หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ: คู่มือฉบับสมบูรณ์! เลือกแบบไหนสร้างผลตอบแทนสูงสุดในตลาดหุ้นไทย

บทนำ: ทำไมต้องเข้าใจหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ?

Illustration: Investor choosing between common and preferred stock paths, Thai market, aiming for wealth.

การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่แค่การซื้อและรอให้มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่เป็นกระบวนการตัดสินใจที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง “หุ้น” ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่ามีรูปแบบเดียว ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว หุ้นมีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มาพร้อมกับสิทธิ ผลตอบแทน และระดับความเสี่ยงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การแยกแยะความแตกต่างระหว่าง หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ จึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกเครื่องมือการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายของตนเองอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาผลตอบแทนระยะยาว การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัท หรือต้องการรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้

หุ้นสามัญ (Common Stock) คืออะไร? สิทธิและลักษณะสำคัญที่ควรรู้

Illustration: Investor with common stock, representing company ownership, voting rights, and high growth potential.

หากพูดถึงหุ้นที่นักลงทุนทั่วไปสัมผัสบ่อยที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คำตอบคงหนีไม่พ้น “หุ้นสามัญ” ซึ่งเป็นหุ้นที่สะท้อนการเป็นเจ้าของบริษัทอย่างแท้จริง ทุกครั้งที่คุณซื้อหุ้นสามัญ คุณไม่ได้แค่ซื้อกระดาษหรือตัวเลขในแอปพลิเคชัน แต่คุณกำลังกลายเป็น “เจ้าของร่วม” ของบริษัทแห่งนั้น แม้จะเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยก็ตาม

คำจำกัดความและสถานะในบริษัท

หุ้นสามัญคือตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทเพื่อระดมทุน โดยการถือครองหุ้นนี้ทำให้ผู้ลงทุนกลายเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในบริษัท ไม่ว่าจะในด้านผลกำไรหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น ทุนเรือนหุ้นที่บริษัทประกาศไว้ในงบดุล ส่วนใหญ่ก็มาจากการออกหุ้นสามัญนี่เอง ความเป็นเจ้าของนี้ไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงนามธรรม แต่มันมาพร้อมกับสิทธิบางประการที่นักลงทุนควรรู้และใช้ให้เป็นประโยชน์

สิทธิในการออกเสียงและการควบคุมบริษัท

หนึ่งในสิทธิพิเศษที่ทำให้หุ้นสามัญแตกต่างจากหุ้นประเภทอื่น คือ “สิทธิออกเสียง” หรือที่เรียกกันว่าสิทธิลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยปกติแล้ว หุ้นหนึ่งหุ้นจะมีหนึ่งเสียง ซึ่งหมายความว่า ยิ่งคุณถือหุ้นมากเท่าไร คุณก็ยิ่งมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้นเท่านั้น

สิทธินี้ครอบคลุมเรื่องสำคัญหลายประการ เช่น การเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัท การอนุมัติงบการเงินประจำปี หรือแม้แต่การควบรวมกิจการ แม้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงบริษัทได้ทันที แต่การมีเสียงหนึ่งเสียงก็ยังหมายถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่หุ้นบุริมสิทธิไม่มี

โอกาสในการรับเงินปันผลและส่วนต่างราคา

ผลตอบแทนจากหุ้นสามัญสามารถแบ่งออกเป็นสองช่องทางหลัก ได้แก่ เงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างราคา

เงินปันผลคือส่วนแบ่งของกำไรที่บริษัทตัดสินใจจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จ่ายปันผล และไม่ใช่ทุกปีที่บริษัทจะจ่าย ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและนโยบายการจ่ายเงินปันผลของคณะกรรมการบริษัท บริษัทที่เน้นการเติบโตอาจเลือกนำกำไรไปลงทุนต่อ แทนที่จะจ่ายเป็นปันผล

อีกช่องทางหนึ่งคือ “ส่วนต่างราคา” หรือกำไรจากการขายหุ้นที่เพิ่มขึ้น เช่น ซื้อที่ 100 บาท แล้วขายได้ 130 บาท กำไร 30 บาทนี้มาจากการที่ตลาดให้มูลค่าบริษัทสูงขึ้น ซึ่งมักเกิดจากปัจจัยเช่น การเติบโตของรายได้ กำไรเพิ่มขึ้น หรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดีขึ้น

ความเสี่ยงและผลตอบแทนของหุ้นสามัญ

หุ้นสามัญถูกจัดอยู่ในประเภทสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับทั้งปัจจัยภายในบริษัท เช่น ผลการดำเนินงาน และปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน หรืออัตราแลกเปลี่ยน

ในทางกลับกัน ความเสี่ยงที่สูงนี้ก็มาพร้อมกับศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน หากคุณสามารถเลือกบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง ทีมบริหารมีวิสัยทัศน์ และอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต หุ้นสามัญสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทประสบปัญหาจนต้องเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับการชดเชย หลังจากเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับชำระครบถ้วนแล้ว บางครั้งก็อาจไม่เหลืออะไรให้เลย นี่คือความเสี่ยงที่ต้องตระหนักเสมอ

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คืออะไร? ความมั่นคงและสิทธิพิเศษที่แตกต่าง

Illustration: Investor with preferred stock, showing stable fixed dividends, claim priority, no voting rights.

หุ้นบุริมสิทธิอาจไม่เป็นที่คุ้นหูนักลงทุนทั่วไปเท่าหุ้นสามัญ แต่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารายได้ที่แน่นอนและมีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยลักษณะของหุ้นประเภทนี้อยู่ระหว่างหุ้นกับพันธบัตร จึงถูกเรียกว่าเป็น “ตราสารกึ่งทุนกึ่งหนี้”

คำจำกัดความและลักษณะพิเศษ

หุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นที่บริษัทออกเพื่อระดมทุนในรูปแบบที่ให้ความสำคัญกับ “ความมั่นคง” มากกว่า “การเติบโตของมูลค่า” ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับการรับรองสิทธิในด้านผลตอบแทนและการคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัย

แม้จะอยู่ในหมวด “ทุน” ในงบการเงิน แต่ลักษณะการจ่ายผลตอบแทนของหุ้นบุริมสิทธิคล้ายกับการจ่ายดอกเบี้ยของพันธบัตร คือมีอัตราที่แน่นอนและจ่ายเป็นประจำ เช่น ปีละ 5% ของมูลค่าหุ้น

สิทธิในการรับเงินปันผลก่อนใคร

จุดเด่นที่สุดของหุ้นบุริมสิทธิคือ “ลำดับความสำคัญในการรับปันผล” ถ้าบริษัทมีกำไรและตัดสินใจจ่ายเงินปันผล ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับก่อนผู้ถือหุ้นสามัญเสมอ โดยมักจะได้รับในอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

ที่น่าสนใจคือ หุ้นบุริมสิทธิบางประเภทเป็น “หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม” ซึ่งหมายความว่า ถ้าบริษัทไม่สามารถจ่ายปันผลในปีใดปีหนึ่งได้ ปันผลที่ค้างอยู่จะถูกสะสมไว้ และต้องจ่ายให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิให้ครบก่อนที่จะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นสามัญในอนาคต ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น

การเรียกร้องสินทรัพย์เมื่อเลิกกิจการ

ในกรณีที่บริษัทต้องเลิกกิจการ ลำดับการชำระหนี้จะมีความชัดเจน หุ้นบุริมสิทธิจะอยู่เหนือหุ้นสามัญ แต่ยังคงอยู่ภายใต้เจ้าหนี้ เช่น ธนาคารหรือผู้ถือหุ้นกู้

กล่าวคือ หลังจากเจ้าหนี้ทั้งหมดได้รับชำระแล้ว สินทรัพย์ที่เหลือจะถูกใช้ในการชำระให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งอาจได้รับคืนตามมูลค่าที่ตราไว้ จากนั้นหากยังเหลืออยู่ จึงจะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นสามัญ ซึ่งมักจะได้รับเพียงเล็กน้อย หรือไม่ได้อะไรเลย

ประเภทของหุ้นบุริมสิทธิ

หุ้นบุริมสิทธิไม่ได้มีเพียงแบบเดียว แต่มีหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่แตกต่างกัน ได้แก่:

  • หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ: ผู้ถือสามารถแปลงหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้ในอนาคต ตามอัตราส่วนที่กำหนด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้รับทั้งปันผลที่มั่นคงและโอกาสเติบโตของราคาหุ้นสามัญ
  • หุ้นบุริมสิทธิไถ่ถอนได้: บริษัทมีสิทธิ์ซื้อคืนหุ้นนี้จากผู้ถือได้ในอนาคต ตามราคาที่กำหนด ซึ่งอาจมีข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในขณะนั้น
  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม: ปันผลที่ค้างจ่ายจะถูกสะสมและต้องจ่ายให้ครบก่อนจ่ายให้หุ้นสามัญ
  • หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม: ถ้าไม่ได้จ่ายปันผลในปีนั้น นักลงทุนจะไม่สามารถเรียกร้องย้อนหลังได้

ข้อจำกัด: ไม่มีสิทธิออกเสียง

ข้อเสียหลักของหุ้นบุริมสิทธิคือการ “ไม่มีสิทธิออกเสียง” หรือไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งหมายความว่า แม้คุณจะถือหุ้นบริษัท แต่คุณไม่สามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ เช่น การเปลี่ยนทีมบริหารหรือการควบรวมกิจการ

นี่คือ “ข้อแลกเปลี่ยน” ที่นักลงทุนต้องยอมรับ หากต้องการความมั่นคงของรายได้และสิทธิลำดับก่อนในการรับชำระ ต้องแลกกับการเสียสิทธิ์ในการมีเสียงในบริษัท

เปรียบเทียบหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ: ความแตกต่างที่สำคัญ

เพื่อให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน ตารางด้านล่างสรุปความแตกต่างหลักระหว่างหุ้นสองประเภทนี้ในหลายมิติที่นักลงทุนควรพิจารณา: