รหัส SWIFT คืออะไร ทำไมจึงสำคัญสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ

ในยุคที่การเงินไร้พรมแดน การโอนเงินจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเพื่อการค้า ค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือการลงทุน แต่สิ่งที่ทำให้ระบบการเงินระหว่างประเทศทำงานได้อย่างราบรื่นก็คือ “รหัส SWIFT” หรือที่รู้จักกันในชื่ออื่นว่า BIC (Bank Identifier Code) ซึ่งเป็นรหัสสากลที่ใช้ระบุตัวตนของธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วโลกอย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยทำหน้าที่เปรียบเสมือนที่อยู่ในระบบเครือข่ายการสื่อสารการเงินระหว่างประเทศ ช่วยให้ข้อมูลการโอนเงินถูกส่งไปยังธนาคารปลายทางได้โดยไม่ผิดพลาด
ระบบ SWIFT หรือ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication ไม่ได้โอนย้ายเงินโดยตรง แต่ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายที่ส่งข้อความยืนยันคำสั่งโอนเงินระหว่างธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกธุรกรรมมีความปลอดภัย โปร่งใส และติดตามได้ การมีรหัสนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การเงินโลกเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างและองค์ประกอบของรหัส SWIFT

รหัส SWIFT มีความเฉพาะตัวและมีโครงสร้างที่ชัดเจน ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข 8 หรือ 11 หลัก ซึ่งแต่ละส่วนมีความหมายเฉพาะตัว โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้:
– **8 หลักแรก (รหัสมาตรฐาน)**
– 4 ตัวอักษรแรก: ระบุชื่อธนาคาร เช่น KASI สำหรับธนาคารกสิกรไทย
– 2 ตัวอักษรถัดมา: รหัสประเทศตามมาตรฐาน ISO เช่น TH สำหรับประเทศไทย
– 2 ตัวอักษรสุดท้าย: ระบุตำแหน่งหรือเมืองที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ เช่น BK สำหรับกรุงเทพมหานคร
– **3 ตัวอักษรสุดท้าย (ไม่บังคับ)**
ใช้ระบุสาขาเฉพาะของธนาคาร แต่ในทางปฏิบัติ หลายธนาคารมักใช้รหัสสำนักงานใหญ่เป็นรหัสหลักสำหรับทุกธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อความง่ายและลดความสับสน
ตัวอย่างเช่น รหัส **KASITHBK** หมายถึง ธนาคารกสิกรไทย ตั้งอยู่ในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร โดยไม่ระบุสาขาเฉพาะ ซึ่งเป็นรหัสที่นิยมใช้กันทั่วไป
ความแม่นยำของรหัสนี้มีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของการโอนเงิน หากกรอกรหัสผิดเพียงตัวเดียว อาจทำให้คำสั่งถูกส่งไปยังธนาคารอื่น หรือถูกระงับชั่วคราว ทำให้เกิดความล่าช้าและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
บทบาทของรหัส SWIFT ในการโอนเงินข้ามประเทศ

เมื่อคุณต้องการส่งหรือรับเงินจากต่างประเทศ รหัส SWIFT เป็นหนึ่งในข้อมูลที่ขาดไม่ได้ ระบบการเงินโลกพึ่งพาเครือข่ายนี้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการระบุว่า “ธนาคารปลายทาง” คือธนาคารใดในประเทศใด
โดยไม่มีรหัสนี้ ธนาคารต้นทางจะไม่สามารถยืนยันตัวตนของธนาคารผู้รับได้อย่างชัดเจน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้ รหัส SWIFT จึงทำหน้าที่เหมือนรหัสไปรษณีย์ระดับโลก ที่ช่วยให้ “จดหมาย” หรือคำสั่งโอนเงิน ไปถึงที่หมายได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ ระบบ SWIFT ยังรองรับการสื่อสารระหว่างธนาคารกว่า 11,000 แห่งทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ ทำให้เป็นมาตรฐานสากลที่ทุกสถาบันการเงินให้ความไว้วางใจ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารขนาดใหญ่หรือเล็ก
รหัส SWIFT ของธนาคารกสิกรไทยคืออะไร
สำหรับผู้ที่ใช้บริการธนาคารกสิกรไทย ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินจากต่างประเทศหรือส่งเงินออกไป ควรรู้ว่ารหัส SWIFT ที่ใช้คือ **KASITHBK** ซึ่งเป็นรหัสมาตรฐานของสำนักงานใหญ่ และใช้ได้กับทุกสาขาของธนาคารทั่วประเทศ
แม้ว่าบางสาขาอาจมีรหัสเฉพาะของตนเอง แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ส่งเงินจากต่างประเทศไม่จำเป็นต้องใช้รหัสสาขา เพราะระบบจะใช้รหัสสำนักงานใหญ่เป็นจุดรับรวม จากนั้นระบบภายในธนาคารจะจัดส่งเงินไปยังสาขาที่เชื่อมโยงกับหมายเลขบัญชีของผู้รับโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีบัญชีอยู่ที่สาขาไหนในประเทศไทย ผู้ส่งก็สามารถใช้รหัส **KASITHBK** ได้เลย ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและป้องกันข้อผิดพลาดจากการค้นหาหรือกรอกรหัสสาขาที่อาจไม่ถูกต้อง
ช่องทางค้นหารหัส SWIFT ของธนาคารกสิกรไทย
การมั่นใจว่าคุณใช้รหัสที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนทำธุรกรรมระหว่างประเทศ โชคดีที่ธนาคารกสิกรไทยให้ข้อมูลนี้ผ่านหลายช่องทางที่เข้าถึงง่ายและเชื่อถือได้
เว็บไซต์ทางการของธนาคารกสิกรไทย
คุณสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์หลักของธนาคารกสิกรไทย เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในหน้าบริการด้านการเงินสากล ซึ่งมักจะระบุรหัส SWIFT ไว้อย่างชัดเจน พร้อมคำแนะนำในการโอนเงินเข้าและออกจากประเทศไทย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโอนเงินระหว่างประเทศจากธนาคารกสิกรไทย
แอปพลิเคชัน K PLUS
สำหรับผู้ที่ใช้ K PLUS แอปนี้ถือเป็นเครื่องมือที่สะดวกที่สุด คุณสามารถตรวจสอบรหัส SWIFT ได้โดยตรงจากเมนู “โอนเงินไปต่างประเทศ” หรือ “รับเงินจากต่างประเทศ” ข้อมูลจะแสดงอัตโนมัติเมื่อคุณเริ่มทำรายการ หรือบางครั้งอาจพบได้ในส่วน “ข้อมูลบัญชี” หรือ “การตั้งค่า” โดยไม่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่
เอกสารจากธนาคาร
หากคุณมีสมุดบัญชีหรือใบแจ้งยอดบัญชี (Statement) จากธนาคารกสิกรไทย บางรุ่นอาจพิมพ์รหัส SWIFT ไว้ที่ด้านหน้าหรือด้านในของเอกสาร ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกฉบับที่มี แต่ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหากคุณยังเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้
ติดต่อเจ้าหน้าที่หรือไปที่สาขา
หากคุณยังไม่มั่นใจ หรือต้องการข้อมูลยืนยันเพิ่มเติม สามารถโทรติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย หรือเดินทางไปที่สาขาใกล้บ้านได้ทุกเมื่อ เจ้าหน้าที่พร้อมให้ข้อมูลและช่วยตรวจสอบรหัสที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของคุณ
คู่มือการใช้งานรหัส SWIFT ของธนาคารกสิกรไทย: รับและส่งเงินระหว่างประเทศ
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะผู้รับหรือผู้ส่งเงิน การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกรรมสำเร็จอย่างราบรื่น
การรับเงินจากต่างประเทศเข้าบัญชีกสิกร
หากคุณกำลังรอรับเงินจากต่างประเทศ คุณต้องแจ้งข้อมูลต่อไปนี้ให้ผู้ส่งทราบ:
– ชื่อ-นามสกุลผู้รับเงิน (ตามบัญชีธนาคาร)
– หมายเลขบัญชีธนาคารกสิกรไทย (10 หลัก)
– ชื่อธนาคารเต็ม: Kasikornbank PCL (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน))
– รหัส SWIFT: **KASITHBK**
– ที่อยู่ของธนาคาร (สำนักงานใหญ่): 1 ซอยกสิกรไทย ถนนรัชดาภิเษก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140 ประเทศไทย
ในกรณีส่วนใหญ่ ผู้ส่งไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อสาขาที่คุณเปิดบัญชี เพราะรหัส SWIFT ของสำนักงานใหญ่เพียงพอแล้วในการรับเงิน
ขั้นตอนการโอนเงินไปต่างประเทศผ่าน K PLUS
การส่งเงินออกนอกประเทศผ่าน K PLUS เป็นกระบวนการที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและปลอดภัย ดังนี้:
1. เข้าสู่ระบบ K PLUS ผ่านมือถือ
2. เลือกเมนู “โอนเงิน” แล้วแตะ “โอนเงินไปต่างประเทศ”
3. เลือกประเทศปลายทางและสกุลเงินที่ต้องการโอน
4. กรอกข้อมูลผู้รับ:
– ชื่อธนาคารผู้รับ
– รหัส SWIFT ของธนาคารผู้รับ
– หมายเลขบัญชีผู้รับ
– ชื่อ-นามสกุลผู้รับ (ตามบัญชี)
– ที่อยู่ผู้รับ (ถ้ามี)
5. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการส่ง
6. ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมที่แสดง
7. ยืนยันการทำรายการด้วยรหัสผ่านหรือไบโอเมตริกซ์
8. บันทึกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ไว้เป็นหลักฐาน
**หมายเหตุสำคัญ:** การโอนเงินระหว่างประเทศอาจต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การจำกัดวงเงินต่อวัน หรือการขอเอกสารยืนยันวัตถุประสงค์ของเงินโอน (เช่น ค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล หรือสัญญาซื้อขาย) โดยเฉพาะในกรณีที่โอนยอดสูง เพื่อป้องกันการฟอกเงินและสนับสนุนการก่อการร้าย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย
ค่าธรรมเนียม เวลาดำเนินการ และข้อควรระวัง
การทำธุรกรรมข้ามประเทศไม่เพียงแค่ใช้เวลาและมีค่าใช้จ่าย แต่ยังต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยน
ธนาคารกสิกรไทยคิดค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยแบ่งตามประเภทบริการดังนี้:
| ประเภทบริการ | ค่าธรรมเนียมโดยประมาณ | หมายเหตุ |
| :———- | :—————— | :——- |
| โอนเงินออกไปต่างประเทศ | 0.25% ของยอดเงิน (ขั้นต่ำ 200 บาท, สูงสุด 500 บาท) + ค่าบริการ Swift/Telex 200 บาท | อาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารตัวกลางเพิ่มเติม |
| รับเงินโอนจากต่างประเทศ | 0.25% ของยอดเงิน (ขั้นต่ำ 200 บาท, สูงสุด 500 บาท) | |
*ข้อมูลนี้เป็นเพียงประมาณการ กรุณาตรวจสอบอัตราล่าสุดกับธนาคารโดยตรง เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบาย
อัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลโดยตรงต่อจำนวนเงินที่ผู้รับจะได้รับ ควรตรวจสอบอัตราที่ใช้ในวันทำรายการกับธนาคาร และเปรียบเทียบกับอัตราตลาดทั่วไปเพื่อความคุ้มค่า
ระยะเวลาดำเนินการ
โดยทั่วไป การโอนเงินผ่านระบบ SWIFT ใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:
– จำนวนธนาคารตัวกลางที่ต้องผ่าน
– ระบบและกฎระเบียบในประเทศปลายทาง
– วันหยุดธนาคารในประเทศต้นทางหรือปลายทาง
– เขตเวลาที่แตกต่างกัน
– ความถูกต้องของข้อมูลที่กรอก
หากทุกอย่างถูกต้อง บางกรณีเงินอาจเข้าภายใน 24 ชั่วโมง แต่หากมีข้อผิดพลาด เช่น กรอกเลขบัญชีผิด อาจใช้เวลานานถึงสัปดาห์ในการแก้ไข
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีป้องกัน
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดคือการกรอกข้อมูลไม่ตรงกัน เช่น ชื่อผู้รับสะกดผิด รหัส SWIFT ผิด หรือหมายเลขบัญชีไม่ครบ 10 หลัก ซึ่งอาจทำให้เงินถูกส่งผิดหรือต้องคืนกลับมา
**แนวทางป้องกัน:**
– ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างก่อนกดยืนยัน
– ขอข้อมูลจากผู้รับผ่านช่องทางทางการ เช่น อีเมลธุรกิจ หรือเอกสารทางการเงิน
– เก็บหลักฐานการทำธุรกรรมไว้ทั้งใบเสร็จและ reference number
– หากเกิดข้อผิดพลาด ติดต่อธนาคารทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามหรือยกเลิก
รหัส SWIFT ของธนาคารไทยอื่นๆ (ข้อมูลเพิ่มเติม)
เพื่อความสะดวกในการเปรียบเทียบ ด้านล่างนี้คือรหัส SWIFT ของธนาคารชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งใช้ในธุรกรรมระหว่างประเทศ:
– **ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank):** BKKBTHBK
– **ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB):** SICOTHBK
– **ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Bank):** KRTHTHBK
– **ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Bank of Ayudhya):** AYUDTHBK
อย่างไรก็ตาม รหัสเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีรหัสเฉพาะสำหรับบางบริการ ดังนั้นควรยืนยันข้อมูลจากแหล่งทางการก่อนใช้งานทุกครั้ง
สรุป
รหัส SWIFT เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การเงินโลกทำงานได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้บริการธนาคารกสิกรไทย รหัส **KASITHBK** คือรหัสที่ควรจดจำและใช้ในการโอนหรือรับเงินจากต่างประเทศ
การเข้าใจความหมายของรหัสนี้ การรู้ช่องทางค้นหาที่ถูกต้อง และการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ จะช่วยลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด ทำให้ธุรกรรมของคุณสำเร็จลุล่วงโดยไม่ต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ไม่ว่าคุณจะใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน K PLUS หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง การตรวจสอบรหัส SWIFT ก่อนทำรายการควรเป็นนิสัยที่ดีสำหรับทุกคนที่ทำธุรกรรมข้ามประเทศ
KASITHBK เป็นรหัส SWIFT Code ที่ใช้สำหรับทุกสาขาของธนาคารกสิกรไทยใช่หรือไม่?
ใช่ KASITHBK เป็นรหัส SWIFT Code สำหรับสำนักงานใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วใช้สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังทุกสาขาของธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทย
ถ้าใส่รหัส SWIFT Code ผิด จะเกิดอะไรขึ้น และแก้ไขอย่างไร?
หากใส่รหัส SWIFT Code ผิด อาจทำให้เงินโอนล่าช้า ถูกตีกลับ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเงินอาจถูกส่งไปยังธนาคารที่ไม่ถูกต้อง หากทราบว่าใส่ข้อมูลผิดพลาด ควรรีบติดต่อธนาคารกสิกรไทยทันที เพื่อให้ธนาคารช่วยประสานงานกับธนาคารปลายทางในการแก้ไขหรือเรียกเงินคืน
การโอนเงินไปต่างประเทศผ่าน K PLUS มีวงเงินจำกัดหรือไม่?
มี โดยปกติแล้วการโอนเงินไปต่างประเทศผ่าน K PLUS จะมีวงเงินจำกัดต่อวัน และอาจมีวงเงินสูงสุดต่อรายการด้วย วงเงินเหล่านี้เป็นไปตามนโยบายของธนาคารและข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย คุณสามารถตรวจสอบวงเงินปัจจุบันได้ในแอป K PLUS หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเงินจะถึงบัญชีผู้รับ เมื่อโอนจากต่างประเทศมาธนาคารกสิกรไทย?
โดยทั่วไปแล้ว การรับเงินโอนจากต่างประเทศมายังธนาคารกสิกรไทยจะใช้เวลาประมาณ 1-5 วันทำการ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับธนาคารต้นทาง ประเทศที่ส่งเงินเข้ามา และความถูกต้องของข้อมูลการโอน
นอกจาก SWIFT Code แล้ว ธนาคารกสิกรไทยมีวิธีโอนเงินระหว่างประเทศแบบอื่นอีกหรือไม่?
นอกเหนือจากการโอนผ่านระบบ SWIFT ธนาคารกสิกรไทยอาจมีบริการโอนเงินระหว่างประเทศรูปแบบอื่นๆ เช่น KBank Smart Remit หรือบริการที่ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งอาจมีข้อดีด้านความรวดเร็วหรือค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป โปรดตรวจสอบบริการล่าสุดกับธนาคารโดยตรง
รหัสธนาคาร (Bank Code) กับ รหัส SWIFT Code แตกต่างกันอย่างไร?
รหัส SWIFT Code (หรือ BIC) เป็นรหัสสากลที่ใช้ระบุธนาคารในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ส่วนรหัสธนาคาร (Bank Code) อาจหมายถึงรหัสที่ใช้ภายในประเทศเพื่อระบุธนาคารในการทำธุรกรรมภายในประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในบริบทของการโอนเงินระหว่างประเทศ รหัส SWIFT Code เป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นมาตรฐานสากล
ในการรับเงินจากต่างประเทศ ฉันต้องแจ้งรหัสสาขาของธนาคารกสิกรไทยด้วยหรือไม่?
โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องแจ้งรหัสสาขาสำหรับการรับเงินโอนจากต่างประเทศ เนื่องจาก SWIFT Code ของสำนักงานใหญ่ (KASITHBK) ครอบคลุมทุกสาขาแล้ว การแจ้งหมายเลขบัญชีธนาคาร 10 หลักของคุณก็เพียงพอที่จะระบุบัญชีผู้รับได้ถูกต้อง
ธนาคารกสิกรไทยมีค่าธรรมเนียมสำหรับการรับเงินโอนจากต่างประเทศหรือไม่?
ใช่ ธนาคารกสิกรไทยมีค่าธรรมเนียมสำหรับการรับเงินโอนจากต่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่ได้รับ โดยมีขั้นต่ำและสูงสุดตามที่ธนาคารกำหนด ควรตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมล่าสุดจากเว็บไซต์ของธนาคารหรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่
หากต้องการโอนเงินจำนวนมากไปต่างประเทศผ่านกสิกรไทย ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
สำหรับการโอนเงินจำนวนมากไปต่างประเทศ ธนาคารอาจขอเอกสารประกอบเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น เอกสารยืนยันวัตถุประสงค์ของการโอน (เช่น ใบแจ้งหนี้, สัญญา, เอกสารการศึกษา) หรือเอกสารยืนยันความสัมพันธ์กับผู้รับ ควรติดต่อธนาคารล่วงหน้าเพื่อสอบถามเอกสารที่จำเป็น
ฉันสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินระหว่างประเทศของกสิกรไทยได้จากช่องทางใด?
คุณสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่:
- **K PLUS App:** ในเมนู “โอนเงินไปต่างประเทศ” อาจมีส่วนให้ตรวจสอบสถานะ
- **KBank Contact Center:** ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูล
- **สาขาธนาคาร:** นำหลักฐานการโอนเงินไปสอบถามที่สาขา
คุณอาจต้องใช้หมายเลขอ้างอิงการทำรายการ (Transaction Reference Number) ที่ได้รับเมื่อทำรายการโอนเงิน