้องระวังความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะหากค่าเงิน AUD หรือ NZD อ่อนตัวแรง กำไรจาก Swap อาจไม่เพียงพอต่อการชดเชยขาดทุนจากตำแหน่ง จึงควรใช้ Stop-Loss และวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวควบคู่ไปด้วย

– **ใช้บัญชี Swap-Free (Islamic Account):** หากคุณเป็นนักลงทุนที่ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับหรือจ่ายดอกเบี้ย (ตามหลักศาสนาอิสลาม) หรือต้องการหลีกเลี่ยงต้นทุน Swap อย่างเด็ดขาด คุณสามารถเปิดบัญชี Swap-Free ได้ บัญชีประเภทนี้จะไม่มีการคิด Swap ใด ๆ ทุกคืน แต่อาจมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม หรือค่าธรรมเนียมรายวันหลังจากถือสถานะเกิน 10-14 วัน ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียดของแต่ละโบรกเกอร์ให้ดี

– **เน้นการเทรดระยะสั้น (Day Trade หรือ Scalping):** หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เปิดปิดออเดอร์ภายในวันเดียว คุณจะไม่ถูกคิดค่า Swap ใด ๆ เพราะไม่มีการถือข้ามคืน กลยุทธ์นี้จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากพึ่งพาหรือกังวลเรื่องดอกเบี้ย หรือต้องการลดความยุ่งยากในการคำนวณ

– **เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม:** โบรกเกอร์มีบทบาทมากในการกำหนดค่า Swap บางรายเสนอ Swap บวกสูงสำหรับคู่เงินที่ได้รับความนิยม ขณะที่บางรายอาจมี Swap ลบหนัก หรือเสนอ Swap-Free เพียงบางสินทรัพย์ ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ควรรวมเรื่อง Swap เข้าไปในการตัดสินใจด้วย โดยเฉพาะหากคุณเป็นเทรดเดอร์ระยะยาว

ข้อดีและข้อควรระวังของการใช้ค่า Swap

ข้อดีของการเข้าใจค่า Swap

– **สร้างรายได้เสริม (จาก Positive Swap):** หากคุณเลือกคู่เงินที่เหมาะสม และเปิดตำแหน่งในทิศทางถูกต้อง ค่า Swap สามารถกลายเป็น “เครื่องผลิตเงินแบบพาสซีฟ” ที่เติมเต็มพอร์ตของคุณในทุกคืน
– **เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาว:** สำหรับใครที่เน้นการถือสถานะเป็นเดือน ค่า Swap จะมีน้ำหนักทางต้นทุนและผลตอบแทนไม่ต่างจากกำไรที่ได้จากราคา เพียงแต่ต่อเนื่องและคาดการณ์ได้มากกว่า
– **ช่วยตัดสินใจเลือกคู่เงิน:** ในช่วงที่ตลาดผันผวน การเลือกคู่เงินที่มี Swap บวกสูง อาจช่วยลดแรงกดดันการเทรดและเพิ่มแรงจูงใจในการถือ

ข้อควรระวัง

– **เพิ่มต้นทุนโดยไม่รู้ตัว (จาก Negative Swap):** นี่คือภัยเงียบที่อันตราย โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Short ในคู่เงินที่มีดอกเบี้ยต่ำ (เช่น Short AUD หรือ NZD) จะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน แม้ไม่เคลื่อนไหวราคา
– **อัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนได้:** นโยบายของธนาคารกลางไม่ตายตัว ตัวอย่างเช่น หากญี่ปุ่นขึ้นดอกเบี้ย หลังจากผูกติดกับอัตราต่ำมานาน จะทำให้ Swap ของคู่เงิน JPY ทุกคู่เปลี่ยนแปลงทันที ทั้งในแง่บวกและลบ
– **โบรกเกอร์มีนโยบายต่างกัน:** การเปรียบเทียบไม่ควรจบเพียงแค่สเปรดหรือเลเวอเรจ ควรตรวจสอบ Swap ด้วย เพราะบางโบรกเกอร์อาจใช้ระบบ “Fixed Swap” หรือคิดค่าคอมชดเชยในบัญชี Swap-Free อย่างซ่อนเร้น

สรุป: ใช้ค่า Swap เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ภาระ

ค่า Swap อาจดูเป็นเรื่องย่อย แต่ในความเป็นจริง มันคือส่วนสำคัญที่สะท้อนความเข้าใจในธรรมชาติของตลาด Forex การเข้าใจว่า Swap มาจากไหน คำนวณอย่างไร และมีผลต่อคุณอย่างไร คือพื้นฐานที่ทำให้คุณสามารถควบคุมต้นทุนและเพิ่มโอกาสทำกำไรได้อย่างยั่งยืน

ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์วัน นักเทรดสเกลป์ หรือผู้ที่ถือออเดอร์เป็นเดือน การตั้งคำถามง่าย ๆ เช่น “ฉันกำลังได้หรือจ่ายค่า Swap อยู่?” หรือ “คู่เงินที่ฉันเลือกมี Swap ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์หรือไม่?” สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการเทรดได้โดยสิ้นเชิง

อย่าปล่อยให้ค่า Swap เป็นตัวแปรที่ไม่ได้รับการควบคุม ในขณะที่คุณบริหารจัดการความเสี่ยงทุกแง่มุม กลับมองข้ามต้นทุนรายวันที่สะสมได้ การศึกษา ตรวจสอบ และวางแผนล่วงหน้ากับเรื่องนี้ จะเป็นก้าวสำคัญหนึ่งในการเติบโตเป็นเทรดเดอร์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และอยู่รอดในตลาดที่ท้าทายนี้ได้อย่างยาวนาน

Q: ค่า Swap คืออะไร?

A: ค่า Swap ใน Forex คืออัตราดอกเบี้ยที่ถูกคิดหรือได้รับเมื่อเทรดเดอร์ถือสถานะการซื้อขายข้ามคืน ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสองสกุลเงินในคู่เทรดนั้น ๆ

Q: ค่า Swap เป็นบวก หมายความว่าอย่างไร?

A: ค่า Swap เป็นบวกหมายความว่า คุณจะได้รับดอกเบี้ยเพิ่มเข้ามาในบัญชีของคุณทุกคืนที่ถือสถานะไว้ มักเกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า

Q: ค่า Swap เป็นลบ หมายความว่าอย่างไร?

A: ค่า Swap เป็นลบหมายความว่า คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยออกจากบัญชีของคุณทุกคืนที่ถือสถานะไว้ มักเกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า

Q: ทำไมโบรกเกอร์ถึงคิดค่า Swap?

A: โบรกเกอร์คิดค่า Swap เนื่องจาก Forex เป็นการซื้อขายคู่สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน การถือสถานะข้ามคืนจึงเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมและให้ยืมสกุลเงิน ทำให้เกิดส่วนต่างดอกเบี้ยที่โบรกเกอร์ต้องจัดการและส่งต่อให้กับลูกค้า

Q: วันพุธทำไมค่า Swap ถึงถูกคิดเป็น 3 เท่า?

A: ค่า Swap จะถูกคิดเป็น 3 เท่าในคืนวันพุธเพื่อชดเชยค่า Swap ของวันหยุดสุดสัปดาห์ (วันเสาร์และอาทิตย์) เนื่องจากตลาด Forex มีการชำระราคาแบบ T+2 ทำให้สถานะที่เปิดในวันพุธจะไปชำระในวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป

Q: ค่า Swap มีผลกับการเทรดทองคำหรือไม่?

A: มีผล ค่า Swap ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คู่สกุลเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำ (XAU/USD) และเงิน (XAG/USD) ซึ่งค่า Swap จะขึ้นอยู่กับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่เกี่ยวข้อง (เช่น USD) และค่าธรรมเนียมการเก็บรักษาที่โบรกเกอร์กำหนด

Q: เราสามารถหลีกเลี่ยงค่า Swap ได้อย่างไร?

  • **การเทรดระยะสั้น (Day Trading/Scalping):** ปิดสถานะภายในวันเดียว ไม่ถือข้ามคืน
  • **บัญชี Swap-Free (Islamic Account):** เลือกใช้บัญชีที่ไม่มีการคิดค่า Swap แต่โปรดตรวจสอบเงื่อนไขอื่น ๆ ของโบรกเกอร์

Q: บัญชี Swap-Free คืออะไร?

A: บัญชี Swap-Free คือบัญชีซื้อขายที่ไม่มีการคิดหรือได้รับดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap) มักถูกเรียกว่าบัญชีอิสลาม เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการศาสนาที่ห้ามการคิดดอกเบี้ย

Q: กลยุทธ์ Carry Trade คืออะไร และเกี่ยวข้องกับค่า Swap อย่างไร?

A: กลยุทธ์ Carry Trade คือการเทรดที่มุ่งเน้นทำกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย โดยการซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อรับค่า Swap เป็นบวกในแต่ละคืนที่ถือสถานะไว้

Q: จะดูค่า Swap ของคู่เงินต่างๆ ได้จากที่ไหน?

A: คุณสามารถดูค่า Swap ได้จากแพลตฟอร์ม MetaTrader (MT4/MT5) โดยคลิกขวาที่คู่เงินใน “Market Watch” แล้วเลือก “Specification” หรือ “Properties” นอกจากนี้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะมีตารางค่า Swap แสดงบนเว็บไซต์ของตนเอง

Q: ค่า Swap Exness คิดยังไง และต่างจากโบรกเกอร์อื่นอย่างไร?

A: การคำนวณค่า Swap ของ Exness จะคล้ายกับโบรกเกอร์อื่น ๆ คืออิงจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและขนาดล็อต แต่ Exness มี นโยบาย Swap Free ในบัญชีบางประเภท และสำหรับสินทรัพย์บางรายการ ซึ่งอาจแตกต่างจากโบรกเกอร์อื่นที่อาจจำกัดหรือไม่เสนอ Swap Free เลย หรือมีค่าธรรมเนียมชดเชยที่แตกต่างกันไป ควรตรวจสอบรายละเอียดล่าสุดบนเว็บไซต์ Exness

Q: ค่า Swap เป็นบวกเสมอไปหรือไม่ และมีวิธีหาคู่เงินที่มี Swap Positive สูงๆ ได้อย่างไร?

A: ไม่เสมอไป ค่า Swap สามารถเป็นบวกหรือลบก็ได้ ขึ้นอยู่กับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและทิศทางการเทรด ในการหาคู่เงินที่มี Swap Positive สูงๆ คุณสามารถตรวจสอบจากตาราง Swap ของโบรกเกอร์ หรือใช้เครื่องมือ “Swap Calculator” ออนไลน์ โดยมองหาคู่เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่คุณซื้อ (Base Currency สำหรับ Long) สูงกว่าสกุลเงินที่คุณขาย (Quote Currency)

Q: ค่า Swap ทองคำ (Gold Swap) ทำไมถึงแตกต่างจากคู่สกุลเงินทั่วไป?

A: ค่า Swap สำหรับทองคำ (เช่น XAU/USD) มักจะแตกต่างจากคู่สกุลเงินทั่วไป เนื่องจากทองคำถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ใช่สกุลเงินหลักที่อิงอัตราดอกเบี้ยโดยตรง ค่า Swap ทองคำอาจสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการถือครองทองคำจริง (Cost of Carry) รวมถึงอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินอ้างอิง (เช่น USD) และค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการจากโบรกเกอร์

Q: ค่า Swap XM คืออะไร และมีผลกับการเทรดอย่างไรบ้าง?

A: ค่า Swap ของ XM ก็คืออัตราดอกเบี้ยข้ามคืนที่คิดตามนโยบายของ XM สำหรับสถานะที่เปิดข้ามวัน มีผลโดยตรงต่อต้นทุนหรือรายได้ของเทรดเดอร์ที่ถือสถานะยาว อย่างไรก็ตาม XM มี บัญชี Ultra Low ที่เป็น Swap Free สำหรับคู่เงินและโลหะมีค่าบางรายการ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงค่า Swap ได้

Q: หากเทรดระยะสั้น (Day Trade) ยังต้องกังวลเรื่องค่า Swap ไหม?

A: หากคุณเทรดแบบ Day Trade หรือ Scalping ซึ่งหมายถึงการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องค่า Swap เนื่องจากคุณไม่ได้ถือสถานะข้ามคืน ค่า Swap จะถูกคิดหรือได้รับก็ต่อเมื่อมีการถือสถานะข้ามเวลาสิ้นสุดวันทำการของตลาด