หุ้น SpaceX: นักลงทุนไทยจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของยักษ์ใหญ่ด้านอวกาศมูลค่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2025 ได้อย่างไร?

ยุคแห่งการปฏิวัติอวกาศได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มตัว และ SpaceX บริษัทเทคโนโลยีอวกาศภายใต้การนำของ อีลอน มัสก์ ได้กลายเป็นแรงผลักดันหลักที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของการเดินทางข้ามฟากสมุทรและเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานและนวัตกรรมที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่เคยเป็นไปได้ SpaceX จึงไม่ใช่เพียงแค่บริษัทจรวดธรรมดา แต่เป็นแรงผลักดันที่อาจกำหนดอนาคตของมนุษยชาติเองก็ว่าได้
ในปี 2025 มูลค่าของ SpaceX ถูกประเมินว่าพุ่งสูงถึง 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ค่านี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขสวย ๆ แต่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการลดต้นทุนการเข้าถึงอวกาศ การพัฒนาเทคโนโลยีทำซ้ำได้ และการสร้างระบบนิเวศใหม่ในอุตสาหกรรมอวกาศอย่างต่อเนื่อง กระนั้น สำหรับนักลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย การจะลงทุนในหุ้นของ SpaceX โดยตรงยังคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของบริษัท โอกาสในการเข้าสู่ตลาด (IPO) และรูปแบบการลงทุนทางอ้อมที่นักลงทุนไทยสามารถใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตครั้งยิ่งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังขับเคลื่อนมนุษย์สู่ดวงดาว
ธุรกิจหลักและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ SpaceX
ไม่มีคำว่า “ไม่สามารถ” ในพจนานุกรมของ SpaceX ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2002 บริษัทแห่งนี้ก็ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์เพียงอย่างเดียว: ทำให้มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ข้ามหลายดาวเคราะห์ การบรรลุเป้าหมายนี้ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ท้าทายขนบธรรมเนียมเดิม ๆ ของอุตสาหกรรม และนี่คือตัวอย่างความสำเร็จที่วางรากฐานให้กับความยิ่งใหญ่ของ SpaceX
เทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้: Falcon 9 และ Falcon Heavy
ก่อน SpaceX เข้ามา จรวดทุกลำที่ถูกปล่อยขึ้นไปในอวกาศถูกทิ้งและใช้เพียงครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วทำให้การเดินทางสู่อวกาศกลายเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่ SpaceX ได้พลิกโฉมสิ่งนี้ด้วยการพัฒนาจรวด Falcon 9 ที่สามารถนำส่วนล่างกลับมาปล่อยลงจอดในแนวตั้งได้อย่างแม่นยำหลังภารกิจ ช่วยลดต้นทุนการปล่อยต่อหน่วยลงได้ถึง 70%
จากการลดต้นทุนนี้ ทำให้ NASA กองทัพสหรัฐฯ และลูกค้าพลเรือนจำนวนมากเริ่มย้ายแพลตฟอร์มมาใช้บริการของ SpaceX โดยเฉพาะธุรกิจการส่งดาวเทียมและการบินนายพล ซึ่งเฟสปัจจุบันนี้ จรวด Falcon 9 ถือว่าเป็น “ผู้ประกอบการหลัก” ของบริษัท รองลงมาคือ Falcon Heavy จรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลกขณะนี้ ด้วยความสามารถในการปล่อยภารกิจที่มีน้ำหนักมาก เช่น ดาวเทียมขนาดใหญ่หรือยานสำรวจระยะไกล
การขนส่งลูกเรือและสัมภาระ: ยานอวกาศ Dragon
ไม่ใช่แค่ส่งสัมภาระเท่านั้น SpaceX ยังกลายเป็นบริษัทแรกในโลกที่ส่งมนุษย์สู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) โดยใช้ยานอวกาศที่เป็นของบริษัทเอกชนอย่างสมบูรณ์ นั่นคือยาน Dragon ซึ่งได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก NASA และใช้ในโปรแกรม Commercial Crew
ปัจจุบัน Dragon มีสองรุ่นหลัก: Crew Dragon สำหรับส่งนักบินอวกาศ และ Cargo Dragon สำหรับขนส่งสิ่งของ โดยทั้งสองรุ่นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้ NASA ประหยัดงบประมาณ แต่ยังเปิดทางให้บริษัทเอกชนสามารถดำเนินภารกิจอวกาศได้อย่างมีศักยภาพจริง
ยานอวกาศ Starship: วิสัยทัศน์แห่งดาวอังคารยุคหน้า
หาก Falcon กับ Dragon คือคำตอบของปัญหาในปัจจุบัน Starship ก็คือคำตอบของปัญหาในอนาคต SpaceX กำลังพัฒนายาน Starship ให้เป็นระบบขนส่งขนาดยักษ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด จากระยะนี้ ยานลำดังกล่าวมีวัตถุประสงค์แฝงอยู่ลึก ๆ นั่นคือการไปถึงดาวอังคาร
Starship มีความจุสูงสุดถึง 100 คนหรือ 150 ตัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถตั้งฐานที่มั่น และส่งข้าวของ เครื่องจักร และมนุษย์ไปยังดาวอังคารได้ในครั้งเดียว เดิมทีบริษัทวางแผนจะทดสอบการลงจอดบนดวงจันทร์ก่อนในปีหน้า โดย NASA ได้เลือก Starship เป็นยานที่จะใช้ในภารกิจ Artemis III ซึ่งจะพามนุษย์กลับสู่ดวงจันทร์อีกครั้ง
เครือข่ายดาวเทียมทั่วโลก: Starlink และ Starshield
Starlink เป็นโครงการที่ช่วยขับเคลื่อนรายได้หลักของ SpaceX ในช่วงที่ผ่านมา โดยเป็นเครือข่ายดาวเทียมความหนาแน่นสูงในวงโคจรสูงต่ำ (Low Earth Orbit) ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแก่พื้นที่ชนบท ห่างไกล หรือพื้นที่ที่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยังไม่พร้อม
ปัจจุบัน Starlink มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านรายทั่วโลก และตั้งเป้าขยายเป็น 50 ล้านรายภายในปี 2030 ซึ่งจะสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับบริษัท อีกทั้ง Starshield ยังเป็นเวอร์ชันด้านความมั่นคงของ Starlink ที่ถูกใช้โดยภาครัฐและกองทัพสหรัฐฯ ในการตรวจจับการเคลื่อนไหว ป้องกันเป้าหมาย และรักษาการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤต

มูลค่าล่าสุดและสถานะทางการเงินของ SpaceX
ตัวเลข 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากการเติบโตที่มั่นคงและแผนสร้างรายได้ที่เข้าขั้นวางเป้า
มูลค่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ: ผลกระทบจากการซื้อขายหุ้นภายใน (Tender Offer)
มูลค่าล่าสุดของ SpaceX มาจากการทำ “Tender Offer” หรือการเปิดโอกาสให้พนักงาน ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนรอบก่อนสามารถขายหุ้นของตนในราคาที่ประเมินไว้ตามมูลค่ายุติธรรมของบริษัท การซื้อขายหุ้นในตลาดเอกชนเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้พนักงานบางรายสามารถจับต้องผลตอบแทนจากการทำงานมานานได้ แต่ยังช่วยให้บริษัทมีเสถียรภาพนักลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องเข้าตลาดหุ้นในทันที
แหล่งรายได้และแรงขับเคลื่อนการเติบโต: บริการปล่อยจรวดและบริการสมัครสมาชิก Starlink
ในปี 2024 Space X มีรายได้รวมประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้หลักมาจาก:
– บริการปล่อยจรวด: ประมาณ 2,800 ล้านดอลลาร์ (35%)
– Starlink: ประมาณ 4,200 ล้านดอลลาร์ (53%)
– รายได้อื่น ๆ เช่น สัญญากองทัพรัฐบาลและโครงการเฉพาะ: 1,000 ล้านดอลลาร์
ที่น่าสนใจคือ Starlink กำลังกลายเป็น “เครื่องจักรสร้างรายได้” ของบริษัท แม้ยังไม่สร้างกำไรสุทธิเต็มรูปแบบ แต่คาดว่าจะเบรกอีเวนภายในปี 2025 พร้อมกับการเปิดตัวเป็นบริษัทแยกต่างหากในอนาคต
ประสิทธิภาพด้านต้นทุนและความสามารถในการทำกำไร: ข้อได้เปรียบทางการเงินของเทคโนโลยีที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของ SpaceX เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นคือ “ต้นทุนต่อการปล่อย” ที่ต่ำกว่ามาก ตัวอย่างเช่น:
– Falcon 9: ค่าใช้จ่ายประมาณ 62 ล้านดอลลาร์ต่อภารกิจ (เมื่อเปรียบเทียบกับค่าระดับ 150–200 ล้านของผู้ให้บริการรายอื่น)
– การนำเครื่องยนต์และโครงสร้างกลับมาใช้นานถึง 15 ครั้งทำให้ต้นทุนต่อครั้งต่ำลงเรื่อย ๆ
ปัจจัยนี้ทำให้ SpaceX สามารถแข่งขันด้วยราคา ชนะสัญญาขนาดใหญ่ และรักษาฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
SpaceX IPO: กลยุทธ์และกรอบเวลาการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Elon Musk
คำถามที่ทุกนักลงทุนรอคำตอบ: “เมื่อไหร่จะได้ซื้อหุ้น SpaceX?”
ทำไม SpaceX ยังคงเป็นบริษัทเอกชน?
อีลอน มัสก์ ให้เหตุผลชัดเจนว่า ต้องการให้ SpaceX เติบโตโดยไม่มีแรงกดดันจากนักลงทุนรายย่อย หรือเวทีผลประกอบการรายไตรมาสที่ต้องรายงานแต่กำไรระยะสั้น เพราะภารกิจหลักของบริษัท — การตั้งฐานบนดาวอังคาร — เป็นโครงการที่กินเวลา 10 ถึง 20 ปี หรืออาจมากกว่านั้น
การเป็นบริษัทเอกชนช่วยให้ SpaceX สามารถใช้เงินทุนไปกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่เสี่ยงสูง แต่มีผลตอบแทนมหาศาลในระยะยาว เช่น การวิจัย Starship การขนส่งข้ามโลก (Earth to Earth Travel) หรือโครงการอวกาศพลเรือน ซึ่งอาจไม่สามารถผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทในตลาดสาธารณะได้
ความเป็นไปได้ในการแยก Starlink ออกมา IPO
การคาดการณ์ที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนหลายฝ่ายให้ความสนใจคือ แทนที่จะนำ SpaceX ทั้งบริษัทเข้า IPO บริษัทอาจตัดสินใจแยก Starlink ออกมาเป็นอีกบริษัทหนึ่งก่อน ด้วยเหตุผลดังนี้:
– Starlink มีรายได้ที่ต่อเนื่องและสามารถวัดผลได้ชัดเจน
– มีฐานลูกค้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
– ไม่ต้องพึ่งเงินทุนจากรัฐบาลทั้งหมด
– เหมาะกับเครื่องมือการลงทุนของนักลงทุนทั่วไป
หาก Starlink สามารถ IPO ได้สำเร็จในปี 2026–2027 จะช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้อีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อขยายโครงข่ายดาวเทียมให้ครอบคลุมทั้งโลก
ความคาดหวังของตลาดและปัจจัยที่มีผลต่อการ IPO ในอนาคต
แม้ยังไม่มีคำประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ตลาดก็คาดการณ์ว่า:
– การ IPO ของ Starlink ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง
– SpaceX หลักอาจไม่ IPO ก่อนปี 2030 เนื่องจากภารกิจ Starship และการลงสำรวจดาวอังคารยังอยู่ในช่วงทดลอง
– สภาวะเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นในตลาดเทคโนโลยี ก็มีผลโดยตรงต่อความพร้อมในการเข้าตลาด
นักลงทุนไทยจะลงทุนใน SpaceX ทางอ้อมได้อย่างไร?
นักลงทุนทั่วไปอาจรู้สึกท้อใจที่ยังไม่สามารถเข้าถึงหุ้น SpaceX โดยตรงได้ แต่ทว่า มีทางเลือกหลายช่องทางที่สามารถสร้าง “การลงทุนทางอ้อม” ได้อย่างชาญฉลาด
ผ่านตลาดหุ้นนอกตลาด (Private Equity Market) หรือการเป็นนักลงทุนรายใหญ่ (Accredited Investor)
ในบางกรณี นักลงทุนรายใหญ่ที่มีสินทรัพย์รวมมากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ หรือมีรายได้ปีละ 200,000 ดอลลาร์ขึ้นไป อาจสามารถเข้าร่วมในรอบระดมทุนลับของบริษัทเอกชนผ่านกองทุน private equity หรือ venture capital ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปในประเทศไทย การเข้าถึงช่องทางนี้ยังเป็นเรื่องที่ซับซ้อน มีค่าธรรมเนียมสูง และมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย และต้องรอหลายปีกว่าจะได้ผลลัพธ์
ลงทุนในกองทุน ETF หรือกองทุนรวมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศ
ทางออกที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับนักลงทุนไทย คือการลงทุนในกองทุน ETF หรือ mutual funds ที่เน้นอุตสาหกรรมอวกาศ หรือบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง โดยนักลงทุนสามารถซื้อผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่เปิดบริการให้นักลงทุนต่างชาติ เช่น Interactive Brokers, TD Ameritrade หรือ eToro
ตัวอย่างกองทุนที่ควรศึกษา:
– **ARK Space Exploration & Innovation ETF (ARKX):** กองทุนที่เน้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอวกาศ โดยมี SpaceX เป็นหนึ่งใน “ธีมหลัก” แม้ไม่ได้ถือหุ้นโดยตรง แต่ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Starlink, การผลิตชิ้นส่วนจรวด และการวิจัยอวกาศ
– **Procure Space ETF (UFO):** กองทุนแรกที่เน้นเฉพาะธุรกิจอวกาศ มีการถือหุ้นใน Rocket Lab, Maxar Technologies, Northrop Grumman ซึ่งล้วนเป็นคู่ค้าหรือคู่แข่งของ SpaceX สามารถได้รับปัจจัยความเติบโตจากเทรนด์ด้านสเปซเทค
– **Destiny Tech100:** สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในบริษัทเทคโนโลยีเอกชน กองทุนนี้ลงทุนในบริษัท unlisted ที่ถูกคาดว่าจะเป็นยูนิคอร์นในอนาคต ซึ่งรวมถึง SpaceX ด้วยเช่นกัน (ถ้ากองทุนนั้นมีสิทธิ์เข้าถึง)
ลงทุนในคู่แข่งหรือพันธมิตรของ SpaceX ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
อีกหนึ่งภูมิปัญญาในการลงทุนคือการมองไปที่ “ระบบนิเวศ” รอบตัว SpaceX เพื่อหามูลค่าที่ซ่อนอยู่ โดยพิจารณาบริษัทที่:
– แข่งขันโดยตรงกับ SpaceX
– เป็นคู่ค้าหรือผู้ผลิตชิ้นส่วนให้
– ดำเนินธุรกิจในแนวขนาน เช่น Starlink
บริษัทที่น่าสนใจ:
– **Rocket Lab (RKLB):** ผู้ให้บริการปล่อยจรวดขนาดเล็กที่เน้นยานขนาดกลาง Starlink ก็ใช้บริการของ Rocket Lab ด้วย
– **Intuitive Machines (LUNR):** หนึ่งในบริษัทที่ชนะสัญญาจาก NASA สำหรับภารกิจเคลื่อนย้ายบนดวงจันทร์ ร่วมในโครงการ Artemis
– **Boeing (BA) และ Lockheed Martin (LMT):** พันธมิตรหลักในโครงการ United Launch Alliance (ULA) ที่ร่วมกันพัฒนายาน Vulcan Centaur ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Falcon
– **Amazon (AMZN):** แม้จะเป็นคู่แข่งของ Starlink ผ่านโครงการ Project Kuiper แต่การลงทุนใน Amazon ก็สามารถติดตามเทรนด์ของตลาดอินเทอร์เน็ตจากดาวเทียมได้เช่นกัน
ข้อควรพิจารณาสำหรับนักลงทุนไทยในการลงทุนระหว่างประเทศ
ก่อนจะออกเดินทางร่วมเป็น “นักลงทุนในอวกาศ” นักลงทุนไทยควรตระหนักถึงข้อควรระวังดังต่อไปนี้:
– **ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน:** การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศทำให้ผลตอบแทนขึ้นกับค่าเงิน USD/THB หากบาทอ่อน อาจได้กำไรเพิ่ม แต่ถ้าบาทแข็ง ผลตอบแทนอาจลดลง
– **ค่าธรรมเนียมและภาษี:** การซื้อผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศอาจมีค่าคอมมิชชั่น การแปลงสกุลเงิน และภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) ซึ่งในบางกรณีสามารถขอคืนได้ภายใต้สนธิสัญญาภาษี
– **กฎระเบียบของ ก.ล.ต. ไทย:** การลงทุนในต่างประเทศจำนวนมากต้องมีการแจ้งหรือยื่นแบบแสดงรายการทรัพย์สินตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และกฎหมายภาษี
– **เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้:** ควรใช้โบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานอย่าง SEC (สหรัฐฯ), FCA (อังกฤษ) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย)
วิธีการลงทุน | ข้อดี | ข้อเสีย | ความเหมาะสมสำหรับนักลงทุนไทย |
---|---|---|---|
การซื้อหุ้นโดยตรง (ในอนาคต หาก IPO) | เป็นเจ้าของหุ้นโดยตรง, มีสิทธิ์ออกเสียง | ความผันผวนสูง, ต้องรอ IPO | ยังไม่สามารถทำได้, ต้องรอกฎเกณฑ์ |
ลงทุนผ่าน Private Equity/Accredited Investor | มีโอกาสลงทุนก่อนใคร | เงินลงทุนสูง, เข้าถึงยาก, ซับซ้อน | จำกัดเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ |
ลงทุนใน ETF หรือกองทุนรวมอวกาศ | กระจายความเสี่ยง, เข้าถึงง่าย | ไม่ได้ลงทุนใน SpaceX โดยตรง | เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทั่วไป |
ลงทุนในคู่แข่ง/พันธมิตรที่จดทะเบียน | ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรม | ผลตอบแทนไม่ผูกพันกับ SpaceX โดยตรง | เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ต |
ความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน SpaceX
การลงทุนในบริษัทที่อยู่ในเส้นทางแห่งการปฏิวัติ ย่อมมาพร้อมกับความหวังที่สูง และความเสี่ยงที่อาจไม่ปรากฏในงบการเงิน
ความเสี่ยงหลัก: ความท้าทายทางเทคนิค, ปัญหาด้านกฎระเบียบ และการแข่งขันที่รุนแรง
– **ความล้มเหลวของเทคโนโลยี:** การปล่อยจรวดมีความเสี่ยงสูงจากการระเบิด หรือข้อผิดพลาดทางวิศวกรรม อาจทำให้สูญเสียงบประมาณ และความเชื่อมั่นได้ภายในข้ามคืน
– **กฎระเบียบระหว่างประเทศ:** ดาวเทียมจำนวนมากอาจก่อให้เกิดปัญหาอวกาศคับแคบ หรือการชนกันของเศษซาก (space debris) ซึ่งต่างประเทศอาจกดดันให้ควบคุมจำนวนดาวเทียมที่ปล่อย
– **การแข่งขันจาก Amazon, Blue Origin และรัฐบาล:** กว่า Starlink จะครอบคลุมโลก คู่แข่งก็อาจพร้อมแล้ว ยิ่งกว่านั้น กองทัพจีน รัสเซีย หรืออินเดีย ก็พัฒนาระบบดาวเทียมของตัวเองอย่างเร่งด่วน
โอกาสระยะยาว: การตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร, การเชื่อมต่อทั่วโลก และการพัฒนาทรัพยากรอวกาศ
– **กลายเป็นบริษัทข้ามดาวเคราะห์รายแรก:** หาก SpaceX สามารถสร้างฐานบนดาวอังคารได้ บริษัทนี้อาจเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานของเมืองแห่งแรกในอวกาศ
– **เป็นผู้นำระบบสื่อสารโลก:** Starlink สามารถแทนที่โครงข่ายไฟเบอร์ออปติกในบางภูมิภาค และเชื่อมต่อโลกใบนี้ได้อย่างทั่วถึง
– **เปิดยุคใหม่ของเศรษฐกิจอวกาศ:** การท่องเที่ยวอวกาศ การทำเหมืองอุกกาบาต การผลิตในสภาพแรงโน้มถ่วงต่ำ — SpaceX อาจเป็นผู้เปิดประตูนี้
สรุป: อนาคตของการลงทุนในอวกาศ
SpaceX ไม่ใช่แค่บริษัทจรวดธรรมดา แต่เป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมมนุษย์ในอนาคต แม้ปัจจุบันนักลงทุนทั่วไปในไทยยังไม่สามารถซื้อหุ้นโดยตรงได้ แต่เรายังคงสามารถ “ร่วมเดินทาง” ไปกับบริษัทนี้ ผ่านการลงทุนทางอ้อมหรือการติดตามการเติบโตของระบบนิเวศอวกาศ
การวางแผนเพื่อเข้าสู่ยุคอวกาศ ไม่ใช่แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่เป็นแรงพลักดันด้านเทคโนโลยีที่สามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาล ถ้านักลงทุนไทยมีความรู้ ความเข้าใจ และเลือกช่องทางลงทุนอย่างรอบคอบ การเป็นส่วนหนึ่งของการบินสู่อนาคต ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
SpaceX มีมูลค่าบริษัทเท่าไรในปัจจุบันและมีการประเมินอย่างไร?
ปัจจุบัน SpaceX มีมูลค่าประเมินประมาณ 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การประเมินนี้อิงจากการซื้อขายหุ้นภายใน (Tender Offer) และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพการเติบโตของบริษัทในธุรกิจบริการปล่อยจรวดและเครือข่ายดาวเทียม Starlink
SpaceX จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) เมื่อใด?
Website: https://ymbproperties.com
ymbproperties_co
You must be logged in to post a comment