


หุ้น Defensive คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐานที่นักลงทุนควรรู้
ในยุคที่ตลาดการเงินเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การเลือกหุ้นที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของพอร์ตจึงเป็นเรื่องสำคัญ หนึ่งในกลยุทธ์ที่นักลงทุนหลายรายให้ความไว้วางใจคือการลงทุนใน “หุ้น Defensive” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า หุ้นเชิงรับ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงสูง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขยายตัวหรือถดถอย บริษัทเหล่านี้ก็ยังคงสร้างรายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
หุ้นประเภทนี้มักถูกมองว่าเป็นเกราะป้องกันในช่วงที่ตลาดผันผวนหรือเกิดวิกฤต เพราะธุรกิจของพวกเขามักเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการพื้นฐานที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อย เช่น อาหาร ยา ไฟฟ้า หรือบริการสื่อสาร ความต้องการเหล่านี้ไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแม้ในยามเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ไม่ผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่าเป็น Non-cyclical Business ซึ่งต่างจากหุ้นประเภทอื่นที่มักได้รับผลกระทบโดยตรงเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว
ลักษณะสำคัญของหุ้น Defensive: สัญญาณบ่งชี้ที่นักลงทุนควรมองหา
การระบุว่าหุ้นตัวใดเป็นหุ้น Defensive ไม่ได้ดูแค่ชื่ออุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ต้องวิเคราะห์จากลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงความมั่นคงและความยั่งยืนของธุรกิจ
ธุรกิจที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
หุ้น Defensive มักมาจากอุตสาหกรรมที่ผลิตหรือให้บริการสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ความต้องการเหล่านี้ไม่เปลี่ยนแปลงตามภาวะเศรษฐกิจหรือพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย เช่น อาหาร ยา เครื่องดื่ม สาธารณูปโภค หรือบริการด้านสุขภาพ ผู้บริโภคมักไม่ลดการซื้อสินค้าเหล่านี้แม้รายได้จะลดลง ทำให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ ความต้องการที่ไม่ยืดหยุ่น (Inelastic Demand) จึงเป็นรากฐานสำคัญของธุรกิจกลุ่มนี้
รายได้และกำไรที่มั่นคง
หนึ่งในคุณสมบัติหลักของหุ้น Defensive คือการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย บริษัทเหล่านี้ก็ยังสามารถรักษาอัตรากำไรและรายได้ในระดับที่น่าพอใจได้ ข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า หุ้นในกลุ่มนี้มักมีการเติบโตของกำไรที่ไม่ผันผวนมากนัก สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและรักษาสมดุลของธุรกิจในทุกสภาวะ
อัตราการเติบโตที่ไม่หวือหวาแต่สม่ำเสมอ
หุ้น Defensive ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนก้าวกระโดดในระยะสั้นเหมือนหุ้นเติบโต แต่เน้นการเติบโตที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ในระยะยาว นักลงทุนที่เลือกหุ้นกลุ่มนี้จึงมักมองหาความมั่นคงในการรักษามูลค่ามากกว่าการเก็งกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น ผลตอบแทนจึงมาจากการสะสมเงินปันผลและการเติบโตอย่างช้า ๆ แต่ยั่งยืน
ความผันผวนของราคาต่ำ (Low Beta)
ค่า Beta เป็นเครื่องมือวัดระดับความผันผวนของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม โดยหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำกว่า 1 ถือว่ามีความผันผวนน้อยกว่าตลาด ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของหุ้น Defensive ที่มักมีค่า Beta ต่ำ ทำให้ราคาหุ้นไม่ตกฮวบฮาบเมื่อตลาดปรับตัวลง และมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น นี่คือเหตุผลที่นักลงทุนเลือกหุ้นกลุ่มนี้เป็น หลุมหลบภัยในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน
นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
บริษัทที่จัดอยู่ในกลุ่มหุ้น Defensive มักมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพราะมีกระแสเงินสดที่มั่นคงและไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากในทุก ๆ ปี เงินปันผลจึงกลายเป็นแหล่งผลตอบแทนที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำ ไม่ว่าจะเป็นผู้เกษียณหรือผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ทำไมต้องลงทุนในหุ้น Defensive? ข้อดีและบทบาทในพอร์ตโฟลิโอ
การมีหุ้น Defensive ในพอร์ตไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อความปลอดภัย แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความสมดุลและยืดหยุ่นให้กับการจัดการสินทรัพย์
ลดความผันผวนของพอร์ต
เมื่อตลาดมีการปรับฐานหรือเกิดความไม่แน่นอน หุ้นทั่วไปมักจะลดลงอย่างรุนแรง แต่หุ้น Defensive มักจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ทำให้ช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่นักลงทุนรู้สึกไม่มั่นใจกับทิศทางเศรษฐกิจ การมีหุ้นกลุ่มนี้จึงช่วยให้พอร์ตมีเสถียรภาพมากขึ้น
สร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผล
หุ้น Defensive หลายตัวเป็นที่รู้จักในเรื่องการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอและอยู่ในระดับที่น่าสนใจ นักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำสามารถพึ่งพาเงินปันผลเหล่านี้ได้ ไม่ต้องพึ่งพาการขายหุ้นเพื่อใช้จ่าย หรือสามารถนำเงินปันผลไปต่อยอดลงทุนในสินทรัพย์อื่นได้
หลุมหลบภัยยามตลาดขาลง
ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนัก หุ้น Defensive มักจะกลายเป็นทางเลือกที่นักลงทุนแห่เข้ามาถือเพื่อป้องกันการสูญเสียที่รุนแรง ด้วยความมั่นคงของธุรกิจและความต้องการที่ยังคงอยู่ ทำให้ราคาหุ้นไม่ตกมากเท่ากับหุ้นกลุ่มอื่น และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อสภาวะตลาดดีขึ้น
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นความมั่นคง
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง หรือผู้ที่อยู่ในช่วงใกล้เกษียณ การลงทุนในหุ้น Defensive ช่วยให้รักษามูลค่าเงินลงทุนและมีรายได้สม่ำเสมอจากปันผล จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในช่วงชีวิตที่ต้องการความมั่นคงมากกว่าการเติบโตแบบก้าวกระโดด
เจาะลึกการคัดเลือกหุ้น Defensive ในตลาดหุ้นไทย (SET)
การเลือกหุ้น Defensive ที่แท้จริงในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทั้งเชิงตัวเลขและเชิงคุณภาพ ไม่ใช่แค่ดูจากชื่อภาคธุรกิจเท่านั้น
กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่จัดเป็น Defensive
ในตลาดหุ้นไทย มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ถือว่าเข้าข่ายหุ้น Defensive เนื่องจากให้บริการหรือผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
- สาธารณูปโภค (Utilities): เช่น บริษัทผลิตไฟฟ้าและประปา ที่เป็นบริการพื้นฐานที่ทุกคนต้องใช้ เช่น GULF (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์) และ BGRIM (บี.กริม เพาเวอร์) ที่มีสัญญาขายไฟระยะยาวกับภาครัฐ ทำให้มีรายได้มั่นคง
- อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage): สินค้าอุปโภคบริโภคที่คนต้องซื้อทุกวัน เช่น CPF (เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) และ MINT (ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล) ซึ่งมีธุรกิจร้านอาหารที่ครอบคลุมทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ
- โรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (Healthcare): บริการทางการแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เช่น BDMS (กรุงเทพดุสิตเวชการ) และ BH (โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์) ที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลขนาดใหญ่และผู้ป่วยประจำจำนวนมาก
- สื่อสาร (Telecommunications): บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในยุคดิจิทัล เช่น ADVANC (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) ที่มีฐานลูกค้ามั่นคงและโครงข่ายครอบคลุม
- ค้าปลีกที่จำเป็น (Essential Retail): ร้านค้าที่ขายของใช้จำเป็น เช่น CPALL (ซีพี ออลล์) ที่บริหารร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผู้คนพึ่งพาทุกวัน
การวิเคราะห์เชิงปริมาณ
เพื่อกรองหุ้นที่มีศักยภาพเป็นหุ้น Defensive นักลงทุนสามารถใช้ตัวชี้วัดทางการเงินดังนี้
- P/E Ratio (Price-to-Earnings Ratio): มักจะอยู่ในระดับปานกลาง ไม่สูงเหมือนหุ้นเติบโต ควรเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อดูว่าอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมหรือไม่
- Dividend Yield: ควรอยู่ในระดับที่น่าสนใจและมีแนวโน้มคงที่ต่อเนื่องในหลายปี
- Debt-to-Equity Ratio: ควรอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไป เพื่อแสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและไม่มีภาระดอกเบี้ยหนัก
- EPS Stability: วิเคราะห์ประวัติการเติบโตของกำไรต่อหุ้นย้อนหลัง 5-10 ปี เพื่อดูว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่
การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ
ตัวเลขเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องพิจารณาปัจจัยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- ความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Moat): บริษัทมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง แบรนด์ที่คนรู้จัก หรือต้นทุนการผลิตต่ำกว่าคู่แข่งหรือไม่
- การบริหารจัดการ: ทีมผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ มีธรรมาภิบาลที่ดี และมีการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นอย่างโปร่งใสหรือไม่
- แนวโน้มอุตสาหกรรมในระยะยาว: แม้จะเป็นธุรกิจจำเป็น แต่ต้องดูว่าในอนาคตยังมีศักยภาพหรือเผชิญกับความท้าทายจากเทคโนโลยีหรือพฤติกรรมผู้บริโภคหรือไม่
ตัวอย่างหุ้น Defensive ใน SET พร้อมเหตุผลประกอบ
- ADVANC (แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส): ผู้นำในธุรกิจโทรคมนาคมที่มีฐานลูกค้ากว้างขวางและกระแสเงินสดมั่นคง แม้การแข่งขันจะดุเดือด แต่บริษัทก็ยังคงสร้างกำไรได้สม่ำเสมอและจ่ายปันผลในระดับที่ดี
- CPALL (ซีพี ออลล์): ผู้บริหารร้าน 7-Eleven ที่มีสาขาทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าจำเป็น รายได้จึงมั่นคงและไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก
- BDMS (กรุงเทพดุสิตเวชการ): เครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง บริการด้านสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นตลอดเวลา ทำให้รายได้ไม่ลดลงแม้เศรษฐกิจถดถอย
- GULF (กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์): ผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายระยะยาวกับภาครัฐ ทำให้มีรายได้ที่คาดการณ์ได้และไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ
หุ้น Defensive ในปี 2567 และแนวโน้ม 2568
ในปี 2567 และต่อเนื่องถึง 2568 หุ้น Defensive ยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดพอร์ต โดยเฉพาะในบริบทที่เศรษฐกิจไทยและโลกยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่อาจยังไม่ลดลงเร็ว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การมีหุ้นกลุ่มนี้จึงช่วยลดความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพของพอร์ตได้ดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังเรื่องปัจจัยเฉพาะของแต่ละบริษัท เช่น ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อกำไรของกลุ่มพลังงาน หรือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอาจกระทบต่อยอดขายของร้านค้าปลีก
Defensive Stock เปรียบเทียบกับหุ้นประเภทอื่น: Cyclical, Growth, และ Speculative Stock
การเข้าใจความแตกต่างของหุ้นแต่ละประเภทช่วยให้การจัดพอร์ตมีเหตุผลและสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนมากขึ้น
Defensive Stock vs Cyclical Stock
หุ้น Cyclical เป็นหุ้นที่ผลประกอบการผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ หรือยานยนต์ ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจดีจะเติบโตแรง แต่เมื่อเศรษฐกิจถดถอยก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ต่างจากหุ้น Defensive ที่มีความมั่นคงสูงกว่ามาก
คุณสมบัติ | Defensive Stock | Cyclical Stock |
---|---|---|
ประเภทธุรกิจ | สินค้า/บริการจำเป็น (อาหาร, ยา, สาธารณูปโภค) | สินค้า/บริการฟุ่มเฟือย หรือลงทุน (ยานยนต์, โรงแรม, ธนาคาร) |
ผลประกอบการ | มั่นคง, สม่ำเสมอ, คาดการณ์ได้ | ผันผวนสูง, ขึ้นอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจ |
ความผันผวนราคา | ต่ำ (Low Beta) | สูง (High Beta) |
ความเหมาะสม | ทุกสภาวะตลาด, โดยเฉพาะตลาดขาลง/ผันผวน | ตลาดขาขึ้น, เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว |
Defensive Stock vs Growth Stock
หุ้น Growth มักเป็นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหรือธุรกิจใหม่ แต่มักไม่จ่ายปันผลและมีความเสี่ยงสูง ในทางกลับกัน หุ้น Defensive ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงจากปันผลและราคาที่ไม่ผันผวน
คุณสมบัติ | Defensive Stock | Growth Stock |
---|---|---|
เป้าหมายลงทุน | ความมั่นคง, กระแสเงินสด (ปันผล) | การเติบโตของมูลค่าหุ้น, ผลตอบแทนสูง |
ศักยภาพเติบโต | ไม่หวือหวาแต่สม่ำเสมอ | สูง, ก้าวกระโดด |
ระดับความเสี่ยง | ต่ำถึงปานกลาง | สูง |
การจ่ายปันผล | สม่ำเสมอ | น้อยหรือไม่จ่ายเลย (เน้นนำกำไรไปลงทุนต่อ) |
Defensive Stock vs Speculative Stock
หุ้น Speculative มักถูกเก็งกำไรจากข่าวลือหรือความคาดหวังในอนาคต โดยไม่พิจารณาปัจจัยพื้นฐาน ทำให้มีความเสี่ยงสูงและราคาผันผวนรุนแรง ซึ่งแตกต่างสิ้นเชิงกับหุ้น Defensive ที่เน้นความมั่นคง ความสม่ำเสมอ และพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง
การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดสรรสินทรัพย์ได้อย่างมีกลยุทธ์ ไม่ตกอยู่ในอารมณ์หรือแรงกดดันจากตลาด
กลยุทธ์การจัดพอร์ตโฟลิโอด้วยหุ้น Defensive
การผสมผสานหุ้น Defensive เข้ากับสินทรัพย์อื่น ๆ จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงของพอร์ตในทุกสภาวะ
การกำหนดสัดส่วนการลงทุน
สัดส่วนของหุ้น Defensive ควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงของนักลงทุน สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงต่ำหรือใกล้เกษียณ อาจจัดสรร 40-60% ของพอร์ตหุ้นให้กับหุ้น Defensive ส่วนผู้ที่ต้องการเติบโตอาจจัดสรร 20-30% เพื่อใช้เป็นตัวถ่วงความผันผวน
บทบาทในสถานการณ์ตลาดที่แตกต่างกัน
- ตลาดขาขึ้น: อาจให้ผลตอบแทนน้อยกว่าหุ้นเติบโต แต่ช่วยสร้างความสมดุลและให้เงินปันผลสม่ำเสมอ
- ตลาดขาลง: ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน ช่วยลดการขาดทุนอย่างรุนแรง
- ตลาดไซด์เวย์: ยังคงสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผล แม้ราคาหุ้นจะไม่ขยับ
ข้อควรระวังและความเข้าใจผิด
- ผลตอบแทนอาจไม่หวือหวา: ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนก้าวกระโดดในระยะสั้น
- ไม่ได้ปลอดภัย 100%: ยังมีความเสี่ยงจากบริษัทเอง เช่น การบริหารผิดพลาด หรือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
- ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด: การอยู่ในอุตสาหกรรม Defensive ไม่ได้หมายความว่าหุ้นตัวนั้นดีเสมอไป ต้องวิเคราะห์พื้นฐานของแต่ละบริษัท
สรุป: Defensive Stock เครื่องมือสร้างความมั่นคงในโลกการลงทุน
หุ้น Defensive เป็นหัวใจสำคัญของพอร์ตที่สมดุลและยืดหยุ่น ด้วยคุณสมบัติเด่นทั้งด้านความมั่นคงของรายได้ กำไรที่คาดการณ์ได้ และความผันผวนต่ำ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี
การเข้าใจลักษณะ ข้อดี และข้อจำกัดของหุ้น Defensive พร้อมทั้งรู้จักการวิเคราะห์และจัดสัดส่วนอย่างเหมาะสม จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตที่มั่นคง รับมือกับความผันผวน และบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
1. หุ้น Defensive คืออะไร และมีคุณสมบัติเด่นอย่างไร?
หุ้น Defensive คือหุ้นของบริษัทที่มีรายได้และกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอและมีเสถียรภาพสูง ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจใดก็ตาม คุณสมบัติเด่นคือธุรกิจที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน, รายได้และกำไรมั่นคง, อัตราการเติบโตไม่หวือหวาแต่สม่ำเสมอ, ความผันผวนของราคาต่ำ (Low Beta), และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ต่อเนื่อง
2. หุ้น Defensive แตกต่างจากหุ้น Cyclical, Growth และ Speculative อย่างไร?
- Defensive: รายได้มั่นคง, ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ, Low Beta, จ่ายปันผลสม่ำเสมอ
- Cyclical: ผลประกอบการผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ, High Beta
- Growth: เน้นการเติบโตสูง, มักไม่จ่ายปันผล, มีความเสี่ยงสูง
- Speculative: ซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น, ความเสี่ยงสูงมาก, ไม่เน้นปัจจัยพื้นฐาน
3. ทำไมหุ้น Defensive จึงถูกมองว่าเป็น “หลุมหลบภัย” ในตลาดหุ้นที่ผันผวน?
เนื่องจากธุรกิจของหุ้น Defensive มักเป็นสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ความต้องการไม่ลดลงมากแม้ในยามเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ผลประกอบการมีเสถียรภาพ ราคาหุ้นจึงมีแนวโน้มผันผวนน้อยกว่าตลาดโดยรวม และช่วยลดการขาดทุนของพอร์ตในช่วงตลาดขาลงได้
4. มีตัวอย่างหุ้น Defensive ที่โดดเด่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อะไรบ้าง?
ตัวอย่างเช่น ADVANC (สื่อสาร), CPALL (ค้าปลีกสินค้าจำเป็น), BDMS (โรงพยาบาล), GULF (สาธารณูปโภคไฟฟ้า), CPF (อาหารและเครื่องดื่ม)
5. นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยใดบ้างในการเลือกหุ้น Defensive เพื่อลงทุน?
ควรพิจารณาอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจจำเป็น, ความสม่ำเสมอของรายได้และกำไร, อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ (เช่น P/E, Dividend Yield, Debt-to-Equity), ค่า Beta ต่ำ, และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยเชิงคุณภาพอย่างความได้เปรียบทางการแข่งขันและการบริหารจัดการ
6. การลงทุนในหุ้น Defensive เหมาะสมกับนักลงทุนประเภทใดมากที่สุด?
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง, รับความเสี่ยงได้ต่ำ, ต้องการกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ, หรือนักลงทุนที่ใกล้เกษียณอายุ และผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอ
7. หุ้น Defensive มีข้อเสียหรือข้อจำกัดที่ควรทราบหรือไม่?
ข้อเสียคือผลตอบแทนอาจไม่หวือหวาเท่าหุ้น Growth ในช่วงตลาดขาขึ้น และถึงแม้จะมีความผันผวนต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยเฉพาะของบริษัทหรือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
8. ควรจัดสรรสัดส่วนหุ้น Defensive ในพอร์ตการลงทุนอย่างไรเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด?
สัดส่วนขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของนักลงทุน ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำอาจจัดสรร 40-60% ของพอร์ตหุ้น ในขณะที่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจจัดสรร 20-30% เพื่อรักษาสมดุลและลดความผันผวนโดยรวม
9. แนวโน้มของหุ้น Defensive ในปี 2567 และ 2568 จะเป็นอย่างไร?
ในปี 2567-2568 หุ้น Defensive ยังคงมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงพอร์ต เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังคงมีความไม่แน่นอนสูงจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยเฉพาะของแต่ละบริษัทและผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค
10. การลงทุนในหุ้น Defensive เพียงอย่างเดียวเพียงพอต่อการสร้างพอร์ตที่มั่นคงหรือไม่?
ไม่เพียงพอ การสร้างพอร์ตที่มั่นคงควรมีการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่น หรือหุ้นประเภทอื่นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อให้พอร์ตมีความสมดุลและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในทุกสภาวะตลาด การมีหุ้น Defensive เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตจะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง แต่ไม่ควรลงทุนในหุ้นประเภทเดียวทั้งหมด