FTMO คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ไทยถึงสนใจ

FTMO เป็นบริษัทเทรดดิ้งฟาร์ม (Proprietary Trading Firm) ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนจากทั่วโลก รวมถึงนักเทรดในประเทศไทย ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินหลากหลายประเภท เช่น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัล โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทุนส่วนตัวจำนวนมาก แนวคิดหลักของ FTMO คือการค้นหานักเทรดที่มีศักยภาพและทักษะการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีวินัย เพื่อสนับสนุนให้พวกเขาสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว ด้วยชื่อเสียงที่แข็งแกร่งและความโปร่งใสในเงื่อนไขการให้ทุน FTMO จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักเทรดมืออาชีพทั่วโลก กระบวนการเริ่มต้นคือการเข้าร่วม FTMO Challenge ซึ่งเป็นการประเมินความสามารถในการเทรดและการควบคุมความเสี่ยงในรูปแบบที่เข้มงวดแต่ยุติธรรม
เจาะลึก FTMO ค่าสอบ: ราคาเท่าไหร่และมีอะไรบ้าง

ค่าสอบ FTMO หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วม” เป็นสิ่งที่นักเทรดต้องชำระเพื่อเริ่มต้นกระบวนการประเมินผล ซึ่งถือเป็นการลงทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างชัดเจนและเป็นธรรม โดยค่าใช้จ่ายนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของบัญชีที่ผู้สมัครเลือกทดสอบ ยิ่งบัญชีมีขนาดใหญ่ ค่าธรรมเนียมก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย สะท้อนถึงศักยภาพในการทำกำไรที่มากขึ้นหากผ่านเกณฑ์ ทั้งนี้ ค่าสอบนี้เป็นการชำระเพียงครั้งเดียว และครอบคลุมทั้งสองขั้นตอนของกระบวนการประเมิน ได้แก่ FTMO Challenge (ขั้นที่ 1) และ Verification (ขั้นที่ 2) ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถมุ่งเน้นไปที่การเทรดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในระหว่างทาง
ตารางค่าสอบ FTMO ตามขนาดบัญชี
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ด้านล่างนี้คือตารางแสดงค่าธรรมเนียมโดยประมาณตามขนาดบัญชีที่ใช้ในการสมัคร (โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ FTMO เนื่องจากราคาอาจมีการปรับเปลี่ยน):
| ขนาดบัญชี (USD) | ค่าสอบ (EUR) |
| :————- | :———— |
| $10,000 | 155 |
| $25,000 | 250 |
| $50,000 | 345 |
| $100,000 | 540 |
| $200,000 | 1,080 |
*หมายเหตุ: ค่าสอบจะถูกเรียกเก็บเป็นสกุลเงินยูโร (EUR) และระบบจะแปลงเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของคุณโดยอัตโนมัติในช่วงชำระเงิน ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้น
วิธีชำระค่าสอบ FTMO

FTMO ให้ความสำคัญกับความสะดวกของผู้ใช้บริการทั่วโลก จึงเปิดให้ชำระค่าธรรมเนียมผ่านหลายช่องทาง ซึ่งเหมาะกับนักเทรดชาวไทยที่ต้องการความรวดเร็วและปลอดภัย โดยช่องทางหลักที่รองรับมีดังนี้:
- บัตรเครดิต/เดบิต: Visa และ Mastercard เป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุด เนื่องจากดำเนินการได้ทันที ไม่มีความล่าช้า และใช้งานง่าย
- การโอนเงินผ่านธนาคาร (Bank Wire Transfer): แม้จะมีความปลอดภัยสูง แต่มักใช้เวลานานกว่า 3-5 วันทำการ และอาจมีค่าธรรมเนียมแฝงจากธนาคารต้นทางหรือปลายทาง
- Skrill / Neteller: กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ยอดนิยมที่นักเทรดใช้กันทั่วไป ให้ความเร็วในการทำธุรกรรมและรองรับหลายภาษา
- PayPal: หนึ่งใน e-wallet ที่เชื่อถือได้ แม้บางครั้งอาจมีข้อจำกัดเรื่องการแปลงสกุลเงิน
- สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency): FTMO รองรับการชำระด้วย Bitcoin, Ethereum และ Litecoin ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักเทรดที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความเร็วในการยืนยันธุรกรรม
สำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทย การใช้บัตรเครดิตหรือการชำระผ่านสกุลเงินดิจิทัล ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบและยืนยันบัญชีทำได้ภายในไม่กี่นาที ในขณะที่การโอนผ่านธนาคารอาจมีอุปสรรคจากค่าธรรมเนียมที่สูงและเวลาดำเนินการที่นานกว่า
FTMO คืนค่าสอบ ได้จริงหรือ? เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้
คำถามที่หลายคนตั้งใจรอคำตอบมากที่สุดคือ “จ่ายเงินไปแล้ว ได้คืนไหม?” และคำตอบคือ ได้คืนจริง 100% — แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้สูญเปล่า ค่าสอบที่คุณชำระไปจะถูกคืนก็ต่อเมื่อคุณ:
- ผ่านทั้งสองขั้นตอนของ FTMO Challenge: ทั้งขั้น Challenge และขั้น Verification ต้องสำเร็จตามเงื่อนไขทุกประการ เช่น ไม่เกินขีดจำกัดการขาดทุนรายวัน (Maximum Daily Loss) หรือขาดทุนรวม (Maximum Loss)
- ได้รับเงินปันผลกำไรครั้งแรก: หลังจากที่คุณผ่านการประเมินแล้ว คุณจะได้รับบัญชีเทรดจริงจาก FTMO และเมื่อคุณเริ่มทำกำไรและสามารถถอนเงินปันผลครั้งแรกได้ ค่าสอบทั้งหมดจะถูกคืนพร้อมกับการจ่ายผลตอบแทนนั้น
นี่คือกลไกที่ช่วยลดความเสี่ยงของนักเทรดและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมมุ่งมั่นอย่างแท้จริง เพราะถือเป็นการ “ลงทุนคืนทุน” ที่ไม่ใช่แค่ได้ทุนเทรด แต่ยังได้เงินกลับมาด้วย ความโปร่งใสในจุดนี้ทำให้ FTMO แตกต่างจากบริษัท Prop Firm หลายแห่งที่ไม่คืนค่าธรรมเนียมแม้จะผ่านทุกขั้นตอน คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไขการคืนเงินได้จากเว็บไซต์ทางการของ FTMO
กลยุทธ์พิชิต FTMO Challenge และรับค่าสอบคืน
การผ่าน FTMO Challenge ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมหากคุณเตรียมตัวมาดี ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมและการจัดการอารมณ์อย่างมีวินัย โอกาสในการสำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ต่อไปนี้คือแนวทางที่นักเทรดประสบความสำเร็จมักใช้:
- วางแผนการเทรดอย่างชัดเจน: กำหนดกลยุทธ์การเข้า-ออก คู่สกุลเงินที่เน้น ไทม์เฟรมที่ใช้ และกฎการบริหารความเสี่ยงให้ชัดเจน การมีแผนที่ชัดเจนช่วยป้องกันการตัดสินใจตามอารมณ์
- จัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด: นี่คือหัวใจสำคัญของ FTMO Challenge คุณต้องรักษาระดับ Maximum Daily Loss และ Maximum Loss ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ทุกวัน การตั้ง Stop Loss ทุกครั้งจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
- อย่าโลภ อย่าเร่งรีบ: เป้าหมายกำไรที่ FTMO ตั้งไว้ไม่สูงเกินไป เพียง 10% ใน Challenge และ 5% ใน Verification การสะสมกำไรเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอดีกว่าการพยายามทำกำไรก้อนใหญ่ในวันเดียว ซึ่งมักนำไปสู่ความล้มเหลว
- เชี่ยวชาญแพลตฟอร์มที่ใช้: ไม่ว่าจะเป็น MetaTrader 4/5 หรือ cTrader การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ อินดิเคเตอร์ และการบริหารคำสั่งซื้อขายอย่างคล่องตัว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
- ศึกษาเงื่อนไข FTMO อย่างละเอียด: ก่อนเริ่ม Challenge ควรอ่านกฎทุกข้อให้ครบ ทั้งเรื่องการเทรดช่วงข่าว (News Trading) ข้อจำกัดด้าน Lot Size และข้อห้ามต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดสิทธิ์โดยไม่จำเป็น
ข้อผิดพลาดที่ทำให้เสียค่าสอบ FTMO
จากการสังเกตในกลุ่มเทรดเดอร์ไทย โดยเฉพาะในชุมชนออนไลน์อย่าง Pantip มีข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและนำไปสู่การล้มเหลวในการสอบ ได้แก่:
- Overtrading: การเปิดคำสั่งซื้อขายบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หรือการเปิดเพื่อ “แก้แค้น” หลังขาดทุน ซึ่งมักทำให้เกินขีดจำกัดความเสี่ยง
- ไม่ใช้ Stop Loss: การไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน หรือตั้ง Lot Size ใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับขนาดบัญชี ทำให้ความเสี่ยงสะสมสูงขึ้นเรื่อยๆ
- คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป: ต้องการผ่าน Challenge ภายในไม่กี่วัน หรือคาดว่าจะได้กำไรหลักแสนในบัญชี $10,000 ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด
- ขาดความรู้พื้นฐาน: การเทรดโดยไม่เข้าใจแนวโน้มตลาด เทคนิคการวิเคราะห์ หรือปัจจัยพื้นฐาน ทำให้การตัดสินใจไร้เหตุผล
- เลือกบัญชีใหญ่เกินตัว: แม้ค่าสอบบัญชี $100,000 จะดูน่าสนใจ แต่หากยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ความกดดันในการควบคุมความเสี่ยงจะสูงเกินไป
เปรียบเทียบ FTMO ค่าสอบ กับ Prop Firm อื่นๆ และ Moneta Markets
เมื่อพิจารณาเส้นทางสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ การเข้าร่วมกับ Prop Firm หรือเทรดกับโบรกเกอร์โดยตรง คือสองแนวทางหลักที่นักลงทุนเลือกใช้ บทความนี้จะมาเปรียบเทียบ FTMO กับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน และโบรกเกอร์ระดับโลกอย่าง Moneta Markets เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมชัดเจนยิ่งขึ้น
FTMO เทียบกับ Prop Firm อื่นๆ:
บริษัทเทรดดิ้งฟาร์มอื่นๆ เช่น The Funded Trader หรือ MyForexFunds (ที่ปิดตัวแล้ว) ก็มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมและการประเมินคล้ายกัน แต่ FTMO โดดเด่นในด้านความน่าเชื่อถือ ระบบการจ่ายเงินที่ตรงเวลา และการสื่อสารที่โปร่งใส ทำให้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักเทรดทั่วโลก ข้อดีของ Prop Firm คือการเข้าถึงทุนจำนวนมากด้วยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ค่อนข้างต่ำ แต่ก็แลกมากับกฎระเบียบที่เข้มงวดและแรงกดดันจากการ “สอบ”
Moneta Markets – ทางเลือกสำหรับเทรดเดอร์อิสระ:
ในทางตรงกันข้าม Moneta Markets เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่เน้นความยืดหยุ่นและอิสระในการเทรด โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ “Challenge” หรือจ่ายค่าสอบใดๆ คุณสามารถเปิดบัญชีด้วยทุนตัวเองและเริ่มเทรดได้ทันที ข้อได้เปรียบที่สำคัญ ได้แก่:
- การกำกับดูแลระดับโลก: Moneta Markets ได้รับใบอนุญาตจาก Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร หน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดและมีชื่อเสียงสูงที่สุดในอุตสาหกรรมการเงิน การมี FCA รับรอง หมายถึง ความปลอดภัยของเงินทุนและโปร่งใสในทุกขั้นตอน
- ความน่าเชื่อถือระดับนานาชาติ: การเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการของ Atlético Madrid บ่งบอกถึงเสถียรภาพทางการเงินและภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งในเวทีโลก
- ระบบ Copy Trading ที่พัฒนาเอง: ช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถคัดลอกกลยุทธ์จากเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นเครื่องมือเรียนรู้ที่ทรงพลัง
- ไม่มีความกดดันจากการสอบ: คุณสามารถทดลองกลยุทธ์ บริหารความเสี่ยง และพัฒนาทักษะโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตัดสิทธิ์จากข้อผิดพลาดเพียงครั้งเดียว
หากคุณเป็นนักเทรดที่ต้องการความมั่นคงสูง ควบคู่กับการกำกับดูแลที่เข้มงวด และไม่ต้องการความกดดันจาก “การสอบ” Moneta Markets อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่ถ้าคุณมีวินัย มีแผนการเทรดชัดเจน และต้องการเข้าถึงทุนจำนวนมากโดยใช้ทุนตัวเองน้อย FTMO ก็ยังคงเป็นเส้นทางที่คุ้มค่า ถึงแม้จะมาพร้อมกับความท้าทาย
สรุป: การลงทุนใน FTMO ค่าสอบ คุ้มค่าหรือไม่?
การจ่ายค่าสอบ FTMO ถือเป็นการลงทุนในทักษะและความสามารถของตนเอง หากคุณมีความชำนาญในการเทรด มีวินัย และเข้าใจหลักบริหารความเสี่ยงอย่างถ่องแท้ การลงทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างมาก เพราะคุณจะได้เข้าถึงทุนจริงในมูลค่าหลายหมื่นดอลลาร์โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองเต็มจำนวน ยิ่งไปกว่านั้น ค่าธรรมเนียมยังสามารถ คืนได้ 100% หากรอบเงื่อนไขครบถ้วน ทำให้ความเสี่ยงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า “ไม่มีทางลัด” ในการประสบความสำเร็จ การผ่าน FTMO Challenge ต้องใช้ทั้งความรู้ วินัย และการวางแผนที่ดี การประเมินตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า คุณพร้อมจะเผชิญกับความกดดันหรือไม่ คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ การศึกษาเงื่อนไขการคืนเงิน การวางแผนการเทรด และการฝึกฝนในบัญชีทดลองให้คล่องตัว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการผ่านทุกขั้นตอนและก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ได้รับทุนสนับสนุนอย่างแท้จริง
FTMO ค่าสอบ คืนได้จริงหรือไม่ และมีเงื่อนไขอย่างไร?
ใช่, ค่าสอบ FTMO สามารถคืนได้จริง 100% โดยมีเงื่อนไขว่าคุณจะต้องผ่าน FTMO Challenge ทั้งสองขั้นตอน (Challenge และ Verification) สำเร็จ และได้รับเงินปันผลกำไรครั้งแรกจากบัญชี FTMO Account ของคุณ
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการสอบผ่าน FTMO เพื่อรับเงินคืน?
ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความสามารถและกลยุทธ์การเทรดของคุณ FTMO Challenge มีระยะเวลาขั้นต่ำ 4 วันทำการสำหรับ Challenge และ 4 วันทำการสำหรับ Verification หากคุณทำกำไรถึงเป้าหมายและไม่ละเมิดกฎ คุณก็สามารถผ่านได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการถอนกำไรครั้งแรกเพื่อรับค่าสอบคืนด้วย
หากสอบไม่ผ่าน FTMO จะเสียค่าสอบไปเลยใช่ไหม?
ใช่ หากคุณไม่สามารถผ่าน FTMO Challenge ได้ตามกฎและเงื่อนไขที่กำหนด คุณจะเสียค่าสอบไปโดยไม่มีการคืนเงิน อย่างไรก็ตาม คุณมีโอกาสที่จะซื้อ Challenge ใหม่ได้
มีวิธีการชำระค่าสอบ FTMO แบบไหนที่สะดวกที่สุดสำหรับคนไทย?
สำหรับคนไทย วิธีที่สะดวกที่สุดมักจะเป็นการชำระผ่านบัตรเครดิต/เดบิต (Visa, Mastercard) หรือการใช้สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ซึ่งดำเนินการได้รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมที่ชัดเจน
ค่าสอบ FTMO แตกต่างจาก Prop Firm อื่นๆ อย่างไร?
โดยรวมแล้ว ค่าสอบของ FTMO มีโครงสร้างคล้ายกับ Prop Firm ชั้นนำอื่นๆ แต่ FTMO มีชื่อเสียงที่ดีในเรื่องความน่าเชื่อถือและการจ่ายเงินที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ เงื่อนไขการคืนค่าสอบเมื่อผ่าน Challenge และได้รับเงินปันผลกำไรครั้งแรกก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้ FTMO น่าสนใจ
เคล็ดลับการบริหารความเสี่ยงเพื่อผ่าน FTMO Challenge คืออะไร?
เคล็ดลับสำคัญคือการปฏิบัติตามกฎ Maximum Daily Loss และ Maximum Loss อย่างเคร่งครัด ควรตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง, จำกัด Lot Size ให้เหมาะสมกับขนาดบัญชี, และไม่ Overtrading การมีวินัยและแผนการเทรดที่ชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
FTMO รองรับแพลตฟอร์มการเทรดใดบ้าง?
FTMO รองรับแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมอย่าง MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และ cTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานในอุตสาหกรรม Forex
เทรดเดอร์ไทยที่เคยสอบ FTMO มีประสบการณ์อย่างไรบ้าง?
จากบทสนทนาในเว็บบอร์ดอย่าง Pantip เทรดเดอร์ไทยหลายคนมีทั้งประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะเน้นย้ำถึงวินัย, การบริหารความเสี่ยง, และการมีแผนการเทรดที่ชัดเจน ส่วนผู้ที่ล้มเหลวมักเกิดจากความโลภ, Overtrading, หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎของ FTMO
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับค่าสอบ FTMO ควรติดต่อใคร?
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับค่าสอบหรือเงื่อนไขอื่นๆ ของ FTMO คุณควรติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ FTMO โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของพวกเขา พวกเขามีทีมงานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและตอบคำถามต่างๆ