Copy Trade คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ พร้อมเคลียร์ชัดความแตกต่างจาก Forex-3D และวิธีสร้างกำไรอย่างปลอดภัย
ในยุคที่การลงทุนผ่านออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด นักลงทุนจำนวนมากหันมาให้ความสนใจกับรูปแบบการเทรดอัตโนมัติอย่าง “Copy Trade” หรือ “การคัดลอกการเทรด” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางลัดสู่ผลตอบแทน โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ยังไม่มีความรู้ลึกซึ้งด้านการเงินหรือเทคนิคการเทรด อย่างไรก็ตาม ความนิยมนี้ก็มาพร้อมกับความสับสน โดยเฉพาะเมื่อหลายคนมักสับสนระหว่าง Copy Trade ที่ถูกกฎหมาย กับ “Forex-3D” ซึ่งเป็นกรณีฉ้อโกงขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนชาวไทยจำนวนหลายพันราย
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า Copy Trade คืออะไร กลไกการทำงานเป็นอย่างไร พร้อมชี้ให้เห็นจุดต่างที่ชัดเจนระหว่างการลงทุนที่ปลอดภัย กับรูปแบบการหลอกลวงแบบ Forex-3D นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ในการเลือกเทรดเดอร์ต้นแบบอย่างมีเหตุผล และบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อให้คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัยสูงสุด

Copy Trade คืออะไร? เข้าใจกลไกรอบด้าน
Copy Trade หรือ “การคัดลอกการเทรด” คือ รูปแบบการลงทุนที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดลอกคำสั่งซื้อขายของเทรดเดอร์อีกคนโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกบุคคลนั้นว่า “เทรดเดอร์ต้นแบบ” (Master Trader) หรือ “เทรดเดอร์ชั้นนำ” โดยคำสั่งทุกอย่างที่เขาเปิด ปิด หรือปรับพอร์ต ระบบจะดำเนินการซ้ำในบัญชีของผู้ติดตาม (Follower) พร้อมกันแบบเรียลไทม์
กลไกนี้ทำงานผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น Mitrade, ATFX, INFINOX และโบรกเกอร์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อระบบการเทรดโดยตรง ผู้ติดตามไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา แค่เลือกคนที่ต้องการตาม ตั้งค่าเงินทุนและสัดส่วนการลงทุน จากนั้นระบบจะจัดการทุกอย่างให้โดยอิงจากพฤติกรรมของเทรดเดอร์ต้นแบบ
หากเทรดเดอร์ต้นแบบทำกำไร ผู้ติดตามก็จะได้รับผลตอบแทนตามสัดส่วน หากเขาขาดทุน ผู้ติดตามก็ขาดทุนตามไปด้วย นั่นหมายความว่า Copy Tradeไม่ใช่ทางลัดร่ำรวยทันที แต่มันคือ “เครื่องมือ” ที่ช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้และกระจายความเสี่ยงได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
การทำงานของ Copy Trade เป็นอย่างไร?
การใช้งาน Copy Trade มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เลือกแพลตฟอร์ม – หาโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ Copy Trade และได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส)
- เปิดบัญชีและการยืนยันตัวตน – ดำเนินการตามขั้นตอนการสมัคร ซึ่งรวมถึงการอัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน
- โอนเงินเข้าบัญชี – กำหนดงบประมาณที่ยินดีจะลงทุน และจำไว้ว่า “อย่าลงทุนเกินกว่าที่ขาดทุนได้”
- เลือกเทรดเดอร์ต้นแบบ – ตรวจสอบประวัติการเทรด อัตราผลตอบแทน ความผันผวน ระยะเวลาที่เทรด รวมถึงระดับความเสี่ยง
- ตั้งค่าการคัดลอก – ระบุว่าจะคัดลอกคำสั่งช้าหรือเร็วขนาดไหน หรือจะคัดลอกทุกคำสั่ง หรือเลือกเฉพาะบางสินทรัพย์
- เริ่มต้นและตรวจสอบพอร์ต – ระบบจะดำเนินการเทรดอัตโนมัติ แต่คุณควรติดตามผลเป็นระยะ เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ แม้ระบบจะเป็นอัตโนมัติ แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่จริง และผู้ใช้งานต้องมีความรับผิดชอบต่อกำไรหรือขาดทุนของตนเองทุกบาททุกสตางค์
ข้อดีและข้อเสียของ Copy Trade ที่ควรรู้ก่อนลงทุน
การใช้ Copy Trade มีทั้งข้อดีที่จับต้องได้และข้อเสี่ยงที่ควรตระหนัก วิเคราะห์อย่างรอบด้านจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
ข้อดีของ Copy Trade
- เหมาะสำหรับมือใหม่ – ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่เข้าใจกราฟ หรือเทคนิคการวิเคราะห์ ก็สามารถเข้าสู่ตลาดได้โดยอาศัยความรู้ของผู้อื่น
- ประหยัดเวลา – ไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าจอหรือวิเคราะห์ตลาดทั้งวัน ระบบทำให้ทุกอย่างแบบอัตโนมัติ
- เรียนรู้จากการสังเกต – โดยการติดตามเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คุณสามารถเรียนรู้กลยุทธ์และพฤติกรรมได้จริงผ่านการสังเกต
- กระจายความเสี่ยง – คุณสามารถติดตามเทรดเดอร์หลายคนพร้อมกัน เพื่อลดการพึ่งพาคนใดคนหนึ่งมากเกินไป
ข้อเสียและข้อควรระวัง
- ไม่มีการันตีผลตอบแทน – แม้เทรดเดอร์คนนั้นจะเคยทำกำไรก็ตาม แต่ตลาดมีความผันผวนสูง ผลในอดีตไม่สามารถบ่งชี้ผลอนาคตได้
- ต้องแบกรับความเสี่ยงเท่ากันทุกคน – หากเทรดเดอร์ต้นแบบใช้ Leverage สูงหรือซื้อขายสินทรัพย์ที่ผันผวน คุณก็จะได้รับความเสี่ยงเหล่านั้นเหมือนกัน
- ความเสี่ยงจากผู้ให้บริการ – หากแพลตฟอร์มไม่มีการกำกับดูแลที่ชัดเจน หรือเกิดปัญหาด้านเทคนิค คุณอาจสูญเสียเงินโดยไม่มีช่องทางเรียกร้อง
- ค่าธรรมเนียมที่อาจซ่อนอยู่ – บางแพลตฟอร์มมีค่าธรรมเนียมการคัดลอก หรือค่าคอมมิชชันจากกำไร ซึ่งอาจลดผลตอบแทนจริงลง
- ไม่สามารถควบคุมการเทรดได้เต็มที่ – คุณไม่สามารถหยุดคำสั่งบางคำสั่งได้เอง หรือปรับสัดส่วนการลงทุนแบบเรียลไทม์
ดังนั้น แม้ Copy Trade จะฟังดูสะดวก แต่ก็ไม่ใช่ “ระบบพิมพ์เงิน” หากคุณมองหากำไรแบบง่ายๆ โดยไม่เข้าใจหลักการทำงาน คุณก็อาจกลายเป็นเหยื่อของความเสี่ยงได้เช่นกัน

Forex-3D คืออะไร? หัวใจของเครือข่ายหลอกลวงที่ต้องรู้
แม้ชื่อ “Forex” จะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ แต่ Forex-3D ไม่ใช่การเทรดจริง และไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลไกของตลาดการเงินใดๆ เลย
Forex-3D เป็นกรณีศึกษาด้านการฉ้อโกงภายใต้รูปแบบ “แชร์ลูกโซ่” หรือ “Ponzi Scheme” ที่หลอกลวงประชาชนว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 2-3% ต่อวัน หรือมากกว่า 100% ต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตราที่เป็นไปไม่ได้ในตลาดการเงินจริง โดยอ้างว่าบริษัทนี้มีทีมเทรดเดอร์มืออาชีพที่ “ตั้งโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ” และสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง
ตามรายงานจาก Thai PBS World, Bangkok Post และ The Nation Thailand ระบุว่า กลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวงประชาชนกว่า 1.7 แสนคน ด้วยยอดเงินที่ถูกหลอกเกือบ 2 แสนล้านบาท พร้อมทั้งใช้คนมีชื่อเสียงมาโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้ผู้คนหลงเชื่อในวงกว้าง
ปัญหาคือ เงินที่ลงทุนไปไม่ได้ไปอยู่ในตลาดต่างประเทศจริง แต่ถูกรวบรวมเข้าสู่ระบบภายใน และใช้เงินของคนใหม่มาจ่ายผลตอบแทนให้คนเก่า ซึ่งเมื่อไม่มีนักลงทุนใหม่เข้ามา ก็จะล้มทันที นี่คือลักษณะที่ชัดเจนของ Ponzi Scheme
ในขณะที่ Copy Trade เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับทำซ้ำการเทรดจริงในบัญชีจริงผ่านโบรกเกอร์ที่โปร่งใส Forex-3D คือการหลอกลวงที่อิงบนคำสัญญาที่เกินจริง ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล เงินของลูกค้าไม่มีการแยกเก็บ และไม่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานใดเลย
เปรียบเทียบ Copy Trade กับ Forex-3D
หัวข้อเปรียบเทียบ | Copy Trade (ถูกกฎหมาย) | Forex-3D (หลอกลวง) |
---|---|---|
กลไกการทำกำไร | คัดลอกคำสั่งเทรดจริง ผ่านโบรกเกอร์จริง | ไม่มีการเทรดจริง ใช้เงินลูกค้าจ่ายคืนลูกค้า |
ผลตอบแทน | ไม่แน่นอน ขึ้นกับตลาดและเทรดเดอร์ต้นแบบ | รับประกันผลตอบแทนสูง เช่น +3% ต่อวัน |
การกำกับดูแล | กำกับโดยหน่วยงาน เช่น FCA, ASIC, CySEC | ไม่มีการกำกับดูแล |
ความโปร่งใส | ประวัติการเทรดตรวจสอบได้ | ไม่มีข้อมูลการเทรดจริง |
สินทรัพย์ที่ลงทุน | Forex, หุ้น, คริปโต ผ่านตลาดจริง | ไม่มีสินทรัพย์จริง |
อายุผู้ประกอบการ | ต้องตรวจสอบได้ มีเอกสารชัดเจน | ผู้ก่อตั้งไม่เปิดเผย หรือถูกจับกุมแล้ว |
หากใครพบข้อเสนอที่ให้ผลตอบแทน “แน่นอน” หรือ “สูงผิดปกติ” โดยไม่มีความเสี่ยง สิ่งนั้นควรได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพราะโอกาสที่จะเป็นการหลอกลวงมีสูงมาก
วิธีเลือกเทรดเดอร์ต้นแบบอย่างมีชั้นเชิง
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดของความสำเร็จในการทำ Copy Trade คือ “การเลือกคนที่จะตาม” คล้ายกับการเลือกผู้จัดการกองทุน คุณต้องพิจารณาหลายด้าน ไม่ใช่แค่ดูว่าใครทำกำไรสูงในช่วงเดือนเดียว
4 ปัจจัยหลักที่ต้องตรวจสอบ
- ผลตอบแทนสะสม (ROI) ระยะยาว – พิจารณาผลตอบแทนในช่วง 6 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นไป ไม่ใช่แค่ช่วง “เดือนทอง” นอกจากนี้ ดูความต่อเนื่องว่าทำได้สม่ำเสมอหรือไม่
- ระดับความเสี่ยง (Risk Level) – ดูค่า Drawdown (จุดขาดทุนสูงสุด) ว่าเคยตกลงมากแค่ไหน หาก Drawdown เกิน 30% แปลว่าพอร์ตมีความเสี่ยงสูง และหากเกิดเหตุการณ์ผันผวน คุณอาจเสียทุนจำนวนมาก
- จำนวนผู้ติดตามและความเชื่อมั่น – เทรดเดอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก มีแนวโน้มว่ามีความสามารถ แต่ก็อย่าลืมว่า “ยอดผู้ติดตาม” ก็อาจถูกจัดฉากได้ ต้องตรวจสอบประวัติจริงจากแพลตฟอร์ม
- รูปแบบการเทรด – บางคนเน้นความถี่สูง (Scalping), บางคนเน้นการถือยาว (Swing Trade) ควรเข้าใจสไตล์ให้ตรงกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
ที่สำคัญ หลายแพลตฟอร์มมี “ระบบคะแนน” หรือ “การจัดอันดับ” เทรดเดอร์ แต่คุณควรใช้ข้อมูลเสริม ไม่ใช่ตัดสินใจเพียงจากอันดับเพียงอย่างเดียว
กฏหมายและสถานะของ Copy Trade ในประเทศไทย
ตามรายงานจาก Alban Books และหน่วยงานเฝ้าระวังด้านการเงิน ปัจจุบันประเทศไทยยัง ไม่มีกฎหมายเฉพาะ ที่ควบคุมการให้บริการ Copy Trade โดยตรง อย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าวอาจเข้าเกณฑ์ภายใต้กฎหมายเดิมหลายฉบับ ขึ้นอยู่กับลักษณะของบริการและสินทรัพย์ที่ใช้ ได้แก่
- พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ – หากมีการจัดการกองทุนหรือให้คำแนะนำการลงทุนอย่างเป็นระบบ
- พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน – หากมีการรับฝากเงินหรือจ่ายผลตอบแทน
- พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ – สำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์
- กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค – หากมีการโฆษณาเกินจริง หรือหลอกลวง
ดังนั้น แม้คุณอาจไม่ผิดกฎหมายที่ใช้ Copy Trade แต่ ผู้ให้บริการที่เข้ามาดำเนินงานในไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจทำผิดกฎหมาย
คำแนะนำจาก Tickmill และ INFINOX คือ นักลงทุนควรเลือกแพลตฟอร์มที่จดทะเบียนและได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานระหว่างประเทศที่น่าเชื่อถือ และหลีกเลี่ยงการลงทุนกับผู้ให้บริการที่ “รับประกันผลตอบแทน” เพราะนั่นเป็นสัญญาณอันตราย
กลยุทธ์การลดความเสี่ยงในการทำ Copy Trade
ไม่มีการลงทุนใดที่ “ปลอดภัย 100%” ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุดต่อความอยู่รอดในตลาด
- อย่าหยุดคิด – การกลับมาเรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ ความหมายของข่าวเศรษฐกิจ หรือการจัดการพอร์ตด้วยตนเองจะทำให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น
- กระจายผู้ติดตาม – อย่าฝากทั้งหมดไว้กับคนเดียว เลือกเทรดเดอร์ 3-5 คนที่มีสไตล์ต่างกัน เพื่อลดผลกระทบที่ตามมาหากคนใดคนหนึ่งขาดทุน
- ตั้ง Stop Loss หรือจำกัดขาดทุน – บางแพลตฟอร์มอนุญาตให้คุณตั้งค่า “ขาดทุนสูงสุด” เช่น หากพอร์ตขาดทุน 10% ระบบจะระงับการคัดลอกอัตโนมัติ
- เริ่มจากทุนน้อย – ทดลองกับเงินที่พร้อมจะสูญเสีย เพื่อเรียนรู้กลไกและความเสี่ยงจริง ก่อนจะเพิ่มทุนในภายหลัง
- รีวิวผลงานอย่างสม่ำเสมอ – ตั้งเตือนทุกเดือนเพื่อตรวจสอบว่าเทรดเดอร์ต้นแบบยังคงมีประสิทธิภาพหรือไม่ พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ
สรุป: Copy Trade คือเครื่องมือ ไม่ใช่อาถรรพ์
Copy Trade ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย และไม่ใช่ “ระบบโกง” อย่างที่บางคนเข้าใจ มันเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในโลกดิจิทัล ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเรียนรู้และกระจายความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน หากใช้อย่างขาดสติ โดยเฉพาะเมื่อมองว่า “แค่ตาม ก็รวย” ก็อาจนำไปสู่ความสูญเสียได้
จงตระหนักว่า ความรับผิดชอบสุดท้ายในการลงทุนยังอยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ใช่ที่เทรดเดอร์ต้นแบบ และยิ่งกว่านั้น ต้องแยกให้ออกว่า “การคัดลอก” ที่ถูกกฎหมาย ไม่ใช่ “การหลอกให้ลงทุน” แบบ Forex-3D
ใช้ข้อมูล เรียนรู้ ตรวจสอบ และเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป คุณอาจพบว่า Copy Trade คือประตูบานแรกสู่โลกแห่งการลงทุนที่คุณสามารถควบคุมและเข้าใจได้ในที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Copy Trade ผิดกฎหมายในประเทศไทยไหม?
ในปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ห้ามการใช้ Copy Trade หากคุณใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ได้รับอนุญาต ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องระมัดระวังผู้ให้บริการในประเทศที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ หรือกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
เริ่มต้นทำ Copy Trade ต้องใช้เงินเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับแต่ละแพลตฟอร์ม บางแห่งเริ่มต้นได้ที่ 100-500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่คำแนะนำคือ ควรใช้เงินที่พร้อมจะสูญเสีย และไม่ควรทุ่มหมดหน้าตักในครั้งแรก
จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นเทรดเดอร์ที่ดี?
ตรวจสอบผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนขึ้นไป, ดูระดับ Drawdown, จำนวนผู้ติดตาม, และสัดส่วนชนะต่อแพ้ (Win Rate) ควรหาผู้ที่มีสไตล์ตรงกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
ทำไมต้องระวัง Forex-3D?
เพราะ Forex-3D เป็นพฤติกรรมหลอกลวงแบบ Ponzi ที่ไม่มีการเทรดจริง ใช้เงินใหม่จ่ายผลตอบแทนคนเก่า และส่งผลให้ผู้เสียหายขาดทุนหลายหมื่นล้านบาท หากพบบริษัทใดสัญญาผลตอบแทนสูงเกินจริงโดยไม่มีความเสี่ยง ควรหนีให้ไกล
แพลตฟอร์ม Copy Trade ควรเลือกที่มีใบอนุญาตจากที่ใด?
ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส), หรือ FINMA (สวิตเซอร์แลนด์) ซึ่งมีมาตรการคุ้มครองนักลงทุนที่เข้มงวด