SWIFT Code และรหัสโอนเงินต่างประเทศอื่นๆ: เจาะลึกความแตกต่างเพื่อการทำธุรกรรมไร้กังวล

ในยุคที่พรมแดนทางการเงินเริ่มหายไป ใครหลายคนมีความจำเป็นต้องโอนหรือรับเงินจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นการค้าระหว่างประเทศ การรับเงินเดือนจากบริษัทข้ามชาติ หรือการส่งเงินไปให้ครอบครัวที่อาศัยอยู่ต่างแดน หัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกรรมเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่นคือ “รหัสธนาคาร” ที่ใช้ยืนยันตัวตนของธนาคารและบัญชีผู้รับ โดยเฉพาะ SWIFT Code ที่ทุกคนมักได้ยินกันบ่อย อย่างไรก็ตาม รหัสนี้ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่ใช้ได้กับทุกประเทศ ขึ้นอยู่กับปลายทางของเงินที่ส่งไปด้วย เช่น โอนไปยุโรปอาจต้องใช้ IBAN ไปสหรัฐฯ อาจต้องมี ABA Routing Number หรือไปออสเตรเลียก็ต้องใช้ BSB Number
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงรหัสต่างๆ ที่สำคัญในการโอนเงินระหว่างประเทศ เข้าใจความแตกต่างของแต่ละรหัส พร้อมแนวทางใช้งานจริง ข้อควรระวัง และเทคนิคการลดต้นทุน เพื่อให้คุณทำธุรกรรมได้อย่างมั่นใจ ไม่ผิดพลาด และไร้กังวล
—
1. SWIFT Code คืออะไร? เหตุผลที่คุณต้องใช้เวลาโอนเงินต่างประเทศ
SWIFT Code หรือที่ย่อมาจาก **Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication** เป็นระบบการสื่อสารทางการเงินระดับโลกที่ช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะการโอนเงินข้ามประเทศ คุณสามารถมองว่า SWIFT Code คือ “รหัสที่อยู่ของธนาคาร” ในระบบโกลบอล ซึ่งทำหน้าที่ระบุว่าเงินของคุณควรไปสิ้นสุดที่ธนาคารไหนในโลกนี้
ในแต่ละธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ ธนาคารต้นทางจะส่งข้อความผ่านเครือข่าย SWIFT ไปยังธนาคารปลายทาง เพื่อแจ้งรายละเอียดการโอน เช่น จำนวนเงิน ผู้ส่ง ผู้รับ และข้อมูลบัญชี ทำให้กระบวนการดำเนินไปอย่างมีโครงสร้างและปลอดภัย
อีกชื่อหนึ่งของ SWIFT Code คือ **BIC (Bank Identifier Code)** ซึ่งเป็นคำเรียกอย่างเป็นทางการในวงการธนาคาร ทั้งสองคำนี้ใช้แทนกันได้ 100% จึงไม่ต้องกังวลว่าจะใช้ผิดชื่อ
—
2. ถอดรหัส SWIFT Code: ตัวอักษร 8-11 ตัว มีความหมายลึกซึ้งกว่าที่คิด
SWIFT Code ดูเหมือนเพียงตัวอักษรสุ่มๆ แต่อันที่จริง ทุกตัวมีบทบาทชัดเจน ช่วยระบุตัวตนของธนาคารอย่างแม่นยำ โดยโครงสร้างของรหัสนี้มี 4 ส่วนหลัก ดังนี้:
– **4 ตัวแรก (รหัสธนาคาร – Bank Code):** ระบุชื่อธนาคาร เช่น KRTH สำหรับธนาคารกรุงไทย หรือ KASI สำหรับธนาคารกสิกรไทย
– **2 ตัวถัดไป (รหัสประเทศ – Country Code):** ใช้รหัส ISO 2 ตัวอักษร เช่น TH สำหรับประเทศไทย, US สำหรับสหรัฐอเมริกา หรือ DE สำหรับเยอรมนี
– **2 ตัวถัดไป (รหัสสถานที่ – Location Code):** ระบุเมืองหรือประเทศของสำนักงานใหญ่ เช่น BK สำหรับกรุงเทพฯ
– **3 ตัวสุดท้าย (รหัสสาขา – Branch Code):** ถ้าเป็นสำนักงานใหญ่ มักจะใช้ **XXX** แต่หากเป็นสาขาเฉพาะ จะมีรหัสเฉพาะ เช่น 002 หรือ 101
**ตัวอย่างจริง:**
SWIFT Code ของธนาคารกรุงไทย: **KRTHTHBKXXX**
– 4 ตัวแรก: KRTH → ธนาคารกรุงไทย
– 2 ตัวถัดไป: TH → ประเทศไทย
– 2 ตัวถัดไป: BK → กรุงเทพฯ
– 3 ตัวสุดท้าย: XXX → สำนักงานใหญ่
—
3. รหัส SWIFT ธนาคารในประเทศไทย (อัปเดต 2025)
เวลาโอนเงินไปยังบัญชีในไทย ผู้ส่งจากต่างประเทศจำเป็นต้องรู้ SWIFT Code ของธนาคารที่คุณใช้ โดยมากจะใช้รหัสของสำนักงานใหญ่ได้ทุกกรณี ยกเว้นกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์หรือธนาคารร้องขอรหัสสาขาเฉพาะ
ด้านล่างนี้คือรายชื่อรหัส SWIFT Code ของธนาคารชั้นนำในประเทศไทย พร้อมลิงก์ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละธนาคาร:
| ชื่อธนาคาร (ภาษาไทย) | ชื่อธนาคาร (ภาษาอังกฤษ) | SWIFT Code | เว็บไซต์ |
| :——————- | :———————————– | :———– | :———————————————————– |
| ธนาคารกรุงเทพ | Bangkok Bank Public Company Limited | BKKBTHBK | www.bangkokbank.com |
| ธนาคารกรุงไทย | Krung Thai Bank Public Company Limited | KRTHTHBK | www.ktb.co.th |
| ธนาคารกสิกรไทย | KASIKORNBANK Public Company Limited | KASITHBK | www.kasikornbank.com |
| ธนาคารไทยพาณิชย์ | Siam Commercial Bank Public Company Limited | SICOTHBK | www.scb.co.th |
| ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | Bank of Ayudhya Public Company Limited | AYUDTHBK | www.krungsri.com |
| ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) | TMBThanachart Bank Public Company Limited | TMBKTHBK | www.ttbbank.com |
| ธนาคารออมสิน | Government Savings Bank | GSBATHBK | www.gsb.or.th |
| ธนาคารยูโอบี (ไทย) | United Overseas Bank (Thai) Public Company Limited | UOVBTHBK | www.uob.co.th |
| ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย | CIMB Thai Bank PCL | UBOBTHBK | www.cimbthai.com |
| ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) | Bank for Agriculture and Agricultural Cooperatives | BAABTHBK | www.baac.or.th |
| ธนาคารเกียรตินาคินภัทร | Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited | KKPBTHBK | www.kiatnakin.co.th |
> **หมายเหตุ:** รหัสในตารางนี้คือรหัสสำนักงานใหญ่ หากต้องการโอนไปยังสาขาเฉพาะ หรือต้องการความแม่นยำสูงสุด แนะนำให้ขอ SWIFT Code ตรงจากผู้รับหรือสอบถามที่สาขาใกล้บ้าน
—
4. รู้ไหม? รหัสสำคัญที่ต้องใช้เพิ่มเติมนอกเหนือจาก SWIFT Code
แม้ SWIFT Code จะเป็นรหัสพื้นฐานของทุกประเทศ แต่บางแห่งใช้รหัสเฉพาะทางเพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความผิดพลาด โดยรหัสเหล่านี้มักเรียกรวมว่า “**ธนาคารเฉพาะชาติ**” ใช้ควบคู่หรือแทนที่ SWIFT ได้ในบางกรณี

IBAN (International Bank Account Number) – แรงต้นในยุโรปตะวันออกกลาง
IBAN เป็น ‘รหัสบัญชีระหว่างประเทศ’ ถูกพัฒนาขึ้นในยุโรปเพื่อรองรับการโอนเงินผ่านระบบ SEPA (Single Euro Payments Area) โดยประกอบด้วยสูงสุด 34 ตัวอักษร ที่มีข้อมูลทั้งรหัสประเทศ, รหัสตรวจสอบ, รหัสธนาคาร, สาขา และเลขที่บัญชี
หากคุณกำลังโอนเงินไปยังประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี หรือแม้แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะต้องขอเลข **IBAN** จากผู้รับเสมอ ธนาคารไทยเองไม่มีระบบนี้ แต่คุณจำเป็นต้องกรอกเมื่อโอนเงินไปยังประเทศที่ใช้ระบบ IBAN
**ตัวอย่าง:**
DE44 5001 0517 0445 6789 01
– DE = เยอรมนี
– 44 = รหัสตรวจสอบ
– ส่วนถัดไป = รหัสธนาคารและบัญชี
—
ABA Routing Number – รหัสจำเป็นสำหรับธนาคารในสหรัฐอเมริกา
ABA Routing Number หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “Routing Number” เป็นรหัส 9 หลักที่ใช้ระบุธนาคารในสหรัฐอเมริกา โดยใช้ในการโอนเงินผ่านระบบ ACH (Automated Clearing House) เช็ค หรือการโอนเงินสกุลดอลลาร์
ถ้าคุณต้องโอนเงินไปยังบัญชีในสหรัฐฯ แม้จะมี SWIFT Code ก็ตาม ยังจำเป็นต้องกรอกรหัสนี้เพิ่มเติม โดยสามารถหาได้จากด้านล่างของเช็ค หรือหน้า Profile ของบัญชีธนาคารออนไลน์
> หมายเหตุ: รหัสนี้ไม่ใช่เลขที่บัญชี แต่ระบุ “ธนาคารต้นทาง” ของผู้รับ
—
Sort Code – รหัสสาขาในสหราชอาณาจักร
Sort Code เป็นรหัส 6 หลัก ที่ใช้ระบุสาขาของธนาคารในสหราชอาณาจักร (สหราชอาณาจักร สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) โดยจะถูกใช้ร่วมกับเลขที่บัญชีในการทำธุรกรรมสกุลปอนด์ (GBP) ไม่ว่าจะโอนในประเทศหรือต่างประเทศ
เมื่อโอนเงินไปยังบัญชีใน UK ต้องขอทั้ง **Sort Code** และ **Account Number** จากผู้รับ ไม่งั้นข้อมูลจะไม่สมบูรณ์
**ตัวอย่าง:**
20-40-60
– รหัสรวมของธนาคาร Lloyds
—
BSB Number – รหัสธนาคารและสาขาในออสเตรเลีย
BSB (Bank State Branch) เป็นรหัส 6 หลักที่ใช้ในออสเตรเลีย เพื่อระบุธนาคาร รัฐ และสาขา โดยจะถูกใช้ควบคู่กับเลขที่บัญชีในการโอนสกุล AUD
รูปแบบ: `AA-BB-CC`
– AA = รหัสธนาคาร
– BB = รัฐ (เช่น NSW = นิวเซาท์เวลส์)
– CC = รหัสสาขา
แม้ระบบโอนเงินในออสเตรเลียที่ทันสมัยจะใช้ “PayID” มากขึ้น แต่ BSB ยังคงจำเป็นสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศหรือการตั้งค่าการโอนแบบดั้งเดิม
—
Transit Number – รหัสสาขาในแคนาดา
Transit Number เป็นรหัส 5 หลักที่ใช้ในแคนาดาระบุสาขาของธนาคาร ต้องใช้ร่วมกับ Institution Number (3 หลัก) และเลขที่บัญชี เพื่อให้ระบุตำแหน่งบัญชีได้แม่นยำ
ตัวอย่าง:
– Transit Number: 12345
– Institution Number: 004
– รวมเป็น: 12345-004 + เลขบัญชี = ข้อมูลโอนเงินเต็มรูปแบบ
—
5. ตารางเปรียบเทียบรหัสโอนเงินต่างประเทศ: รู้ง่าย ใช้ถูก
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน สรุปข้อมูลสำคัญทั้งหมดไว้ในตารางด้านล่าง:
รหัส | คำอธิบาย | ความยาว | ใช้ในประเทศ | ใช้กับสกุลเงิน |
---|---|---|---|---|
SWIFT Code / BIC | ระบุธนาคารและสาขาทั่วโลก | 8-11 ตัว | ทั่วโลก | ทุกสกุลเงิน |
IBAN | รหัสบัญชีระหว่างประเทศ | สูงสุด 34 ตัว | ยุโรป, ตะวันออกกลาง | EUR, GBP, AED |
ABA Routing Number | ระบุธนาคารในสหรัฐอเมริกา | 9 หลัก | สหรัฐอเมริกา | USD |
Sort Code | ระบุสาขาธนาคารในสหราชอาณาจักร | 6 หลัก | สหราชอาณาจักร | GBP |
BSB Number | ระบุธนาคาร รัฐ สาขาในออสเตรเลีย | 6 หลัก | ออสเตรเลีย | AUD |
Transit Number | ระบุสาขาในแคนาดา | 5 หลัก (+ 3 หลัก Institution) | แคนาดา | CAD |
—
6. วิธีโอนและรับเงินระหว่างประเทศ: เริ่มจาก Krungthai NEXT และช่องทางอื่นๆ
ปัจจุบัน ธนาคารไทยหลายแห่งเปิดให้โอนเงินต่างประเทศได้ผ่านช่องทางออนไลน์และหน้าเคาน์เตอร์ โดยเฉพาะผ่านแอปพลิเคชันที่ยืดหยุ่น สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา
โอนเงินต่างประเทศผ่าน Krungthai NEXT
Krungthai NEXT ถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่ค่อนข้างครอบคลุมสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงไทย โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
1. **ล็อกอินเข้าแอปฯ** – เข้าใช้งานด้วยรหัสผ่านหรือการสแกนใบหน้า
2. **เลือก “โอนเงินต่างประเทศ”** จากเมนูหลัก
3. **กรอกข้อมูลผู้รับ** ได้แก่:
– ชื่อ-นามสกุลผู้รับ (ต้องตรงกับชื่อบัญชี)
– เลขที่บัญชี
– ประเทศปลายทาง
– สกุลเงิน (USD, EUR, GBP ฯลฯ)
– SWIFT Code
– รายละเอียดเพิ่มเติม: ABA Routing Number (ถ้าโอนไปสหรัฐฯ), IBAN (โอนไปยุโรป)
4. **เลือกบัญชีต้นทาง** – หากมีบัญชี Global Savings หรือ Travel Card จะได้อัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ
5. **ตรวจสอบและยืนยัน** – ตรวจสอบทุกอย่างให้แน่ใจก่อนกด “ยืนยัน”
6. **รับสลิปอิเล็กทรอนิกส์** – เก็บไว้เป็นหลักฐาน
**ค่าธรรมเนียมพิเศษ:** ธนาคารกรุงไทยเคยมีโปรโมชันค่าธรรมเนียมเพียง 99 บาทต่อการโอน สำหรับ 4 สกุลหลัก (USD, GBP, SGD, HKD) ในช่วงเวลาเฉพาะ สามารถตรวจสอบได้ในแอปฯ ขณะทำรายการ
—
โอนผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร
หากไม่สะดวกใช้แอปพลิเคชัน หรือต้องการความแน่ใจเพิ่มเติม สามารถไปที่สาขาและทำธุรกรรมด้วยตนเอง โดยเตรียม:
– บัตรประชาชน
– รายละเอียดผู้รับ: ชื่อ, เลขบัญชี, SWIFT Code, ชื่อและที่อยู่ธนาคารปลายทาง
– วัตถุประสงค์การโอน (เช่น ส่งเงินให้ครอบครัว, ค่าใช้จ่ายทางการศึกษา)
– เอกสารประกอบ (ถ้าจำเป็น): เช่น ใบแจ้งหนี้, หนังสือรับรองจากสถานศึกษา หรือข้อความจากนายจ้าง
พนักงานธนาคารจะเป็นผู้กรอกข้อมูลและยืนยันการส่งให้ พร้อมให้คุณตรวจทานอีกครั้งก่อนสุดท้าย
—
รับเงินโอนจากต่างประเทศเข้าบัญชีไทย
หากคุณเป็นผู้รับเงินจากต่างประเทศ ผู้ส่งจะต้องมีข้อมูลนี้ครบถ้วน:
– **ชื่อบัญชี:** ชื่อ-นามสกุลจริง (เหมือนในหน้าสมุดบัญชี)
– **เลขที่บัญชีไทย**
– **SWIFT Code ของธนาคารในไทย**
– **ชื่อเต็มธนาคารและที่อยู่สำนักงานใหญ่ (ภาษาอังกฤษ)**
– **วัตถุประสงค์ของการโอน**
เมื่อเงินเข้า ธนาคารจะแจ้งผ่าน SMS หรือ Email โดยอาจใช้เวลา 3-5 วันทำการ หรือเร็วกว่านี้ขึ้นอยู่กับช่องทางการส่ง
—
7. ค่าใช้จ่ายและรอบเวลา: ข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนโอน
ค่าธรรมเนียมการโอน (Charge) มี 3 แบบ
– **Charge BENE (ผู้รับเป็นผู้จ่าย):** ผู้ส่งจ่ายค่าธรรมเนียมธนาคารตัวเองเท่านั้น แต่ผู้รับจะถูกหักเพิ่มจากธนาคารกลางและธนาคารปลายทาง ทำให้ได้รับน้อยกว่า
– **Charge OUR (ผู้ส่งเป็นผู้จ่าย):** ผู้ส่งจ่ายค่าธรรมเนียมทุกขั้นตอน ทำให้ผู้รับได้รับเต็มจำนวน เหมาะกับธุรกรรมขนาดใหญ่
– **Charge SHA (แบ่งกันจ่าย):** ผู้ส่งจ่ายค่าธรรมเนียมต้นทาง ส่วนผู้รับถูกหักค่าธรรมเนียมปลายทาง เป็นตัวเลือกที่พบบ่อยที่สุด
> **ตัวอย่าง:** ธนาคารกรุงไทยคิดค่าธรรมเนียมรับเงินจากต่างประเทศ 0.25% ของยอดเงิน (ต่ำสุด 200 บาท, สูงสุด 500 บาท)
ระยะเวลาการโอน
– **โดยเฉลี่ย: 3-5 วันทำการ**
– อาจนานถึง 7 วันหากมีธนาคารกลางหลายขั้น (เช่น ผ่านฟิลิปปินส์ก่อนเข้าไทย)
– ขึ้นอยู่กับวันหยุด, เขตเวลา, และนโยบายธนาคารปลายทาง
อัตราแลกเปลี่ยน
ควรเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารหรือบริษัทโอนเงินเอกชน เช่น Wise หรือ Revolut บางช่องทางเสนอ “Mid-market rate” ที่ดีกว่าธนาคารทั่วไป นอกจากนี้ บัญชี Global Savings ของ KTB หรือ SCB Pay อาจมีส่วนลดสเปรดพิเศษ
—
8. ข้อควรระวังและเคล็ดลับในการโอนเงินระหว่างประเทศ
การโอนเงินต่างประเทศเสี่ยงทั้งความผิดพลาดและการถูกโกง หากไม่ระมัดระวัง ดังนี้คือคำแนะนำสำคัญ:
– **ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้ง** – ภาพรวมของความผิดพลาดในธุรกรรมเกิดจาก “ตัวสะกดผิด” หรือ “ตัวเลขคลาดเคลื่อน” แม้เพียงตัวเดียว การตรวจสอบ Double-Check ชื่อ บัญชี และรหัสธนาคารจำเป็นอย่างยิ่ง
– **ระวังการโกงออนไลน์** – อย่าโอนเงินให้ใครที่ติดต่อทางอีเมล ไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย โดยอ้างเหตุฉุกเฉิน ถูกจับ หรือต้องจ่ายค่าปรับทันที
– **เก็บสลิปไว้ให้ดี** – ทั้งแบบกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์ จนกว่าจะมั่นใจว่าผู้รับได้รับเงินแล้ว
– **ตั้งคำถามกับธนาคารทันที** หากเห็นความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นเงินไม่เข้า หรือยอดไม่ตรง
– **เตรียมเอกสารยืนยันวัตถุประสงค์** – สำหรับยอดเงินใหญ่ (เช่น 100,000 บาทขึ้นไป) ธนาคารปลายทางอาจขอเอกสารเพิ่มเพื่อป้องกันการฟอกเงิน
—
9. คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. SWIFT Code ของธนาคารกรุงไทยคืออะไร และหาได้จากที่ไหน?
SWIFT Code ของธนาคารกรุงไทยคือ KRTHTHBK (หรือ KRTHTHBKXXX ถ้าระบุสำนักงานใหญ่) คุณสามารถหาได้จากเว็บไซต์ธนาคาร แอป Krungthai NEXT หรือสอบถามที่สาขา
2. SWIFT Code จำเป็นทุกครั้งที่โอนต่างประเทศหรือไม่?
จำเป็นในกรณีส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนอกกลุ่ม SEPA อย่างไรก็ตาม ประเทศในยุโรปอาจใช้ IBAN เป็นหลักก็ได้ ควรตรวจสอบกับผู้รับก่อน
3. SWIFT Code กับ BIC Code ต่างกันไหม?
ไม่ต่างกัน เป็นรหัสเดียวกันที่ใช้บอกตัวตนของธนาคารทั่วโลก BIC เป็นชื่อทางเทคนิค ส่วน SWIFT เป็นชื่อที่นิยมใช้กันทั่วไป
4. โอนเงินผ่าน SWIFT ใช้เวลานานเท่าไร?
โดยทั่วไปใช้เวลา 3-5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง ธนาคารกลาง และวันหยุด
5. โอนเงินไปยุโรป ต้องใช้ IBAN หรือ SWIFT?
ควรใช้ทั้งสองรหัสให้ครบ โดย IBAN เป็นหลัก และ SWIFT Code เป็นข้อมูลสนับสนุน เพื่อความแม่นยำสูงสุด
6. SWIFT ของสำนักงานใหญ่และสาขาเหมือนกันไหม?
8 ตัวแรกเหมือนกัน แต่ 3 ตัวหลังต่างกัน โดยสำนักงานใหญ่มักใช้ “XXX” ขณะที่สาขาจะมีรหัสเฉพาะ แต่ส่วนใหญ่ใช้รหัสสำนักงานใหญ่ได้
7. ค่าธรรมเนียมโอนระหว่างประเทศมีแบบไหนบ้าง?
มี 3 แบบ: OUR (ผู้ส่งจ่ายทั้งหมด), BEN (ผู้รับจ่ายทั้งหมด), SHA (แบ่งกันจ่าย) โดย SHA เป็นที่นิยมที่สุด
8. โอนเงินไปสหรัฐฯ ต้องใช้ ABA Routing Number ไหม?
ใช่ ถ้าโอนเงินสกุล USD และเข้าบัญชีในสหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้ ABA Routing Number พร้อม SWIFT Code เพื่อระบุธนาคารปลายทาง
9. ข้อควรระวังอะไรบ้างเมื่อใช้ SWIFT Code?
ต้องตรวจสอบชื่อผู้รับ เลขบัญชี และ SWIFT Code ให้แม่นยำ อย่าวางใจเมื่อทำผ่านแอป เก็บสลิปไว้ และระมัดระวังการหลอกลวง
10. ติดตามสถานะการโอนเงินได้อย่างไร?
สามารถติดต่อธนาคารต้นทาง พร้อมให้ “หมายเลขอ้างอิง” หรือ “Transaction ID” จากสลิปโอน เพื่อขอติดตามความเคลื่อนไหว