เจาะลึกเวียดนาม Index: โอกาสทอง หรือกับดักนักลงทุน?

โอ้โห ช่วงนี้ไม่ว่าจะเดินไปไหน คุยกับใคร ดูข่าวช่องไหน หรือแม้แต่ไถฟีดโซเชียล มีเดีย ก็เหมือนจะได้ยินชื่อ “เวียดนาม” บ่อยมากๆ เลยว่าไหมครับ? ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวคึกคัก สินค้าเวียดนามเริ่มมาแรง หรือแม้แต่คนไทยเองก็ไปลงทุน ไปทำธุรกิจกันเยอะแยะเต็มไปหมด จนบางทีเพื่อนฝูงรอบตัวก็เริ่มถามๆ กันแล้วว่า “พี่ๆ น้องๆ ตลาดหุ้นเวียดนามนี่มันน่าสนใจจริงเหรอ?” หรือ “ไอ้ดัชนี Vietnam index (ดัชนีเวียดนาม) ที่เขาพูดถึงกันมันคืออะไรกันแน่?” ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินรุ่นเก๋าที่เห็นตลาดมาหลายยุคหลายสมัย วันนี้เลยอยากชวนทุกคนมานั่งจิบกาแฟ (หรือกาแฟเวียดนามก็ดีนะ!) คุยกันสบายๆ ถึงเรื่องราวของตลาดหุ้นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งอาเซียนนี้กันครับ

ลองนึกภาพย้อนไปเมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน สมัยที่ตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่งจะตั้งไข่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 2543 ตอนนั้นมีบริษัทจดทะเบียนแค่ 2 แห่งเองนะครับ น้อยมากๆ เลย เทียบกับขนาดเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนั้น ถือเป็นสัดส่วนที่เล็กจิ๋วแค่ 0.2% เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าเวลาผ่านไปไม่นาน แค่สิ้นปี 2566 นี่เองนะ ข้อมูลจากหลายแหล่งบอกตรงกันว่าตลาดหุ้นเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดดสุดๆ มีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนเกือบ 2,300 แห่ง มีบริษัทหลักทรัพย์ให้บริการ 82 แห่ง แล้วมูลค่าตลาดรวมทั้งหมดพุ่งทะยานไปถึง 9.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58.1% ของ GDP เวียดนามในปี 2566 ไปแล้ว! โอ้โห จาก 0.2% กลายเป็น 58.1% นี่มันไม่ใช่แค่เติบโตธรรมดานะครับ เรียกว่าเหมือนติดเทอร์โบเลยทีเดียว

อะไรที่ทำให้เวียดนามมาแรงขนาดนี้? ผู้เชี่ยวชาญเขาวิเคราะห์กันไว้หลายมุมเลยครับ หลักๆ ก็มีเรื่องโครงสร้างประชากรที่ยังหนุ่มสาว มีกำลังซื้อ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณมหาศาล นโยบายเศรษฐกิจภาครัฐที่เปิดกว้างและส่งเสริมการลงทุนต่างชาติ รวมถึงการพัฒนาภาคบริการ เทคโนโลยี และการศึกษาอย่างรวดเร็ว ปัจจัยพวกนี้รวมกันทำให้เวียดนามกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัทและนักลงทุนต่างชาติจากทั่วโลกไปแล้วครับ ไม่แปลกใจที่คนไทยก็มองเห็นโอกาสนี้เช่นกัน

ทีนี้มาดูกันที่ “บ้าน” ของตลาดหุ้นเวียดนามกันบ้างครับ หลักๆ ก็จะมี 3 ตลาดด้วยกัน คล้ายๆ กับบ้านเราที่มี ตลท. (SET) แต่ของเวียดนามจะมีขนาดและลักษณะต่างกันนิดหน่อย
1. **ตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HOSE – โฮเซ่):** นี่คือตลาดแรกและใหญ่ที่สุดของเวียดนามครับ เหมือนเป็นตลาดหลักประจำชาติเลย ว่างั้นเถอะ หุ้นใหญ่ๆ ดังๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ข้อมูล ณ วันที่ 15 มีนาคม 2567 มีหุ้นจดทะเบียน 590 ตัว และมีกองทุน ETF (อี ที เอฟ) ที่ซื้อขายได้อีก 14 กอง รวมมูลค่าตลาดประมาณ 7.5 ล้านล้านบาท การซื้อขายที่นี่จะมี “เพดาน” และ “พื้น” ราคาประจำวันครับ คือราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงได้ไม่เกิน 7% จากราคาปิดเมื่อวาน ส่วนหุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดวันแรก จะจำกัดที่ 20% ของราคาเสนอขายหุ้นครั้งแรก หรือ IPO (ไอ พี โอ) ครับ
2. **ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (HNX – เอช เอ็น เอ็กซ์):** ตลาดนี้จะเล็กกว่าโฮเซ่หน่อยครับ เน้นไปที่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ SME (เอส เอ็ม อี) เป็นหลัก ข้อมูล ณ วันที่ 15 มีนาคม 2567 มีหุ้นจดทะเบียน 322 ตัว มูลค่าตลาดรวมประมาณ 2.1 แสนล้านบาท ที่นี่เกณฑ์การเข้าจดทะเบียนจะยืดหยุ่นกว่าโฮเซ่ครับ เช่น กำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำน้อยกว่า และเรื่องการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นต่อวัน ก็จะผ่อนคลายกว่านิดหน่อย คือขึ้นหรือลงได้ไม่เกิน 10% จากราคาปิดเมื่อวาน ส่วนหุ้นเข้าใหม่ก็ขยับได้ถึง 30% ของราคา IPO (ไอ พี โอ) ครับ
3. **UpCoM (อันลิสต์เต็ด พับลิก คอมพานี):** กระดานนี้อยู่ภายใต้การดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฮานอยครับ เป็นเหมือนเวทีกลางให้บริษัทที่ยังไม่ได้เข้าตลาดโฮเซ่หรือเอช เอ็น เอ็กซ์ ได้มาซื้อขายหุ้นกันก่อน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการระดมทุนของบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ข้อมูล ณ วันที่ 15 มีนาคม 2567 มีหุ้นซื้อขายบนกระดานนี้ถึง 868 ตัว และมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.3 ล้านล้านบาทเลยทีเดียวครับ

มาถึงพระเอกของเรา นั่นก็คือ **ดัชนี Vietnam index (VN Index)** ครับ ถ้าพูดถึงตลาดหุ้นเวียดนาม ส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงเจ้าดัชนีตัวนี้แหละ มันเปรียบเสมือน “เทอร์โมมิเตอร์” ที่ใช้วัดอุณหภูมิหรือภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HOSE) ครับ ดัชนีตัวนี้จะคำนวณจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทุกตัวที่จดทะเบียนในโฮเซ่ โดยให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด (Market Cap) ของแต่ละบริษัท พูดง่ายๆ คือ หุ้นบริษัทไหนใหญ่ มูลค่าตลาดเยอะ ก็จะมีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของดัชนี Vietnam index (VN Index) มากกว่าหุ้นตัวเล็กๆ ครับ

ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ดัชนี Vietnam index (VN Index) ปิดอยู่ที่ 1,226.30 จุด ขยับลงมานิดหน่อย -0.04% ถ้าดูช่วงราคาซื้อขายระหว่างวันก็จะเห็นว่าดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,222.30 ถึง 1,229.10 จุด แต่ถ้าย้อนไปดูในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Vietnam index (VN Index) เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1,342.91 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,073.61 จุด แสดงให้เห็นว่าตลาดก็มีความผันผวนไม่น้อยเลยนะครับ

เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ ดัชนี Vietnam index (VN Index) ก็ถือว่าปรับตัวได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ ข้อมูลจาก Investing.com บอกว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ดัชนีบวกขึ้นมา 1.39% แต่ถ้าดูตั้งแต่ต้นปี 2567 ข้อมูลจาก Trading Economics ชี้ว่าดัชนี Vietnam index (VN Index) ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 180 จุด หรือคิดเป็น 15.93% เลยนะครับ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นปีที่ค่อนข้างสดใสเลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลการวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยรวม (ดูทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน) จาก Investing.com กลับบ่งชี้เป็นสัญญาณ “ขายทันที” (Sell Immediately) นะครับ ตรงนี้ก็ต้องบอกว่าเครื่องมือวิเคราะห์แต่ละแบบก็ให้ผลต่างกัน นักลงทุนควรดูประกอบหลายๆ อย่างครับ

หุ้นตัวไหนที่มีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของ Vietnam index (VN Index) มากที่สุดในวันที่ 29 เมษายน? 3 อันดับแรกที่ขยับแล้วมีผลต่อดัชนีก็คือหุ้นธนาคารตัวใหญ่อย่าง วี ซี บี (VCB) และ บี ไอ ดี (BID) รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่าง แก๊ส (GAS) ครับ จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานมีน้ำหนักค่อนข้างมากในตลาดเวียดนามเลย

แล้วอนาคตของ Vietnam index (VN Index) ล่ะจะเป็นยังไง? ข้อมูลคาดการณ์จาก Trading Economics ชี้ว่าน่าจะไปปิดที่ 1,264.49 จุด ณ สิ้นไตรมาสนี้ และคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 1,230.67 จุด ซึ่งก็ไม่ได้หนีจากระดับปัจจุบันไปมากนักนะครับ แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามปัจจัยต่างๆ ครับ

นอกจาก Vietnam index (VN Index) แล้ว ตลาดหุ้นเวียดนามก็ยังมีดัชนีอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ดัชนี วี เอ็น 30 อินเด็กซ์ (VN30 Index) ที่รวมหุ้น 30 ตัวใหญ่ สภาพคล่องสูง คล้ายๆ เซ็ต 50 ของบ้านเรา หรือดัชนีที่จัดทำโดยสถาบันระดับโลกอย่าง MSCI Vietnam Index (เอ็ม เอส ซี ไอ เวียดนาม อินเด็กซ์) หรือ S&P Vietnam Core Index (เอส แอนด์ พี เวียดนาม คอร์ อินเด็กซ์) ซึ่งดัชนีเหล่านี้ก็มีองค์ประกอบและการคำนวณที่แตกต่างกันไปครับ อย่าง MSCI Vietnam Index (เอ็ม เอส ซี ไอ เวียดนาม อินเด็กซ์) นี่ก็จะครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางประมาณ 85% ของตลาดเลย ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2568 อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของดัชนีนี้อยู่ที่ 17.58 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 1.38% ครับ ส่วนดัชนี MVIS® Vietnam Index (เอ็ม วี ไอ เอส® เวียดนาม อินเด็กซ์) ที่เคยใช้ติดตามหุ้นเวียดนาม ตอนนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วครับ

ทีนี้มาดูข้อจำกัดที่นักลงทุนต่างชาติอย่างเราๆ ต้องรู้กันหน่อยครับ เรื่องแรกคือ **สัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Ownership Limit – FOL)** โดยทั่วไปแล้ว หุ้นส่วนใหญ่จะจำกัดสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติไว้ที่ 49% ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารจะเข้มงวดกว่าหน่อย อยู่ที่ 30% ครับ ถ้าหุ้นตัวไหนมีนักลงทุนต่างชาติถือครองเต็มเพดานแล้ว เราก็จะเข้าไปซื้อเพิ่มในตลาดไม่ได้ครับ ต้องไปหาซื้อจากนักลงทุนต่างชาติด้วยกัน ซึ่งก็อาจจะต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่าในกระดานปกติ เป็นเรื่องที่ต้องระวังเลย

อีกเรื่องคือ ตลาดหุ้นเวียดนามทั้งหมดในตอนนี้ **ยังไม่เปิดให้มีการขายชอร์ต (Short Sell)** นะครับ คือยังไม่สามารถยืมหุ้นมาขายก่อนแล้วค่อยซื้อคืนทีหลังเพื่อทำกำไรขาลงได้ และตลาดตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ค่อนข้างจำกัด ส่วนใหญ่ก็มีแค่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงดัชนี วี เอ็น 30 สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงพันธบัตรรัฐบาล และใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ที่สำรองไว้ (Covered Warrant) เท่านั้นครับ

มองภาพใหญ่ของเศรษฐกิจเวียดนามประกอบไปด้วย ก็จะเห็นว่ามีทั้งสัญญาณบวกและลบปะปนกันไปครับ ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคชี้ว่า ภาคการผลิตยังขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ยอดค้าปลีกพุ่งสูงสุดในรอบ 6 เดือน อัตราเงินเฟ้อก็เร่งตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็เติบโตในอัตราสูงสุดในรอบ 4 เดือน ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นมากถึง 51% เมื่อเทียบกับปีก่อนในเดือนพฤษภาคม และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็ยังหลั่งไหลเข้ามาต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 7.4% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

แต่ก็มีมุมที่ต้องระวังเช่นกันครับ ดุลการค้าของเวียดนามกลับมาขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และอัตราการเติบโตของ GDP ในไตรมาสแรกก็ชะลอตัวลงเล็กน้อย แม้ว่ารัฐบาลเวียดนามจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการเติบโตก็ตาม

สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามโดยตรง การซื้อผ่านกองทุน ETF (อี ที เอฟ) ที่ลงทุนในเวียดนามก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ เช่น กองทุน อี ที เอฟ แวนเอ็ค เวียดนาม (VanEck Vietnam ETF – VNM) ซึ่งกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทเวียดนาม อย่างน้อย 80% ของสินทรัพย์รวมครับ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 กองทุนนี้มีสินทรัพย์สุทธิประมาณ **400.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ** อัตราส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 0.70% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลังก็มีทั้งช่วงที่ดีและช่วงที่ปรับตัวลงนะครับ อย่างในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก็ยังติดลบอยู่เล็กน้อย การลงทุนผ่านกองทุนก็มีข้อดีตรงที่ช่วยกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายๆ ตัว แต่ก็ต้องพิจารณาค่าธรรมเนียมและผลงานย้อนหลังประกอบด้วยครับ

สรุปง่ายๆ ก็คือ ตลาดหุ้นเวียดนาม รวมถึงดัชนี Vietnam index (VN Index) เนี่ย เป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงมากๆ ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีบริษัทดีๆ น่าสนใจหลายแห่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น สัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติ และเรื่องเครื่องมือการลงทุนที่ยังไม่หลากหลายเท่าตลาดที่พัฒนาแล้วครับ แถมการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับ Vietnam index (VN Index) ล่าสุดก็ยังส่งสัญญาณให้ระวังตัวอยู่

**⚠️ คำเตือนส่งท้ายแบบตรงไปตรงมาสไตล์คอลัมนิสต์รุ่นพี่:** การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามหรือสินทรัพย์อื่นๆ ก็ตาม **มีความเสี่ยงสูงมากๆ** นะครับ ราคาผันผวนได้ตลอดเวลา และอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้เลย ถ้าใครที่เงินลงทุนไม่สูงมาก หรือเป็นเงินที่อาจจะต้องใช้ในเวลาอันใกล้ หรือยังไม่คุ้นเคยกับตลาดต่างประเทศ แนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดมากๆ ก่อนตัดสินใจนะครับ ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเอง ระดับประสบการณ์ และที่สำคัญที่สุดคือ **ระดับการยอมรับความเสี่ยง** ครับ ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามครับ อย่าเพิ่งรีบกระโดดเข้าตลาดตามกระแสโดยที่ยังไม่เข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ!