BIC code คืออะไร? ทำความเข้าใจรหัสสำคัญในการโอนเงินระหว่างประเทศ
ในยุคที่เส้นแบ่งของประเทศไม่ใช่อุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจหรือการใช้ชีวิต การโอนเงินข้ามประเทศกลายเป็นเรื่องปกติที่ทั้งบุคคลทั่วไปและนักธุรกิจต้องเผชิญทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเงินกลับบ้าน การชำระค่าสินค้าจากผู้ขายต่างชาติ หรือการลงทุนในตลาดโลก สิ่งหนึ่งที่ทำให้ระบบการเงินระหว่างประเทศทำงานได้อย่างราบรื่นคือ “BIC code” ซึ่งแม้หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันคืออะไรและทำไมถึงสำคัญ บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ BIC code อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่โอนเงินไปต่างแดน

BIC code คืออะไร ทำไมถึงต้องใช้ในการโอนเงินต่างประเทศ
BIC code หรือที่รู้จักกันในชื่อ SWIFT code เป็นรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้ระบุตัวตนของธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วโลกอย่างแม่นยำ หน้าที่หลักของมันคือการเป็น “ที่อยู่” สำหรับธนาคารในระบบการสื่อสารทางการเงินระหว่างประเทศ เมื่อมีการโอนเงินจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง ระบบจะใช้ BIC code เพื่อส่งข้อมูลไปยังธนาคารปลายทางอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งพาข้อมูลที่คลุมเครือหรือชื่อเต็มของธนาคารที่อาจมีการสะกดต่างกัน
แม้จะมีคำสองคำคือ BIC และ SWIFT ที่ถูกใช้สลับกัน แต่ความจริงแล้วมีความแตกต่างในเชิงแนวคิดที่ควรเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในอนาคต

BIC code กับ SWIFT code ต่างกันอย่างไร ใช้แทนกันได้ไหม?
หลายครั้งที่คำว่า BIC code และ SWIFT code ถูกใช้สลับกันจนดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน ซึ่งในทางปฏิบัติก็ถือว่าใช้แทนกันได้ แต่ถ้าดูในแง่ของนิยามและบริบท ทั้งสองมีความหมายต่างกันเล็กน้อย
BIC (Business Identifier Code) เป็นชื่ออย่างเป็นทางการตามมาตรฐาน ISO 9362 ที่ใช้ระบุธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วโลก ไม่ได้จำกัดเฉพาะการโอนเงิน แต่ยังครอบคลุมข้อความทางการเงินอื่น ๆ เช่น การยืนยันจดหมายค้ำประกัน หรือการแจ้งยอดเงิน
ส่วน SWIFT code นั้นมาจากชื่อขององค์กร “Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication” ซึ่งเป็นผู้ดูแลเครือข่ายการสื่อสารที่ธนาคารทั่วโลกใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน ดังนั้น BIC จึงเป็น “รหัส” ที่ใช้ภายใน “เครือข่าย SWIFT” นั่นเอง
กล่าวง่าย ๆ คือ BIC คือรหัสประจำตัว ส่วน SWIFT คือถนนที่รหัสนั้นเดินทางผ่าน หากธนาคารขอ SWIFT code สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ แปลว่าเขาต้องการ BIC code นั่นเอง ข้อมูลจาก SWIFT ระบุชัดเจนว่ารหัสนี้เป็นหัวใจสำคัญในการระบุสถาบันการเงินในระดับสากล
รู้ไหมว่า BIC code มีโครงสร้างอย่างไร ตัวอักษรแต่ละตัวหมายถึงอะไร
BIC code ไม่ใช่ชุดตัวอักษรสุ่ม แต่มีโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นระบบ โดยมีความยาวทั้งหมด 8 หรือ 11 ตัวอักษร แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ที่ให้ข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับธนาคารนั้น ๆ

มาดูรายละเอียดของแต่ละส่วนกัน:
- รหัสธนาคาร (4 ตัวอักษรแรก): เป็นตัวย่อของชื่อธนาคาร เช่น “KASI” สำหรับธนาคารกสิกรไทย หรือ “BBLI” สำหรับธนาคารกรุงเทพ
- รหัสประเทศ (2 ตัวอักษรถัดมา): ใช้ตามมาตรฐาน ISO 3166-1 เช่น “TH” สำหรับประเทศไทย “SG” สำหรับสิงคโปร์ หรือ “US” สำหรับสหรัฐอเมริกา
- รหัสสถานที่ (2 ตัวถัดไป): ระบุเมืองหรือภูมิภาคที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ เช่น “BK” สำหรับกรุงเทพมหานคร หรือ “SG” สำหรับสิงคโปร์
- รหัสสาขา (3 ตัวสุดท้าย – ถ้ามี): ใช้ระบุสาขาเฉพาะของธนาคาร หากเป็นรหัส 8 ตัว หมายถึงสำนักงานใหญ่หรือรหัสทั่วไปของธนาคาร
ตัวอย่างเช่น BIC code KASITHBKXXX:
- KASI: ธนาคารกสิกรไทย
- TH: ประเทศไทย
- BK: กรุงเทพมหานคร
- XXX: สำนักงานใหญ่ (หรือบางครั้งใช้เป็นรหัสทั่วไป)
การเข้าใจโครงสร้างนี้ช่วยให้คุณตรวจสอบความถูกต้องของรหัสได้ด้วยตนเอง และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด
ทำไม BIC code ถึงจำเป็นต่อการโอนเงินระหว่างประเทศ
การโอนเงินข้ามประเทศไม่ใช่แค่การส่งตัวเลขจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง แต่เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างธนาคารหลายแห่งทั่วโลก BIC code จึงทำหน้าที่เป็น “กุญแจ” ที่ช่วยให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัย โดยมีความสำคัญดังนี้
- ระบุธนาคารปลายทางอย่างแม่นยำ: ช่วยป้องกันไม่ให้เงินไปผิดธนาคาร โดยเฉพาะกับธนาคารที่ชื่อคล้ายกันในประเทศเดียวกัน
- เร่งความเร็วในการโอน: ข้อมูลที่ถูกต้องช่วยให้ระบบประมวลผลได้ทันที ไม่ต้องส่งกลับมาตรวจสอบซ้ำ
- ลดความเสี่ยงจากการสูญเสีย: หากใส่ BIC ผิด เงินอาจไปถึงบัญชีที่ไม่ใช่ของผู้รับ หรือถูกกักไว้จนต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไข
- รองรับมาตรฐานสากล: BIC เป็นที่ยอมรับในระบบการเงินทั่วโลก ทำให้ธนาคารจากประเทศใดก็สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่มีปัญหา
- เพิ่มความปลอดภัย: ระบบสามารถยืนยันตัวตนของธนาคารได้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการโอนเงินให้กับสถาบันที่ไม่น่าเชื่อถือ
จะหา BIC code ของธนาคารในประเทศไทยได้จากที่ไหนบ้าง
การหา BIC code ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งกับธนาคารในประเทศไทยที่มีระบบออนไลน์ที่พัฒนาดี มีหลายวิธีที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบรหัสได้ด้วยตนเอง
- เว็บไซต์ของธนาคาร: ทุกธนาคารชั้นนำมักจะระบุ BIC code ไว้ในหน้า “บริการโอนเงินต่างประเทศ” หรือ “คำถามที่พบบ่อย”
- สมุดบัญชีหรือใบแจ้งยอด: บางธนาคารพิมพ์รหัสนี้ไว้ในเอกสารทางการเงินของคุณ
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร: วิธีที่แน่นอนที่สุด คือสอบถามจากพนักงานที่สาขา หรือโทรติดต่อศูนย์บริการลูกค้า
- ใช้เครื่องมือค้นหาออนไลน์: เช่น BIC.SWIFT.com ซึ่งเป็นฐานข้อมูลทางการจาก SWIFT โดยตรง แต่ควรยืนยันกับธนาคารอีกครั้งหากไม่มั่นใจ
BIC code ของธนาคารไทยยอดนิยม (พร้อมตารางสรุป)
นี่คือรายการ BIC code ของธนาคารพาณิชย์หลักในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงที่คุณสามารถใช้ได้ทันที อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบกับธนาคารอีกครั้งหากต้องการโอนไปยังสาขาเฉพาะ
ชื่อธนาคาร (ภาษาไทย) | ชื่อธนาคาร (ภาษาอังกฤษ) | BIC Code (SWIFT Code) |
---|---|---|
ธนาคารกสิกรไทย | Kasikornbank PCL | KASITHBK |
ธนาคารกรุงเทพ | Bangkok Bank PCL | BBLIDU3A |
ธนาคารไทยพาณิชย์ | Siam Commercial Bank PCL | SICOTHBK |
ธนาคารกรุงไทย | Krungthai Bank PCL | KRTHTHBK |
ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) | TMBThanachart Bank PCL | TMBKTHBK |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | Bank of Ayudhya PCL | AYUDTHBK |
ธนาคารยูโอบี | United Overseas Bank (Thai) PCL | UOVBTHBK |
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย | CIMB Thai Bank PCL | CIMBTHBK |
ธนาคารออมสิน | Government Savings Bank | GSBTTHBK |
หมายเหตุ: รหัสในตารางส่วนใหญ่เป็นรหัสของสำนักงานใหญ่ หากต้องการโอนไปยังสาขาเฉพาะ ควรตรวจสอบรหัส 11 ตัวกับทางธนาคารโดยตรง
ข้อควรระวังเมื่อใช้ BIC code และวิธีรับมือหากเกิดข้อผิดพลาด
การพิมพ์ BIC code ผิดเพียงตัวเดียวอาจส่งผลให้เงินของคุณถูกส่งไปผิดที่ และต้องใช้เวลาหลายวันในการแก้ไข หรือในบางกรณีอาจสูญเสียเงินได้
ผลกระทบจากการใช้ BIC code ผิด:
- เงินล่าช้าหลายวันหรือหลายสัปดาห์
- เงินถูกส่งคืนพร้อมค่าธรรมเนียมเพิ่ม
- เงินเข้าบัญชีผิด ซึ่งอาจติดตามคืนได้ยาก
- เกิดความเสียหายทางธุรกิจหรือความไม่ไว้วางใจ
หากคุณใส่ BIC code ผิด ควรทำอย่างไร:
- ติดต่อธนาคารต้นทางทันที: ยิ่งแจ้งเร็ว ยิ่งมีโอกาสดึงธุรกรรมกลับได้
- แจ้งรหัสที่ถูกต้อง: เตรียม BIC code, ชื่อผู้รับ, เลขที่บัญชี และรายละเอียดการโอน
- ทำตามขั้นตอนของธนาคาร: อาจต้องกรอกแบบฟอร์มขอแก้ไข หรือเสียค่าธรรมเนียม
ดังนั้น ขั้นตอนการตรวจสอบ BIC code ก่อนกดยืนยันการโอน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม แม้จะรีบแค่ไหนก็ตาม
BIC code กุญแจสำคัญสู่ระบบการเงินไร้พรมแดน
BIC code ไม่ใช่แค่รหัสตัวอักษร แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระบบการเงินทั่วโลกให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนส่งหรือผู้รับเงิน การเข้าใจวิธีใช้งาน ความหมาย และความสำคัญของ BIC code จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ลดความเสี่ยง และทำให้ทุกธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น
ในโลกที่เศรษฐกิจไม่หยุดนิ่ง การมีความรู้เรื่องเครื่องมือทางการเงินพื้นฐานเช่นนี้ คือข้อได้เปรียบที่คุณความี
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ BIC code (FAQs)
1. BIC code จำเป็นสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศทุกครั้งหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว การโอนเงินระหว่างประเทศส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ BIC code เพื่อระบุธนาคารผู้รับเงินปลายทางได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม อาจมีบางช่องทางหรือบริการโอนเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้ระบบอื่นทดแทน เช่น ระบบวอลเล็ต หรือบริการโอนเงินเฉพาะทาง แต่สำหรับการโอนเงินผ่านระบบธนาคารแบบดั้งเดิม BIC code เป็นสิ่งจำเป็น
2. ถ้าใส่ BIC code ผิด จะเกิดอะไรขึ้นกับเงินที่โอนไป?
หากใส่ BIC code ผิด เงินที่โอนไปอาจล่าช้า ถูกส่งคืนกลับมา หรือในกรณีที่แย่ที่สุดคือถูกโอนเข้าบัญชีผิด หาก BIC code ที่ใส่ผิดบังเอิญไปตรงกับธนาคารอื่นและมีรายละเอียดบัญชีผู้รับที่ตรงกันบางส่วน คุณควรติดต่อธนาคารต้นทางทันทีเพื่อแจ้งแก้ไขข้อมูล
3. สามารถค้นหา BIC code ของธนาคารที่อยู่ในต่างประเทศได้อย่างไร?
คุณสามารถค้นหา BIC code ของธนาคารในต่างประเทศได้จากหลายช่องทาง ได้แก่:
- สอบถามจากผู้รับเงินโดยตรง
- ตรวจสอบบนเว็บไซต์ของธนาคารต่างประเทศนั้นๆ ในส่วนของการโอนเงินระหว่างประเทศ
- ใช้เครื่องมือค้นหา BIC code ออนไลน์ที่เชื่อถือได้ เช่น BIC.SWIFT.com
4. BIC code แตกต่างจาก IBAN หรือ Routing Number อย่างไร?
แม้จะเป็นรหัสที่ใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกัน:
- **BIC code (SWIFT code):** ระบุธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วโลก
- **IBAN (International Bank Account Number):** เป็นรหัสระบุบัญชีธนาคารของผู้รับเงินโดยเฉพาะ ใช้ในยุโรปเป็นหลัก
- **Routing Number (ABA Routing Transit Number):** เป็นรหัสที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพื่อระบุธนาคารสำหรับธุรกรรมภายในประเทศ
ดังนั้น BIC code ระบุ “ธนาคาร” ส่วน IBAN และ Routing Number ระบุ “บัญชี” หรือ “ธนาคารในประเทศ” นั้นๆ
5. มีเครื่องมือออนไลน์ใดบ้างที่เชื่อถือได้สำหรับการตรวจสอบ BIC code?
เครื่องมือที่เชื่อถือได้สำหรับการตรวจสอบ BIC code คือ BIC.SWIFT.com ซึ่งเป็นฐานข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก SWIFT คุณยังสามารถใช้เว็บไซต์ของธนาคารโดยตรง หรือสอบถามจากธนาคารเพื่อยืนยันความถูกต้อง
6. ถ้าธนาคารไม่มี BIC code จะสามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้หรือไม่?
หากธนาคารไม่มี BIC code แสดงว่าธนาคารนั้นอาจไม่ได้เป็นสมาชิกของเครือข่าย SWIFT ซึ่งจะทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบธนาคารแบบปกติเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม อาจมีวิธีการโอนเงินทางเลือกอื่น เช่น ผ่านธนาคารตัวกลาง (Correspondent Bank) ที่เป็นสมาชิก SWIFT หรือบริการโอนเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
7. BIC code ของธนาคารกรุงไทยคืออะไร?
BIC code สำหรับธนาคารกรุงไทยคือ **KRTHTHBK** ซึ่งเป็นรหัสสำหรับสำนักงานใหญ่ของธนาคาร
8. ควรตรวจสอบ BIC code บ่อยแค่ไหน?
คุณควรตรวจสอบ BIC code **ทุกครั้ง** ก่อนทำการโอนเงินระหว่างประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน แม้ว่ารหัสเหล่านี้จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงบ่อยนัก แต่การตรวจสอบซ้ำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
9. SWIFT code ของธนาคารกสิกรไทย ดูตรงไหน?
SWIFT code (BIC code) ของธนาคารกสิกรไทยคือ **KASITHBK** คุณสามารถดูได้จากหลายช่องทาง เช่น บนเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทยในส่วนบริการโอนเงินต่างประเทศ, ในสมุดบัญชี, หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง
10. BIC code มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมอย่างไร?
BIC code มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรม เนื่องจากช่วยให้ระบบสามารถระบุตัวตนของธนาคารผู้รับได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เงินจะถูกส่งไปยังธนาคารผิดแห่งหรือถูกขัดขวางโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ช่วยปกป้องเงินทุนของคุณ