NFP คืออะไร? (Non-Farm Payrolls) – ข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ที่สั่นสะเทือนตลาดโลก

รายงาน Non-Farm Payrolls หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า NFP เป็นหนึ่งในข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกจับตามากที่สุดในโลก จัดทำและเผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics – BLS) ทุกเดือน รายงานนี้เผยให้เห็นจำนวนการจ้างงานใหม่ในภาคส่วนที่ไม่ใช่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยนักลงทุน นักวิเคราะห์ และโดยเฉพาะเทรดเดอร์ในตลาด Forex และทองคำต่างเฝ้ารอข้อมูลชุดนี้ด้วยความตั้งใจ เพราะผลของมันสามารถเปลี่ยนทิศทางตลาดการเงินทั่วโลกได้ภายในไม่กี่วินาที การเคลื่อนไหวของดอลลาร์ ราคาทองคำ หรือดัชนีหุ้นหลัก มักสะท้อนปฏิกิริยาโดยตรงต่อตัวเลข NFP ที่ออกมา
คำจำกัดความของ NFP และส่วนประกอบสำคัญ

NFP หรือ Non-Farm Payrolls หมายถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งครอบคลุมแรงงานในภาคเอกชนและภาครัฐที่ไม่ใช่เกษตรกร เช่น แรงงานในโรงงาน สำนักงาน พนักงานค้าปลีก ผู้ให้บริการ รวมถึงภาคการก่อสร้างและบริการสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ไม่รวมแรงงานในภาคเกษตรกรรม พนักงานบ้าน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และข้าราชการระดับรัฐบาลกลาง ทำให้ NFP สะท้อนภาพรวมของตลาดแรงงานในภาคเศรษฐกิจหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ
รายงานนี้อิงข้อมูลจากการสำรวจสถานประกอบการประมาณ 142,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วยให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและกว้างขวาง นอกเหนือจากตัวเลขการจ้างงานแล้ว รายงานยังรวมข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น อัตราการว่างงาน ค่าจ้างเฉลี่ย และการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลัง นักลงทุนสามารถตรวจสอบรายงานฉบับเต็มและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Bureau of Labor Statistics (BLS) ซึ่งอัปเดตข้อมูลทุกเดือนอย่างเป็นทางการ
ทำไม NFP ถึงสำคัญต่อตลาดการเงิน

ความสำคัญของ NFP อยู่ที่มันเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่แม่นยำที่สุดของสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการบริโภคและการเติบโตของ GDP หากตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง แปลว่าบริษัทต่างๆ กำลังขยายตัว มีความเชื่อมั่น และผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้นตามไปด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve หรือ Fed) ใช้ข้อมูล NFP ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน โดยเฉพาะการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย หาก NFP ออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง Fed อาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มตามมา ในทางกลับกัน หากตัวเลขอ่อนแอ Fed อาจเลือกลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ แต่ยังส่งคลื่นสะเทือนไปยังสินทรัพย์ทั่วโลก ตั้งแต่พันธบัตร หุ้น ทองคำ ไปจนถึงสกุลเงินของประเทศเกิดใหม่ ผู้ที่สนใจกลไกการตัดสินใจของ Fed สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Board of Governors of the Federal Reserve System
ผลกระทบของ NFP ต่อตลาด Forex, ทองคำ และหุ้น
การประกาศตัวเลข NFP มักทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วง 15-30 นาทีแรกหลังข้อมูลออก นักเทรดต่างเร่งตีความข้อมูลเพื่อคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินของ Fed และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์หลักหลายประเภท
NFP กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ตอบสนองต่อ NFP อย่างรวดเร็วที่สุด
- NFP ดีกว่าคาดการณ์: เมื่อตัวเลขการจ้างงานสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ส่งผลให้ความต้องการถือครองดอลลาร์เพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์มักจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่น EUR/USD อาจร่วงลง หรือ USD/JPY อาจพุ่งขึ้น
- NFP แย่กว่าคาดการณ์: หากตัวเลขต่ำกว่าที่คาด บ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่อ่อนแอ เศรษฐกิจอาจชะลอตัว ทำให้ความเชื่อมั่นในดอลลาร์ลดลง และมูลค่าของสกุลเงินนี้อ่อนตัวลงตามมา
NFP และราคาทองคำ
ราคาทองคำมีความสัมพันธ์ย้อนแย้งกับค่าเงินดอลลาร์และตัวเลข NFP โดยทั่วไป
- NFP ดีกว่าคาดการณ์: เมื่อดอลลาร์แข็งค่าและเศรษฐกิจแข็งแรง นักลงทุนมักหันไปสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ความต้องการทองคำ ซึ่งไม่ให้ดอกเบี้ย ลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำมักปรับตัวลดลง
- NFP แย่กว่าคาดการณ์: ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน ทองคำถูกมองว่าเป็นที่พักเงินที่ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) นักลงทุนจึงแห่ซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงพร้อมกัน
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ
NFP ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น ดัชนี S&P 500 หรือ Dow Jones โดยตรง ตัวเลขที่ดีมักทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น เนื่องจากสะท้อนว่าบริษัทต่างๆ กำลังเติบโตและมีแนวโน้มทำกำไรได้ดี อย่างไรก็ตาม หาก NFP แข็งแกร่งเกินไป จนทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น อาจส่งผลลบต่อหุ้นในระยะยาว เพราะต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นและอัตราส่วนลดสินค้า (P/E Ratio) ลดลง
นอกจากนี้ NFP ยังมีผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ เพราะตัวเลขการจ้างงานที่ดีบ่งชี้ถึงความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมและการขนส่ง ซึ่งอาจหนุนราคาให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะสั้น
การวิเคราะห์และตีความข้อมูล NFP: สิ่งที่นักเทรดต้องรู้
การติดตาม NFP ไม่ใช่แค่รอตัวเลขการจ้างงานออกมา แต่ต้องเข้าใจบริบทและความหมายของข้อมูลทั้งชุด รวมถึงรู้วิธีเปรียบเทียบกับความคาดหวังของตลาดและแนวโน้มในอดีต
กำหนดการประกาศ NFP และแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
รายงาน NFP ประกาศทุกวันศุกร์แรกของเดือน เวลา 08:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ ฝั่งตะวันออก (EST) ซึ่งตรงกับเวลาประมาณ 19:30 น. หรือ 20:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาออมแสง (Daylight Saving Time) ที่สหรัฐฯ ใช้ นักเทรดควรติดตามปฏิทินเศรษฐกิจจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น Investing.com Economic Calendar เพื่อรับรู้ตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ว่าผลลัพธ์ที่ออกมา “ดี” หรือ “แย่” กว่าที่ตลาดคาดไว้
การอ่านและตีความตัวเลข NFP: มากกว่าแค่จำนวนงาน
การตีความ NFP ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายตัว ไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงานเพียงอย่างเดียว
- อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate): สะท้อนสัดส่วนของแรงงานที่ว่างงาน หากลดลงต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานตึงตัวและเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
- ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมง (Average Hourly Earnings): ตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ หากค่าจ้างเพิ่มขึ้นเร็ว อาจทำให้ Fed กังวลและเร่งขึ้นดอกเบี้ย
- การปรับปรุงตัวเลขย้อนหลัง (Revisions): ตัวเลขของเดือนก่อนหน้ามักถูกปรับปรุง ซึ่งอาจเปลี่ยนภาพรวมของแนวโน้มแรงงาน และมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน
นักเทรดควรเปรียบเทียบตัวเลข “จริง” กับ “คาดการณ์” และ “เดือนก่อน” เพื่อดูว่ามีแนวโน้มดีขึ้นหรือแย่ลง นอกจากนี้ การวิเคราะห์การจ้างงานรายภาค เช่น การเติบโตของภาคบริการ อาจบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวม
กลยุทธ์การเทรด NFP สำหรับนักเทรดชาวไทย
การเทรดช่วงประกาศ NFP มีทั้งโอกาสและอันตรายสูงมาก เพราะราคาสามารถเคลื่อนไหวได้ร้อยจุดในไม่กี่วินาที นักเทรดชาวไทยควรเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยแผนที่ชัดเจนและบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม
การเตรียมตัวก่อนการประกาศ NFP
การเตรียมตัวคือหัวใจสำคัญของการเทรด NFP อย่างมีประสิทธิภาพ
- ศึกษาความคาดหวังของตลาด: ทำความเข้าใจตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ และมุมมองของตลาดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit: กำหนดจุดตัดขาดทุนและทำกำไรล่วงหน้าเพื่อควบคุมความเสี่ยงและป้องกันอารมณ์เข้ามามีบทบาท
- พิจารณาการไม่เทรด: สำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่ไม่คุ้นกับความผันผวน การรอข้ามช่วงเวลานี้อาจเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่สุด
- ตรวจสอบสภาพคล่องและสเปรด: ก่อนประกาศ ควรรู้ว่าสเปรดอาจขยายตัวและสภาพคล่องลดลง ทำให้เกิด Slippage หรือ Requote ได้
กลยุทธ์การเทรดระหว่างและหลังการประกาศ
นักเทรดใช้กลยุทธ์ต่างๆ ขึ้นอยู่กับสไตล์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- Breakout Strategy: วางคำสั่งซื้อ (Buy Stop) และขาย (Sell Stop) ไว้เหนือและใต้ระดับสำคัญก่อนประกาศ รอให้ราคาทะลุและตามเทรนด์ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงจาก False Breakout และ Slippage สูง
- Fade Strategy: รอให้ราคาพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรุนแรงก่อน แล้วเข้าเทรดในทิศทางตรงข้าม โดยเชื่อว่าราคาจะปรับฐาน ต้องใช้จังหวะและประสบการณ์สูง
- Wait and See Strategy: รอให้ตลาดซึมซับข้อมูลและลดความผันผวนก่อน แล้วจึงเข้าเทรดตามแนวโน้มที่ชัดเจน ถือเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะกับนักเทรดส่วนใหญ่
การจัดการความเสี่ยงและการรับมือกับความผันผวนสูง (เน้นสำหรับนักเทรดไทย)
การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจของการอยู่รอดในการเทรด NFP โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดในประเทศไทยที่อาจเผชิญอุปสรรคเฉพาะด้าน
- หลีกเลี่ยงเลเวอเรจสูงเกินไป: เลเวอเรจช่วยขยายกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการล้างพอร์ตได้ในพริบตา โดยเฉพาะเมื่อราคาเคลื่อนไหวรุนแรง
- เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้: เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ASIC หรือ FCA มีความมั่นคงทางการเงิน และระบบเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็ว ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีบริการลูกค้าภาษาไทยและการฝากถอนที่สะดวก
- เข้าใจ Slippage และ Spread Widening: ในช่วง NFP ราคาอาจกระโดดข้ามจุดที่ตั้งไว้ และสเปรดอาจพุ่งสูงขึ้นหลายเท่า ต้องเตรียมใจและปรับแผนให้เหมาะสม
- ควบคุมอารมณ์: ความกลัวและความโลภมักบดบังการตัดสินใจ ยึดมั่นในแผนที่วางไว้ อย่าเปลี่ยนแปลงเพราะอารมณ์
- ตรวจสอบอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์ม: ปัญหาการเชื่อมต่อหรือแพลตฟอร์มล่มอาจทำให้พลาดโอกาสหรือขาดทุนได้ ควรทดสอบระบบล่วงหน้า
สรุป: NFP คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด (บทสรุปและคำแนะนำ)
Non-Farm Payrolls ไม่ใช่เพียงตัวเลขเศรษฐกิจทั่วไป แต่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีผลกระทบกว้างขวางที่สุดในปฏิทินการเงินโลก นักเทรด Forex ทองคำ และนักลงทุนทั่วไป รวมถึงชาวไทย ต่างให้ความสำคัญกับข้อมูลชุดนี้ เพราะมันเป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ตรงและลึกซึ้ง
การเข้าใจ NFP ทั้งในแง่ของความหมาย ผลกระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆ และการตีความข้อมูลอย่างรอบด้าน เป็นพื้นฐานสำคัญของการตัดสินใจลงทุนที่มีข้อมูลสนับสนุน แม้ช่วงเวลาประกาศจะเต็มไปด้วยความผันผวนและอันตราย แต่ด้วยการเตรียมตัวที่ดี การใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม และการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด นักเทรดชาวไทยสามารถเปลี่ยนความเสี่ยงนี้ให้กลายเป็นโอกาสในการทำกำไรได้
ยิ่งไปกว่านั้น NFP ไม่ใช่แค่ข้อมูลสำหรับการเทรดระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าเงินบาท ตลาดหุ้นไทย และเศรษฐกิจในประเทศในระยะยาว การติดตามและเรียนรู้ NFP อย่างต่อเนื่อง จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จในการลงทุน
NFP ย่อมาจากอะไร และเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทยอย่างไร?
NFP ย่อมาจาก Non-Farm Payrolls ซึ่งหมายถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐอเมริกา โดยตรงแล้ว NFP ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทยโดยตรง แต่เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและอาจส่งผลทางอ้อมต่อตลาดส่งออกของไทย ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทยได้ ตัวอย่างเช่น หาก NFP ดีมาก ดอลลาร์แข็งค่า อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงได้
NFP ประกาศวันไหนและเวลาเท่าไหร่ตามเวลาประเทศไทย?
NFP มักจะประกาศในวันศุกร์แรกของทุกเดือน โดยปกติจะอยู่ที่เวลา 08:30 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (EST) ซึ่งตรงกับประมาณ 19:30 น. หรือ 20:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาออมแสงของสหรัฐฯ ควรตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อยืนยันเวลาที่แน่นอน
ตัวเลข NFP ที่ดีกับไม่ดี มีผลต่อค่าเงินบาทและตลาดหุ้นไทยทางอ้อมหรือไม่?
มีผลทางอ้อมอย่างแน่นอน หาก NFP ดีและส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า เงินทุนอาจไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงประเทศไทย ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้ในบางครั้ง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง
นักเทรดชาวไทยควรเลือกโบรกเกอร์ Forex อย่างไรเพื่อเทรด NFP อย่างปลอดภัย?
นักเทรดไทยควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้ มีชื่อเสียงดี มีสภาพคล่องสูง ระบบเซิร์ฟเวอร์ที่เสถียร และมี Spread ที่แข่งขันได้ เพื่อลดความเสี่ยงจาก Slippage และ Requote ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง นอกจากนี้ ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีการสนับสนุนลูกค้าเป็นภาษาไทยและช่องทางการฝากถอนที่สะดวก
นอกจาก NFP แล้ว นักลงทุนไทยควรติดตามข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ อะไรอีกบ้าง?
นอกจาก NFP แล้ว นักลงทุนไทยควรติดตามข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ เช่น:
- อัตราเงินเฟ้อ (CPI)
- การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC Meeting Minutes)
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)
- ยอดค้าปลีก (Retail Sales)
ข้อมูลเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของ Fed และตลาดโลก
เทรด NFP มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักเทรดไทยต้องระวังเป็นพิเศษ?
ความเสี่ยงหลักคือความผันผวนของราคาที่รุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิด Slippage, Spread ที่กว้างขึ้น และการขาดทุนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากใช้เลเวอเรจสูงเกินไป นักเทรดไทยควรระวังปัญหาด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่อาจไม่เสถียร หรือปัญหาจากแพลตฟอร์มการเทรดที่ไม่สามารถรองรับปริมาณคำสั่งซื้อขายจำนวนมากได้ทันท่วงที
ถ้า NFP ล่าสุดออกมาดี นักเทรดทองคำชาวไทยควรทำอย่างไร?
หาก NFP ออกมาดีกว่าคาดการณ์ มักจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและราคาทองคำปรับตัวลดลง ในสถานการณ์เช่นนี้ นักเทรดทองคำชาวไทยอาจพิจารณา:
- ชะลอการเข้าซื้อ: รอให้ราคาปรับฐานหรือมีสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจนก่อน
- พิจารณาการขาย (Short Sell): หากมีกลยุทธ์และบริหารความเสี่ยงได้ดี
- ลดขนาดการลงทุน: เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากความผันผวน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจควรอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ที่รอบด้านและแผนการเทรดส่วนบุคคล
มีกลยุทธ์การเทรด NFP แบบไหนที่เหมาะกับนักเทรดมือใหม่ในประเทศไทย?
สำหรับนักเทรดมือใหม่ในประเทศไทยที่ต้องการเทรด NFP กลยุทธ์ที่แนะนำคือ “Wait and See Strategy” หรือการรอคอยและสังเกตการณ์ แทนที่จะรีบเข้าเทรดทันทีที่ข่าวออก ควรให้ตลาดได้ซึมซับข้อมูลและราคาเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นก่อน ค่อยพิจารณาเข้าเทรดตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นจริง วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนรุนแรงในช่วงแรก และควรเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนก่อน
Non Farm Payroll กับทองคำ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมนักเทรดไทยถึงสนใจ?
Non-Farm Payrolls และราคาทองคำมีความสัมพันธ์แบบผกผันกันเป็นส่วนใหญ่ กล่าวคือ หาก NFP ดี (ตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มักจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันให้ราคาทองคำลดลง เพราะทองคำมักถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเป็นทางเลือกเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง นักเทรดไทยสนใจความสัมพันธ์นี้มากเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมในประเทศไทย และการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่รุนแรงหลัง NFP สามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว