รหัส SWIFT คืออะไร ทำไมจึงจำเป็นต่อการโอนเงินระหว่างประเทศ

เมื่อพูดถึงการโอนเงินข้ามพรมแดน ไม่ว่าจะเพื่อการค้า ครอบครัว หรือการลงทุน การรู้จักรหัสที่ใช้ระบุตัวตนของธนาคารอย่างถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ทำให้ระบบการเงินทั่วโลกทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ SWIFT Code หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Bank Identifier Code (BIC) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเลขทะเบียนประจำตัวของธนาคารในเวทีระหว่างประเทศ
รหัสนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สถาบันการเงินทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย โดยเฉพาะในการทำธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งต้องการความถูกต้องสูงมาก หากไม่มีรหัสนี้ ระบบการเงินอาจเกิดความสับสน ล่าช้า หรือแม้แต่เงินสูญหายได้
SWIFT Code ประกอบด้วยตัวอักษร 8 หรือ 11 ตัว โดยแต่ละส่วนมีความหมายเฉพาะเจาะจง:
- 4 ตัวแรก: รหัสธนาคาร เช่น KASI สำหรับธนาคารกสิกรไทย
- 2 ตัวถัดไป: รหัสประเทศตามมาตรฐาน ISO เช่น TH สำหรับประเทศไทย
- 2 ตัวถัดไป: รหัสเมืองหรือสถานที่ตั้งของธนาคาร เช่น BK สำหรับกรุงเทพมหานคร
- 3 ตัวสุดท้าย (ไม่จำเป็น): รหัสสาขา หากไม่มีจะใช้ XXX หรือไม่ระบุ
การใช้รหัสนี้ช่วยลดความผิดพลาดในการระบุธนาคารผู้รับ และทำให้กระบวนการโอนเงินข้ามประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ระบบการเงินของแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน แต่ SWIFT ก็ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่ช่วยให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้
รหัส SWIFT อย่างเป็นทางการของธนาคารกสิกรไทยคืออะไร

สำหรับผู้ใช้บริการหรือผู้ที่ต้องการโอนเงินเข้าบัญชีที่ธนาคารกสิกรไทย รหัส SWIFT ที่ต้องใช้คือ KASITHBK ซึ่งเป็นรหัสหลักของธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร
สิ่งที่ควรทราบคือ รหัสนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะกับสำนักงานใหญ่เท่านั้น แต่สามารถใช้ได้กับทุกสาขาของธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ ไม่ว่าผู้รับจะเปิดบัญชีที่สาขาใดในประเทศไทย การโอนเงินจากต่างประเทศสามารถใช้ KASITHBK ได้ทุกกรณี โดยไม่จำเป็นต้องหาหรือระบุรหัสสาขาเพิ่มเติม
การย่อยความหมายของรหัส KASITHBK จะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น:
- KASI: ย่อมาจาก Kasikornbank
- TH: รหัสประเทศของประเทศไทย
- BK: ย่อมาจาก Bangkok หรือกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่
การใช้รหัสนี้อย่างถูกต้องจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีได้อย่างรวดเร็ว ไม่ติดขัด และไม่ถูกตีกลับจากธนาคารผู้รับ
วิธีตรวจสอบรหัส SWIFT ของธนาคารกสิกรไทย 3 ช่องทางหลักที่เชื่อถือได้

เมื่อต้องโอนหรือรับเงินจากต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมั่นใจว่าข้อมูลที่ใช้ถูกต้องและเป็นทางการ การตรวจสอบรหัส SWIFT จากแหล่งที่น่าเชื่อถือจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดที่อาจตามมา ต่อไปนี้คือ 3 วิธีหลักที่คุณสามารถใช้เพื่อยืนยันรหัส SWIFT ของธนาคารกสิกรไทยได้ด้วยตนเอง
1. ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ทางการของธนาคารกสิกรไทย
เว็บไซต์ของธนาคารคือแหล่งข้อมูลที่อัปเดตและเชื่อถือได้ที่สุด คุณสามารถเข้าไปที่ส่วนบริการระหว่างประเทศหรือบริการโอนเงินเพื่อค้นหารหัส SWIFT ได้โดยตรง ข้อมูลนี้มักถูกรวบรวมไว้ในหน้าที่เกี่ยวข้องกับการรับและส่งเงินข้ามประเทศ เพื่อความสะดวก คุณสามารถเข้าชมหน้า บริการระหว่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอน เอกสาร และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
2. ค้นหาผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS
สำหรับลูกค้าที่ใช้ K PLUS การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการรับเงินจากต่างประเทศสามารถทำได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
- เข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน K PLUS
- เลือกเมนู “ธุรกรรม” หรือ “บริการ” ที่มุมด้านล่าง
- ค้นหาหัวข้อ “รับเงินจากต่างประเทศ” หรือ “โอนเงินระหว่างประเทศ”
- ในหน้านี้ คุณจะพบข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการรับเงิน เช่น ชื่อธนาคาร เลขที่บัญชี และอาจมีลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ระบุ SWIFT Code อย่างเป็นทางการ
แม้ว่าแอปอาจไม่แสดงรหัส KASITHBK อย่างเด่นชัดในหน้าแรก แต่ข้อมูลที่ให้จะช่วยชี้ทางไปยังแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว
3. สอบถามโดยตรงที่สาขาธนาคารกสิกรไทย
หากคุณไม่แน่ใจหรือต้องการคำแนะนำแบบเห็นหน้า การเดินทางไปที่สาขาใดก็ได้ของธนาคารกสิกรไทยเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด พนักงานจะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียม ขั้นตอนการตรวจสอบยอดเงินเข้า หรือเอกสารที่อาจต้องใช้ในกรณีพิเศษ วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีดิจิทัล
คู่มือการโอนเงินระหว่างประเทศ: ใช้ SWIFT Code ของกสิกรไทยอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง
ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่งผู้ส่งหรือผู้รับ การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนและแม่นยำคือสิ่งที่ทำให้การโอนเงินข้ามประเทศสำเร็จลุล่วงโดยไม่เกิดปัญหา การใช้ SWIFT Code เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากข้อมูลอื่นๆ เช่น ชื่อบัญชีหรือเลขที่บัญชีไม่ตรงกัน ธุรกรรมก็อาจถูกระงับหรือล่าช้าได้
ข้อมูลที่ผู้ส่งเงินจากต่างประเทศต้องเตรียม
หากคุณกำลังจะส่งเงินมายังบัญชีที่ธนาคารกสิกรไทย โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีข้อมูลต่อไปนี้ครบถ้วน:
- ชื่อผู้รับ: ต้องตรงกับชื่อในสมุดบัญชีหรือบัตรประชาชนของผู้รับ และควรกรอกเป็นภาษาอังกฤษตามที่ระบุในบัญชี
- เลขที่บัญชีผู้รับ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการพิมพ์ผิด แม้เพียงตัวเดียว
- ชื่อธนาคารผู้รับ: Kasikornbank Public Company Limited
- SWIFT Code: KASITHBK
- ที่อยู่ธนาคารผู้รับ: 999 ชั้น 3 ถนนเพชรบุรี แขวงรองเมือง เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 ประเทศไทย (ซึ่งเป็นที่อยู่สำนักงานใหญ่)
การส่งข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้ธนาคารต้นทางและปลายทางตรวจสอบได้ง่าย ลดโอกาสเกิดการสอบถามเพิ่มเติมหรือการตีกลับ
สิ่งที่ผู้รับเงินในประเทศไทยควรรู้และเตรียมพร้อม
หากคุณกำลังรอรับเงินจากต่างประเทศ ควรเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยข้อควรระวังต่อไปนี้:
- ยืนยันข้อมูลกับผู้ส่ง: แจ้งชื่อ-นามสกุล เลขที่บัญชี และ SWIFT Code (KASITHBK) ให้ผู้ส่งอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดตั้งแต่ต้นทาง
- ค่าธรรมเนียม: ธนาคารอาจหักค่าธรรมเนียมการรับเงินข้ามประเทศออกจากยอดที่คุณได้รับ ควรตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมปัจจุบันที่ หน้าบริการโอนและรับเงินของธนาคารกสิกรไทย
- ระยะเวลาการโอน: โดยทั่วไปใช้เวลา 1–5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับธนาคารต้นทาง ประเทศที่ส่ง และช่วงเวลาที่ทำรายการ
- เอกสารสำหรับยอดเงินสูง: หากเป็นเงินจำนวนมาก ธนาคารอาจขอเอกสารยืนยัน เช่น ใบสัญญา ใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารแสดงความสัมพันธ์กับผู้ส่ง เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML)
- การแจ้งเตือน: คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนผ่าน K PLUS หรือ SMS เมื่อเงินเข้าบัญชี ควรตรวจสอบยอดเงินและรายละเอียดทันที
หลีกเลี่ยงความผิดพลาด: คำถามยอดนิยมและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ SWIFT Code ของกสิกรไทย
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรหัส SWIFT มักเป็นสาเหตุของปัญหาที่ไม่จำเป็น การรู้คำตอบของคำถามที่พบบ่อยจะช่วยให้คุณดำเนินการได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงได้มาก
SWIFT Code ของกสิกรไทยเหมือนกันทุกสาขาหรือไม่
ใช่ รหัส SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทยคือ KASITHBK และใช้ได้กับทุกสาขาทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องใช้รหัสแยกตามสาขา เนื่องจากระบบภายในของธนาคารสามารถจัดการการกระจายเงินไปยังบัญชีที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ แม้บางธนาคารใหญ่ในประเทศอื่นจะมีรหัสสาขาเพิ่มเติม แต่สำหรับกสิกรไทย รหัส 8 ตัวนี้เพียงพอแล้ว
ถ้ากรอก SWIFT Code ผิดจะเกิดอะไรขึ้น และควรทำอย่างไร
การกรอก SWIFT Code ผิดอาจส่งผลให้:
- การโอนเงินล่าช้า เนื่องจากระบบต้องตรวจสอบและหาธนาคารปลายทางใหม่
- เงินถูกตีกลับ หากระบบไม่สามารถระบุธนาคารได้
- ในกรณีที่ร้ายแรง เงินอาจไปเข้าบัญชีผู้รับที่ไม่ถูกต้อง หากข้อมูลชื่อและเลขบัญชีตรงกับผู้ใช้คนอื่นในธนาคารเป้าหมายที่ผิด
หากคุณสังเกตว่ากรอก SWIFT Code ผิด ควรติดต่อธนาคารที่คุณใช้ในการโอนเงิน (ธนาคารต้นทาง) ทันที เพื่อขอระงับหรือแก้ไขรายการ หากยังไม่ได้ประมวลผล การแก้ไขจะทำได้ง่าย แต่หากเงินถูกส่งไปแล้ว อาจต้องใช้เวลาและเอกสารยืนยันเพิ่มเติมในการตามเรื่อง
SWIFT Code ต่างจาก Bank Code หรือ Branch Code อย่างไร
แม้ชื่อฟังดูคล้ายกัน แต่รหัสเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ต่างกันโดยสิ้นเชิง:
- SWIFT Code: ใช้เฉพาะสำหรับธุรกรรมข้ามประเทศ ระบุธนาคารระดับสากล
- Bank Code: ใช้ภายในประเทศ เช่น รหัส 004 สำหรับธนาคารกสิกรไทย ใช้ในการโอนเงินผ่านระบบในประเทศ
- Branch Code: ใช้ระบุสาขาของธนาคารภายในประเทศ มักใช้ร่วมกับการดำเนินการที่สาขา เช่น การออกเช็คหรือการเปิดบัญชี
การใช้ Bank Code แทน SWIFT Code ในการโอนเงินต่างประเทศจะทำให้ธุรกรรมล้มเหลว หรือถูกปฏิเสธทันที จึงต้องแยกให้ชัดเจนว่าใช้รหัสไหนในบริบทใด
สรุป: โอนเงินข้ามประเทศกับกสิกรไทยได้อย่างมั่นใจด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง
การรู้และใช้ SWIFT Code อย่างถูกต้องไม่ใช่แค่ขั้นตอนหนึ่ง แต่เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนให้สำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ส่งหรือผู้รับ การตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างก่อนกดยืนยันธุรกรรมจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจตามมาได้
จดจำไว้เสมอว่า รหัส KASITHBK คือรหัสเดียวที่คุณต้องใช้สำหรับการโอนเงินมายังธนาคารกสิกรไทยในทุกกรณี การตรวจสอบจากช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ทางการ แอปพลิเคชัน K PLUS หรือการสอบถามที่สาขา จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ใช้มีความถูกต้อง ทันสมัย และปลอดภัย
ด้วยการเตรียมตัวที่ดี คุณสามารถทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องความล่าช้าหรือความผิดพลาดที่ไม่จำเป็น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
รหัส swift code ธนาคารกสิกรไทย ดูตรงไหน?
คุณสามารถดูได้จากเว็บไซต์ทางการของธนาคารกสิกรไทย, สอบถามที่สาขา หรือค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินระหว่างประเทศในแอปพลิเคชัน K PLUS
swift code กสิกร เหมือนกันทุกสาขาไหม?
ใช่ รหัส SWIFT Code ของธนาคารกสิกรไทยคือ KASITHBK ซึ่งเป็นรหัสเดียวที่ใช้ได้กับการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังทุกสาขาของธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทย
โอนเงินต่างประเทศเข้ากสิกร ต้องใช้ข้อมูลอะไรบ้าง?
- ชื่อบัญชีผู้รับ (ภาษาอังกฤษ)
- เลขที่บัญชีผู้รับ
- ชื่อธนาคารผู้รับ: Kasikornbank Public Company Limited
- SWIFT Code: KASITHBK
- ที่อยู่ธนาคารผู้รับ (สำนักงานใหญ่): 999 3rd Floor, Phetchaburi Road, Ratchathewi, Bangkok 10400, Thailand
Swift code กับ Bank code ต่างกันอย่างไร?
SWIFT Code ใช้สำหรับการระบุธนาคารในการโอนเงินระหว่างประเทศเท่านั้น ในขณะที่ Bank Code ใช้สำหรับการระบุธนาคารในการทำธุรกรรมภายในประเทศ (เช่น รหัส 004 สำหรับกสิกรไทย) ไม่สามารถใช้แทนกันได้
ถ้าใส่ swift code ผิด จะเกิดอะไรขึ้น? และแก้ไขได้อย่างไร?
หากใส่ SWIFT Code ผิด การโอนเงินอาจล่าช้า เงินอาจถูกตีกลับ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจเข้าบัญชีผิดคน หากพบข้อผิดพลาดควรรีบติดต่อธนาคารต้นทางทันทีเพื่อขอแก้ไขหรือยกเลิกการโอน
รับเงินจากต่างประเทศเข้ากสิกร เสียค่าธรรมเนียมเท่าไหร่?
โดยทั่วไป ธนาคารกสิกรไทยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการรับเงินจากต่างประเทศ โปรดตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมล่าสุดได้จาก เว็บไซต์ทางการของธนาคารกสิกรไทย หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่โดยตรง
K PLUS App มีข้อมูล swift code หรือไม่ และค้นหาอย่างไร?
K PLUS App อาจไม่ได้แสดง SWIFT Code โดยตรงในหน้าหลัก แต่คุณสามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริการรับเงินจากต่างประเทศได้ในเมนู “ธุรกรรม” หรือ “บริการ” ซึ่งจะมีรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ
ระยะเวลาการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านกสิกรใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะเข้าบัญชี?
โดยปกติ การโอนเงินระหว่างประเทศจะใช้เวลาประมาณ 1-5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง ธนาคารที่โอน และเวลาที่ทำรายการ
หากไม่มี swift code สามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว การโอนเงินระหว่างประเทศส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ SWIFT Code เพื่อระบุธนาคารผู้รับที่ถูกต้อง หากไม่มี SWIFT Code การโอนเงินอาจไม่สำเร็จหรือถูกตีกลับ
การรับเงินจากต่างประเทศจำนวนมากผ่านกสิกร มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
สำหรับยอดเงินจำนวนมาก ธนาคารอาจขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันแหล่งที่มาของเงินหรือวัตถุประสงค์ในการรับเงิน เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบการฟอกเงิน (AML) คุณควรเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ล่วงหน้าและตอบคำถามของธนาคารอย่างตรงไปตรงมา