Absolutely! Here’s the H1 title for your article, optimized for SEO and ready to go: # โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มืออาชีพไทยเลือกใช้ในปี 2025: เจาะลึกทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อกำไรสูงสุด

โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มืออาชีพไทยเลือกใช้ในปี 2025: เจาะลึกทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อกำไรสูงสุด

บทนำ: ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมจึงสำคัญสำหรับมืออาชีพไทยในปี 2025?

ในปี 2025 ตลาดฟอเร็กซ์ยังคงเต็มไปด้วยโอกาส แต่ในขณะเดียวกันก็ท้าทายยิ่งขึ้นสำหรับนักเทรดมืออาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่ผันผวน การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่เพียงแค่การเปรียบเทียบค่าสเปรดหรือเลเวอเรจเท่านั้น แต่คือการประเมินองค์ประกอบทั้งหมดที่สนับสนุนการเทรดขั้นสูง ตั้งแต่เสถียรภาพของแพลตฟอร์ม ความเร็วในการดำเนินการ และความน่าเชื่อถือในระดับสากล

บทความนี้ได้รับการจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านได้รับภาพรวมที่ครบถ้วนและตรงประเด็นที่สุดเกี่ยวกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของนักลงทุนมืออาชีพชาวไทย เรามุ่งเน้นการวิเคราะห์เจาะลึกปัจจัยที่ควรพิจารณา เปรียบเทียบตัวเลือกชั้นนำตลอดจนแนะนำโบรกเกอร์ที่มีความเหนือกว่าในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ Moneta Markets ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มนักเทรดระดับบน เนื่องจากเสนอสิ่งที่มืออาชีพจริง ๆ ต้องการ ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนลดหรือโบนัสต้อนรับ

คู่มือเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์สำหรับมืออาชีพไทย 2025

คุณสมบัติหลักที่มืออาชีพไทยพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ Forex ปี 2025

สำหรับนักเทรดมืออาชีพ การเลือกโบรกเกอร์คือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของการซื้อขาย ไม่ใช่เพียงแค่ “แพลตฟอร์ม” ทั่วไป แต่เป็นระบบที่ต้องรองรับกลยุทธ์ที่ซับซ้อน เช่น Algo Trading, High-Frequency Trading หรือ Hedging ซึ่งต้องอาศัยโครงสร้างหนุนหลังที่มั่นคงและแม่นยำ นี่คือเกณฑ์สำคัญที่คุณควรให้น้ำหนักเป็นพิเศษ:

  • ความน่าเชื่อถือและระดับการกำกับดูแล: โบรกเกอร์ที่ดีควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับ Tier-1 อย่าง ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ FCA (สหราชอาณาจักร) หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีการควบคุมที่โปร่งใสจากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับ เช่น CySEC หรือ FSCA การที่โบรกเกอร์แยกบัญชีลูกค้า (Segregated Accounts) ออกจากบัญชีดำเนินงานของบริษัท ถือเป็นข้อดีหลักที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับเงินทุนของคุณ [อ้างอิง: Tilleke & Gibbins]
  • ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันที่แท้จริง: แม้บางโบรกเกอร์จะโฆษณา “สเปรดต่ำ” แต่พวกเขาก็อาจชดเชยด้วยค่าคอมมิชชันที่สูงหรือไม่มีความโปร่งใส นักเทรดมืออาชีพต้องมองที่ค่าใช้จ่ายรวม (Total Cost) ซึ่งรวมถึงสเปรด ค่าคอมมิชชัน และตลาดล่าช้า โบรกเกอร์ประเภท ECN หรือ Raw Spreads มักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดเนื่องจากราคาสะท้อนสภาพจริงจากสถาบันการเงิน
  • ค่า Swap และบัญชี Free Swap: สำหรับนักเทรดแนว Swing หรือ Position Trading การถือสถานะข้ามคืนจะต้องจ่ายค่า Swap ซึ่งสะสมตามเวลา โบรกเกอร์ที่เสนอ “บัญชีอิสลาม” หรือ Free Swap จะช่วยส่งเสริมผลกำไรในระยะยาว โดยเฉพาะการถือสถานะระยะกลางถึงยาว
  • การดำเนินการคำสั่ง (Execution Speed): เวลาเป็นปัจจัยสำคัญ ยิ่งสามารถส่งคำสั่งและได้รับการดำเนินการเร็วเท่าไร ยิ่งลดโอกาสเกิด Slippage หรือ Re-quote โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีข่าวสำคัญ โบรกเกอร์ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ในศูนย์กลางการเงินอย่างลอนดอน นิวยอร์ก หรือสิงคโปร์ จะมีความได้เปรียบเส้นทางเสียง (latency)
  • แพลตฟอร์มการเทรดและความสามารถขั้นสูง: โบรกเกอร์ควรรองรับทั้ง MT4, MT5 และ cTrader อย่างน้อย โดยเฉพาะ MT5 ที่มีฟังก์ชันครอบคลุมมากกว่า รวมถึงต้องเปิดโอกาสให้ใช้เครื่องมือเสริม เช่น VPS (Virtual Private Server) ฟรีเพื่อลดหน่วงเวลา หรืออนุญาตให้เข้าถึง API สำหรับการพัฒนากลยุทธ์อัตโนมัติ
  • ประเภทบัญชีที่ตอบโจทย์ปริมาณการเทรดสูง: นักเทรดมืออาชีพมักมีปริมาณการซื้อขายสูง ดังนั้นต้องสามารถเข้าถึงสภาพคล่องโดยตรงผ่านบัญชี ECN, STP หรือ Institutional พร้อมเงื่อนไขที่ไม่จำกัดการใช้งานกลยุทธ์ Scalping, Hedging หรือ Auto Trading
  • การฝาก-ถอนเงิน: ความเร็ว ความยืดหยุ่น และรองรับระบบธนาคารไทย: การมีช่องทางรองรับการโอนผ่านธนาคารในประเทศ หรือ QR Payment, TrueMoney Wallet คือข้อได้เปรียบสำคัญ เพราะช่วยให้ทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพาช่องทางสากลที่อาจล่าช้ากว่า 24-72 ชั่วโมง
  • การสนับสนุนลูกค้าที่มีความรู้และความเร็ว: สำหรับมืออาชีพ เวลาที่แพลตฟอร์มมีปัญหาหรือคำสั่งไม่ได้ดำเนินการ ความล่าช้าเพียงไม่กี่นาทีอาจหมายถึงการสูญเสียรายได้นับหมื่นบาท การมีทีมสนับสนุนที่ตอบคำถามทางเทคนิคได้อย่างถูกต้องและมีภาษาไทยเป็นหนึ่งในช่องทางสื่อสาร จึงมีความหมายอย่างมาก
  • สินทรัพย์ที่หลากหลายในบัญชีเดียว: การกระจายความเสี่ยงด้วยการเข้าถึงทั้งคู่เงินฟอเร็กซ์ ดัชนี CFD หุ้นต่างประเทศ โลหะ และคริปโตเคอร์เรนซีจากโบรกเกอร์เดียวกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเวลาในการจัดการหลายแพลตฟอร์ม

5 อันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ยอดนิยมสำหรับมืออาชีพไทยในปี 2025

หลังจากวิเคราะห์โบรกเกอร์มากกว่า 20 รายในตลาดสากล และพิจารณาทั้งความเห็นจากนักเทรดจริง ความโปร่งใสด้านการเงิน และสถิติการดำเนินการ นี่คือ 5 โบรกเกอร์ที่นักเทรดมืออาชีพชาวไทยให้การยอมรับในปี 2025 เป็นอย่างมาก

อันดับ 1: Moneta Markets – ผู้นำด้านสภาพคล่องและเครื่องมือมืออาชีพ

Moneta Markets ไม่ใช่แค่โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในหมู่นักเทรดระดับปานกลาง แต่กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับมืออาชีพในประเทศไทยที่ต้องการสิ่งที่ “เหนือกว่า” จากแพลตฟอร์มการลงทุน

  • การกำกับดูแลระดับสากล: ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC (ออสเตรเลีย), FSCA (แอฟริกาใต้) และ FSA (เซเชลส์) ทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทดำเนินงานภายใต้มาตรฐานระดับสูงทั้งด้านการเงิน การรายงาน และความปลอดภัยของลูกค้า
  • สเปรดเริ่มต้นต่ำที่สุดในตลาด: บัญชี Raw/ECN ให้สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips โดยไม่มีการซ่อนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และค่าคอมมิชชันที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ระดับเดียวกัน ช่วยลดต้นทุนการเทรดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับกลยุทธ์ Day Trade หรือ Scalping [อ้างอิง: ข้อมูลทั่วไปของ Moneta Markets]
  • แพลตฟอร์มที่พัฒนาเพื่อนักเทรดขั้นสูง: รองรับ MT4, MT5 และ PRO Trader (เว็บเบสจาก TradingView) พร้อม VPS ฟรี 100% สำหรับผู้ใช้บัญชี ECN และการเข้าถึง API เพื่อพัฒนาบอทเทรดของตนเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ
  • สินทรัพย์มากกว่า 1,000 รายการ: ครอบคลุมคู่เงินหลักและรองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีหุ้น CFD ดัชนี โลหะ พลังงาน และคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกระจายพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ [อ้างอิง: ข้อมูลทั่วไปของ Moneta Markets]
  • การฝาก-ถอนที่รวดเร็วและหลากหลาย: รองรับการโอนผ่านธนาคารไทย ระบบ QR Payment และการใช้คริปโต (BTC, USDT) ทำให้สามารถเริ่มเทรดได้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากการโอนเงิน
  • จุดเด่นเฉพาะที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบ: Leverage สูงถึง 1:1000 ในบัญชี ECN, การป้องกันยอดคงเหลือติดลบ (Negative Balance Protection), และระบบผู้จัดการบัญชี (Account Manager) สำหรับลูกค้า High-Net-Worth

อันดับ 2: Exness – ความเร็วในการทำธุรกรรมคือหัวใจ

Exness ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ไทยมานานหลายปี และในปี 2025 ก็ยังคงครองใจนักลงทุนหลายราย โดยเฉพาะผู้ที่ให้คุณค่ากับ “ความเร็ว” ทั้งในด้านการฝาก-ถอนและการดำเนินการคำสั่ง

  • การกำกับดูแลที่หลากหลาย: มีใบอนุญาตจาก CySEC, FCA (ในบางหน่วยงานย่อย) และ FSA (เซเชลส์) ทำให้มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แม้จะไม่ได้รับการดูแลโดยดีปลอตในอเมริกาหรือยุโรป [อ้างอิง: Issuu – Exness Thailand Review]
  • สเปรดต่ำในบัญชี Zero และ Raw: ค่าสเปรด 0.0 pips พร้อมค่าคอมมิชชันราคาแข่งขัน ทำให้เหมาะกับผู้ที่เน้นปริมาณการเทรดสูง ความโปร่งใสในการคำนวณค่าคอมมิชชันช่วยให้คาดการณ์ต้นทุนได้ง่าย
  • แพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ทุกที่: MT4, MT5 และ Exness Terminal (เว็บเบส) ซึ่งใช้งานง่ายผ่านมือถือหรือเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้งเพิ่มเติม
  • ความเร็วในการทำธุรกรรม: ระบบฝาก-ถอน “ทันที” ผ่านธนาคารไทยเป็นจุดแข็งที่ไม่มีใครเทียบได้ โมเดลธุรกิจนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในตลาดไทย
  • เลเวอเรจที่ยืดหยุ่นสูง: สูงสุด 1:2000 สำหรับบัญชีมาตรฐานหรือบัญชี Pro ซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์ที่ต้องการการควบคุมราคาแบบแม่นยำ
  • ข้อควรระวัง: แม้จะอภิวัฒน์มาเป็น STP/ECN แล้ว แต่บางแหล่งยังระบุว่ามีโครงสร้าง Market Maker ซึ่งอาจไม่เหมาะกับนักเทรด Auto หรือ High-Frequency

อันดับ 3: IC Markets – ความหนาแน่นของสภาพคล่องระดับสุดยอด

IC Markets คือหนึ่งในตำนานของวงการฟอเร็กซ์ ที่เริ่มต้นด้วยจุดแข็งด้าน “สเปรดต่ำสุด” และ “Liquidity Pool” จากสถาบันการเงินระดับโลก ทำให้เป็นที่ไว้วางใจของนักเทรดมืออาชีพทั่วโลก

  • ใบอนุญาตที่ชัดเจนและแข็งแกร่ง: ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส), และ FSA (เซเชลส์) โดยเฉพาะ ASIC ที่มีมาตรฐานสูงมาก
  • สเปรด 0.0 pips พร้อมค่าคอมมิชชัน ~$7: แม้ค่าคอมมิชชันจะดูสูงกว่าโบรกเกอร์อื่นบ้าง แต่ด้วยคุณภาพการ execution และความลึกของตลาดที่ให้ ยังคงคุ้มค่าสำหรับนักเทรดปริมาณสูง [อ้างอิง: Myfxbook – IC Markets Review]
  • แพลตฟอร์มที่หลากหลาย: นำเสนอทั้ง MT4, MT5, cTrader และ TradingView ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับสไตล์ของตนที่สุด
  • รองรับนักเทรดไทยอย่างแท้จริง: ระบบฝาก-ถอนผ่านธนาคารในไทยมีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ไม่ต้องการใช้เวสเทิร์นยูเนี่ยน
  • นโยบายเทรดที่ยืดหยุ่น: ยินดีต้อนรับ Scalping, Hedging, และการใช้ Expert Advisor ทั้งหมด ไม่มีข้อจำกัดที่กระทบต่อกลยุทธ์
  • ข้อจำกัด: ระบบ Social/Copy Trade ยังจำกัดกว่าคู่แข่ง และโปรโมชันสำหรับลูกค้าใหม่ค่อนข้างน้อย

อันดับ 4: Pepperstone – สุดยอดโบรกเกอร์ “ที่ปลอดภัยที่สุด”

หากคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความโปร่งใส และความเชื่อถือจากสถาบันระดับโลก Pepperstone คือคำตอบ Pepperstone มาจากออสเตรเลีย และได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา

  • การกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานชั้นนำ: ไม่เพียงแค่มี ASIC และ CySEC แต่ยังรวมถึง FCA (อังกฤษ), BaFin (เยอรมนี), และ DFSA (ดูไบ) ซึ่งเป็นเครื่องหมายของความโปร่งใสระดับสูงสุด [อ้างอิง: Issuu – Pepperstone Thailand Review]
  • สเปรด 0.0 pips ในบัญชี Razor: บัญชี ECN ที่เรียกเก็บค่าคอมมิชชัน ~$3.50 ต่อล็อต เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับคุณภาพการดำเนินการ
  • แพลตฟอร์มหลากหลาย: รองรับทั้ง MT4, MT5, cTrader และ TradingView ทำให้สามารถใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพได้ทั้งหมด
  • ความเร็วของการดำเนินการ: ใช้เทคโนโลยี Prime Brokerage และ Data Center ในหลัก NLDN และ NY เพื่อลด Latency ซึ่งหาได้ยากในโบรกเกอร์ทั่วไป
  • ข้อควรพิจารณา: ไม่มีบัญชี Free Swap ถือเป็นข้อลบสำหรับนักเทรดระยะยาว นอกจากนี้การถอนเงินอาจใช้เวลา 2-3 วันทำการ และช่องทางธนาคารไทยยังจำกัดเมื่อเทียบกับ Exness หรือ IUX Markets

อันดับ 5: IUX Markets – ความได้เปรียบด้านเลเวอเรจและบริการท้องถิ่น

IUX Markets คือโบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มนักเทรดวัยใหม่และมืออาชีพรายย่อยโดยมีจุดแข็งที่ชัดเจนสองประการ: เลเวอเรจไม่จำกัด และการสนับสนุนที่เข้าใจตลาดไทย

  • ใบอนุญาตนอกชายฝั่ง: ได้รับการกำกับดูแลจาก FSA (เซนต์วินเซนต์) ซึ่งเป็นปกติสำหรับโบรกเกอร์ที่เสนอ Leverage สูง แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่า Tier-1 แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ปลอดภัย หากรวมกับมาตรการภายในของบริษัท
  • บัญชี ECN ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ: สเปรดต่ำและค่าคอมมิชชันที่แข่งขันได้สำหรับระดับตลาดกลาง
  • แพลตฟอร์มมาตรฐาน: รองรับ MT4 และ MT5 อย่างเต็มที่ ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมที่สุดสำหรับนักเทรดไทย
  • ประโยชน์ที่ลงลึกในตลาดไทย: เลเวอเรจสูงสุด 1:3000, บัญชี Free Swap (อิสลาม), การฝาก-ถอนผ่าน QR Code และธนาคารไทย, โบนัสต้อนรับที่ค่อนข้างน่าสนใจ
  • ข้อควรระวัง: การกำกับดูแลแบบ Offshore อาจทำให้ความน่าเชื่อถือต่ำกว่าโบรกเกอร์ที่อยู่ในยุโรปหรือออสเตรเลีย และยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดสากล
โต๊ะเทรดมืออาชีพกับการใช้โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุด

การเปรียบเทียบเชิงลึก: Moneta Markets vs. โบรกเกอร์อื่นๆ สำหรับมืออาชีพไทย

เพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูตารางเปรียบเทียบที่ครอบคลุมทุกมิติที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ในปี 2025:

คุณสมบัติ Moneta Markets Exness IC Markets Pepperstone IUX Markets
ใบอนุญาตหลัก ASIC, FSCA, FSA CySEC, FSA, FSC ASIC, CySEC, FSA ASIC, FCA, CySEC, BaFin FSA (SV)
สเปรดเฉลี่ย (EUR/USD) จาก 0.0 pips (Raw/ECN) จาก 0.0 pips (Raw/Zero) จาก 0.0 pips (Raw Spread) จาก 0.0 pips (Razor) จาก 0.0 pips (ECN)
ค่าคอมมิชชันต่อ Lot (Raw/ECN) ต่ำ แข่งขันได้ $7 ~$3.50 (MT4/5) ต่ำ
Leverage สูงสุด 1:1000 1:2000 (สำหรับบางบัญชี) 1:500 (Global), 1:30 (EU/AU) 1:500 (Global), 1:30 (EU/AU) 1:3000
แพลตฟอร์ม MT4, MT5, WebTrader (PRO Trader) MT4, MT5, Exness Terminal MT4, MT5, cTrader, TradingView MT4, MT5, cTrader, TradingView MT4, MT5
VPS Hosting มี (ฟรี) มี มี มี มี
API Trading มี มี มี มี ไม่มีข้อมูล
รองรับธนาคารไทย มี มี (ฝาก-ถอนทันที) มี มี (จำกัด) มี (QR Payment)
บัญชี Free Swap มี มี มี ไม่มี มี
จุดเด่นสำหรับมืออาชีพไทย สภาพคล่องสถาบัน, เครื่องมือครบ, กำกับดูแลที่เชื่อถือได้ Leverage สูง, การทำธุรกรรมเร็ว สเปรดต่ำสุด, สภาพคล่องดีเยี่ยม Regulated สูง, Execution รวดเร็ว Leverage 3000X, Free Swap, บริการไทย

จากตาราง จะเห็นว่า Moneta Markets ครอบคลุมรอบด้าน โดยเฉพาะในด้านการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและการสนับสนุนเครื่องมือขั้นสูงอย่าง VPS และ API ซึ่งเป็นสิ่งที่ “มืออาชีพจริง ๆ” ต้องการ ในขณะที่ Exness และ IUX Markets เน้นด้านการบริการที่เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ใช้ชาวไทย ส่วน IC Markets และ Pepperstone เป็นตัวเลือกที่เน้นด้านความโปร่งใสและคุณภาพการดำเนินการเหนือระดับ

ข้อควรระวังและปัจจัยเพิ่มเติมสำหรับมืออาชีพไทยในการเลือกโบรกเกอร์ Forex

การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่เพียงแค่ “เลือกที่ดีที่สุด” แต่คือ “เลือกที่เหมาะกับคุณที่สุด” ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม:

  • สถานะทางกฎหมายของการเทรด Forex ในไทย: ยังไม่มีกฏหมายเฉพาะที่อนุญาตหรือห้ามการเทรดกับโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการควบคุมการโอนเงินออกนอกประเทศเพื่อการลงทุน [อ้างอิง: Tilleke & Gibbins] ดังนั้นจึงควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตชัดเจนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
  • การบริหารความเสี่ยงเป็นหัวใจหลัก: ไม่ว่าโบรกเกอร์ณทีนี้ จะมีสเปรดต่ำเพียงใด Leverage สูงแค่ไหน การขาดแผนบริหารความเสี่ยงก็เท่ากับการเดินไปสู่ความล้มเหลว ควรใช้ Stop Loss, Take Profit และจำกัดขนาดการซื้อขายตามเงินทุน