สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน หรือใครที่กำลังมองหาทางสงบสุขในโลกการลงทุนอันแสนผันผวนนะครับ ช่วงนี้ตลาดหุ้นเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ ครับ บางวันเขียวปี๋ บางวันแดงแจ๋ ทำเอาใจหายใจคว่ำกันเป็นแถบๆ ใช่ไหมครับ?
เพื่อนสนิทผมคนหนึ่ง ชื่อ ‘น้องปลา’ เพิ่งโทรมาบ่นให้ฟังว่า “พี่คะ ตลาดแบบนี้หนูปวดหัวมากเลยค่ะ หุ้นที่หนูถืออยู่ลงเอาลงเอา มีหุ้นอะไรบ้างไหมคะ ที่พอจะช่วยให้พอร์ตหนูไม่สะบักสะอมมากนักเวลาตลาดมันแย่ๆ น่ะค่ะ?” คำถามของน้องปลา ทำให้นึกถึงคอนเซ็ปต์การลงทุนที่สำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมาทันทีครับ นั่นก็คือเรื่องของ ‘หุ้นเชิงรับ’ หรือที่ในวงการเรียกว่า Defensive Stock นั่นเองครับ
แล้วไอ้เจ้า Defensive คือ อะไรกันแน่? ทำไมถึงถูกเรียกว่าเป็นหุ้นปลอดภัย หรือบางคนก็เรียกมันว่าเป็น ‘หุ้นหลุมหลบภัย’ ล่ะ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหุ้นกลุ่มนี้แบบง่ายๆ เข้าใจได้เหมือนคุยกับเพื่อนข้างบ้านกันครับ
Defensive คือ หุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งมากๆ ครับ นึกภาพตามนะครับ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจดี๊ดี หรือแย่สุดๆ ผู้คนก็ยังต้องใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาครับ ลองคิดดูสิครับ ไม่ว่าโลกจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังต้องใช้ไฟฟ้า ต้องดื่มน้ำประปา ต้องกินข้าว ต้องซื้อยาเวลาป่วย หรือไปโรงพยาบาลใช่ไหมครับ? ธุรกิจเหล่านี้แหละครับ ที่มักจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Defensive

คุณสมบัติเด่นๆ ของหุ้น Defensive คือ ความทนทานต่อความผันผวนของตลาดสูงมากครับ ในช่วงที่ตลาดหุ้นโดยรวมกำลังดิ่งเหว หุ้น Defensive มักจะปรับตัวลงน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ เพราะความต้องการสินค้าและบริการของบริษัทยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการหรือกำไรของบริษัทค่อนข้างคงที่ ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ทรุดฮวบครับ นี่คือเหตุผลที่มันทำหน้าที่เหมือนเป็น ‘หุ้นปลอดภัย’ หรือ ‘หลุมหลบภัย’ ให้พอร์ตเราในยามที่ตลาดไม่เป็นใจครับ เหมือนเวลาพายุเข้า เราก็อยากอยู่ในบ้านที่แข็งแรงมั่นคงมากกว่าออกไปยืนกลางแจ้งใช่ไหมครับ?
ทีนี้ ถ้าถามว่า Defensive คือ หุ้นที่เหมาะกับการลงทุนตลอดเวลาเลยไหม? อันนี้ต้องบอกว่ามีทั้งข้อดีและข้อจำกัดครับ ในช่วงที่ตลาดขาลงหรือผันผวนสูง หุ้นกลุ่มนี้คือพระเอกเลยครับ ช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตได้ดีเยี่ยม ดังที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน รวมถึงพี่ทุย และ Mr. Phillip ได้เคยให้ความเห็นไว้ว่า หุ้นกลุ่มนี้มักจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า และราคาลดลงน้อยกว่าตลาดโดยรวม เหมาะมากๆ สำหรับการลงทุนในช่วงที่คาดว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงที่ยากลำบากครับ
แต่… (มีแต่ครับ) ในทางกลับกันครับ พอตลาดเริ่มฟื้นตัว เศรษฐกิจกลับมาคึกคัก หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่เน้นการเติบโตสูงๆ (Growth Stock) ที่กำไรพุ่งแรงตามเศรษฐกิจ มักจะให้ผลตอบแทนที่น่าตื่นเต้นกว่าครับ ราคาหุ้นวิ่งแรงกว่า ในช่วงนี้ หุ้น Defensive คือ หุ้นที่อาจจะดูน่าเบื่อไปเลย เพราะกำไรของเขาโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดดเหมือนกลุ่ม Growth ดังนั้น นักลงทุนที่หวังทำกำไรจากส่วนต่างราคามากๆ ในช่วงตลาดขาขึ้น อาจจะต้องพิจารณา ‘สลับ’ เงินลงทุนออกจากหุ้น Defensive ไปหาหุ้นกลุ่มอื่นแทนครับ

นอกจากนี้ แม้ว่าหุ้น Defensive จะมีความทนทานสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลยนะครับ ปัจจัยมหภาคใหญ่ๆ ที่กระทบกับตลาดโดยรวม เช่น การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็ยังคงมีผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มนี้ได้บ้างครับ เพียงแต่อาจจะน้อยกว่าหุ้นในอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากกว่าครับ
แล้วเราจะเลือกหุ้น Defensive คือ ตัวไหนดีล่ะ ในเมื่อมีตั้งหลายบริษัทในตลาดหุ้น? การคัดเลือกหุ้นกลุ่มนี้ก็มีหลักเกณฑ์ที่นักลงทุนสายพื้นฐานนิยมใช้กันครับ ไม่ใช่แค่ดูว่าบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็น Defensive แล้วจะดีหมดนะครับ ต้องดูสุขภาพทางการเงินของบริษัทด้วยครับ
เกณฑ์สำคัญๆ ที่เราควรพิจารณา เช่น:
1. **ขนาดของบริษัท:** มักจะเป็นบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ครับ เช่น อยู่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 หรือมี Market Capitalization (มูลค่าตามราคาตลาด) สูงพอสมควร อย่างเช่น เกิน 8,000 ล้านบาท ขึ้นไปครับ เพราะบริษัทใหญ่ๆ มักจะมีความมั่นคงกว่า มีสายป่านยาวกว่า
2. **ความผันผวนของราคาต่ำ:** ดูได้จากค่า Beta ครับ ถ้าค่า Beta ต่ำกว่า 1 แปลว่าราคาหุ้นของบริษัทนี้ขึ้นลงน้อยกว่าดัชนีตลาดโดยรวมครับ ถือเป็นคุณสมบัติเด่นของหุ้น Defensive เลย
3. **หนี้สินต่ำ:** บริษัทที่แข็งแกร่งไม่ควรมีภาระหนี้สินเยอะเกินไปครับ ลองดูอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ถ้าต่ำกว่า 1 เท่าได้ยิ่งดีครับ เหมือนคนที่มีหนี้สินน้อยๆ ก็มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยกว่านั่นเอง
4. **กำไรสม่ำเสมอ:** อันนี้สำคัญมากๆ ครับ ต้องดูย้อนหลังไป 5 ปี หรือ 10 ปีได้ยิ่งดี ว่าบริษัทมีกำไรมาตลอดไหม หรือมีบางปีที่ขาดทุนหนักๆ รึเปล่า หุ้น Defensive คือ หุ้นที่กำไรควรจะค่อนข้างคงที่หรือเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างสม่ำเสมอครับ
5. **จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ:** หุ้นกลุ่มนี้มักจะเป็นหุ้นที่เน้นจ่ายเงินปันผลคืนผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอครับ ยิ่งถ้ามีประวัติจ่ายปันผลต่อเนื่องมาเป็น 10 ปี ยิ่งแสดงถึงความมั่นคงของกระแสเงินสดและนโยบายบริษัทครับ การได้เงินปันผลเป็นเหมือนผลตอบแทนประจำที่เราได้รับครับ
6. **ราคาไม่แพงเกินไป:** แม้จะเป็นหุ้นดีแค่ไหน ถ้าซื้อตอนที่ราคาแพงมากๆ ก็อาจจะไม่คุ้มครับ ลองดูจากอัตราส่วน P/E Ratio (ราคาต่อกำไร) หรือ P/BV Ratio (ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี) เป็นตัวช่วยประเมินครับ ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่า P/E ไม่ควรเกิน 15 เท่า หรือ P/BV ไม่ควรเกิน 1.5-2 เท่า เพื่อให้มี ‘ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety)’ ครับ
คุณสมบัติทางการเงินเหล่านี้สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยม (ที่ทำให้สร้างกำไรได้ในทุกภาวะ) และการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ ซึ่งล้วนเป็นหัวใจหลักของหุ้น Defensive คือ หุ้นที่เน้นความมั่นคงครับ
นอกจากกลุ่มสาธารณูปโภค อาหารและเครื่องดื่ม โรงพยาบาลและยา ที่เรายกตัวอย่างไปแล้ว บางทีหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐก็อาจมีลักษณะคล้าย Defensive ในช่วงเวลาหนึ่งได้เหมือนกันนะครับ

สำหรับนักลงทุนที่สนใจกลุ่มเฉพาะ อย่างเช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น Defensive ยอดนิยม ก็ต้องเจาะลึกไปอีกครับ ไม่ใช่แค่รู้ว่าเป็นโรงไฟฟ้าแล้วจะซื้อเลย ต้องดูรายละเอียดสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐ ว่าเป็นแบบไหน (เช่น Adder หรือ FiT) ระยะเวลาสัมปทานเหลืออีกกี่ปี ขนาดโรงไฟฟ้าเท่าไหร่ (IPP, SPP, VSPP) มีกำลังการผลิตรวมเท่าไหร่ วันที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อไหร่ รวมถึงนโยบายด้านพลังงานและแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ของประเทศด้วยครับ รายละเอียดพวกนี้แหละครับ ที่จะบอกถึงความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว
**กลยุทธ์การลงทุนกับหุ้น Defensive คือ อะไรบ้าง?**
ง่ายๆ เลยครับ อย่างที่บอกไปคือ มักจะเข้าไปลงทุนในช่วงที่ตลาดเริ่มดูไม่ดี หรือคาดว่าจะเข้าสู่ขาลงครับ เพื่อให้หุ้นกลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็น ‘หุ้นหลุมหลบภัย’ ช่วยลดผลกระทบจากราคาที่อาจปรับตัวลงรุนแรงในหุ้นกลุ่มอื่นครับ
พอตลาดเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น มีสัญญาณชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น ก็อาจจะพิจารณา ‘ลดสัดส่วน’ การลงทุนในหุ้น Defensive ลง เพื่อโยกย้ายเงินไปลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เติบโตเร็วกว่า เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรส่วนต่างราคาครับ
หรือบางท่านอาจจะใช้กลยุทธ์แบบ ‘ผสมผสาน’ (Balanced Strategy) คือ แบ่งพอร์ตลงทุนส่วนหนึ่งในหุ้น Defensive เพื่อให้มีความมั่นคง และอีกส่วนหนึ่งในหุ้นกลุ่มอื่นที่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อให้พอร์ตมีความสมดุลทั้งในแง่ของความเสี่ยงและผลตอบแทนครับ
สรุปนะครับ หุ้น Defensive คือ เครื่องมือที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดดูไม่แน่นอน การเข้าใจว่า Defensive คือ อะไร และเลือกหุ้นกลุ่มนี้ที่มีพื้นฐานดีจริงๆ จะช่วยให้พอร์ตลงทุนของเราแข็งแกร่งขึ้น เหมือนมีบ้านที่มั่นคงคอยคุ้มกันในยามที่พายุโหมกระหน่ำครับ
⚠️ **ข้อควรจำและคำเตือน:** แม้จะเรียกว่าหุ้นปลอดภัย แต่ ‘ไม่มีการลงทุนใดที่ไร้ความเสี่ยง 100%’ นะครับ หุ้น Defensive ก็ยังมีความเสี่ยงเฉพาะตัวของธุรกิจนั้นๆ และความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อยู่ดีครับ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวไหนก็ตาม รวมถึงหุ้น Defensive ด้วย **ต้องศึกษาข้อมูลของบริษัทนั้นๆ อย่างละเอียดรอบด้าน (Due Diligence) เสมอ** ประเมินความเสี่ยงที่คุณรับได้ และปรับให้เข้ากับเป้าหมายการลงทุนของคุณนะครับ
หากคุณเป็นนักลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวนสูง เน้นการลงทุนระยะยาว และต้องการความสม่ำเสมอของผลตอบแทน หุ้น Defensive คือ กลุ่มหุ้นที่คุณควรศึกษาและพิจารณาไว้ในพอร์ตการลงทุนครับ ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ และปลอดภัยนะครับ!