ปฏิทินเศรษฐกิจ Forex Factory ฉบับสมบูรณ์: ตั้งค่า, วิเคราะห์ข้อมูล และกลยุทธ์การเทรดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย

ในโลกของการเทรด Forex ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญและสามารถตีความได้อย่างแม่นยำ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่กำหนดความสำเร็จของเทรดเดอร์ สิ่งที่ช่วยให้การติดตามข้อมูลเหล่านี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพคือ Forex Factory Economic Calendar ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักเทรดทั่วโลก ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่า บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของปฏิทินเศรษฐกิจจาก Forex Factory เริ่มตั้งแต่การตั้งค่าให้เหมาะกับนักเทรดชาวไทย ไปจนถึงกลยุทธ์การใช้ในสถานการณ์จริง เพื่อให้คุณใช้เครื่องมือนี้ได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
ปฏิทินเศรษฐกิจคืออะไร? ทำไมจึงสำคัญต่อนักเทรดฟอเร็กซ์?
ปฏิทินเศรษฐกิจเปรียบเสมือนแผนที่นำทางสำหรับนักเทรด มันแสดงการประกาศข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสำคัญที่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ การแถลงนโยบายจากธนาคารกลาง หรือกระทั่งเหตุการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสกุลเงินโดยตรง ตลาดการเงิน ยิ่งเฉพาะตลาดฟอเร็กซ์ ตอบสนองต่อข้อมูลเหล่านี้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลที่ออกมาผิดจากความคาดหมาย
หลักพื้นฐานของเศรษฐกิจในตลาดการเงินคือ ข้อมูลที่ดีมักทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นแข็งค่า ขณะที่ข้อมูลที่แย่กลับทำให้มูลค่าร่วงลง ดังนั้นการรู้ว่า “เมื่อไหร่มีข่าว” และ “ข่าวอะไรส่งผลต่อสกุลเงินใด” จึงช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนการเข้า-ออกคำสั่งซื้อขายได้อย่างชาญฉลาด และเตรียมพร้อมรับมือกับช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง
องค์ประกอบของปฏิทินเศรษฐกิจ Forex Factory: เข้าใจก่อนใช้
จุดเด่นของเว็บไซต์ Forex Factory คือความเรียบง่าย สะอาดต่อสายตา และให้ข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สำหรับผู้เริ่มต้น สิ่งที่คุณจะเห็นในปฏิทินฯ มีดังนี้
- วันที่ (Date) – ระบุวันที่มีการประกาศข้อมูล
- เวลา (Time) – ช่วงเวลาที่ข้อมูลจะถูกเปิดเผย (ควรตั้งค่าให้ตรงกับ GMT+7)
- สกุลเงิน (Currency) – สกุลเงินที่ข้อมูลนี้มีอิทธิพลต่อ เช่น USD, EUR, JPY
- ผลกระทบ (Impact) – ความสำคัญของเหตุการณ์ แบ่งเป็น สูง ปานกลาง ต่ำ และสีกำหนดน้ำหนัก
- เหตุการณ์ (Event) – ชื่อเรื่องของการประกาศ เช่น “Nonfarm Payrolls”, “Interest Rate Decision”
- ค่าจริง (Actual) – ตัวเลขที่ออกมาจริงหลังการประกาศ
- ค่าคาดการณ์ (Forecast) – ค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ล่วงหน้า
- ค่าก่อนหน้า (Previous) – ตัวเลขจากครั้งก่อนหน้าที่มีการรายงาน
การเข้าใจความหมายของแต่ละคอลัมน์จะช่วยให้คุณสามารถแปลผลข้อมูลอย่างมีระบบ และตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ตั้งค่าเวลา Forex Factory ให้ตรงกับประเทศไทย

ผู้เทรดในประเทศไทยมักเจอกับปัญหาเรื่องเวลาบนเว็บไซต์ต่างประเทศ หากใช้เวลาเริ่มต้นที่เป็น GMT+0 อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าข่าวจะออกมาตอนไหน ส่งผลให้พลาดโอกาสหรือเทรดผิดช่วงเวลา
ต่อไปนี้คือวิธีตั้งค่าให้เวลาบนปฏิทิน Forex Factory ตรงกับ เวลาประเทศไทย (GMT+7)
- เข้าเว็บไซต์ https://www.forexfactory.com/calendar
- มองมุมขวาบนของหน้าจอ จะเห็นเวลาที่เว็บไซต์แสดงอยู่ เช่น “14:00” ให้คลิกที่เวลาตรงนั้น
- ระบบจะเปิดหน้าต่างตั้งค่าเขตเวลา
- ในส่วน Synchronized Time เลือก “GMT+7 Bangkok”
- ด้านล่าง ตรวจว่าอยู่ในโหมด “Daylight Saving Time (DST)” เป็น OFF เสมอ เพราะประเทศไทยไม่มีการปรับเวลาตามฤดูกาล
- สามารถเลือกรูปแบบการแสดงเวลาได้เป็น 12 ชั่วโมง (AM/PM) หรือ 24 ชั่วโมง
- คลิก “Save Settings”
หลังจากบันทึกแล้ว ทุกเหตุการณ์ในปฏิทินจะแสดงเวลารวมถึงการแจ้งเตือนในรูปแบบของเวลาท้องถิ่นคุณ ทำให้ไม่ต้องนั่งแปลงเวลาด้วยตนเองอีกต่อไป
อ่านผลข้อมูลเศรษฐกิจให้เป็น: ค่าจริง vs ค่าคาดการณ์ และผลต่อราคา
การแสดงผลของข้อมูลสามตัวคือ “Actual”, “Forecast” และ “Previous” เป็นหัวใจสำคัญในการประเมินทิศทางของตลาด
- ค่าจริง (Actual) – คือตัวเลขที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
- ค่าคาดการณ์ (Forecast) – คือค่าเฉลี่ยจากการสำรวจของนักวิเคราะห์
- ค่าก่อนหน้า (Previous) – ข้อมูลรอบก่อน เช่น ถ้าเป็น CPI เดือนมกราคม ก็จะแสดงค่า CPI ธันวาคม
สิ่งที่ต้องสังเกตอย่างใกล้ชิดคือ ความแตกต่างระหว่าง Actual กับ Forecast หรือที่เรียกว่า “Deviation” หากผลจริงดีเกินคาด (Actual > Forecast) โดยเฉพาะในข้อมูลสำคัญ มักจะทำให้สกุลเงินนั้นแข็งค่าขึ้นทันที ในทางกลับกัน ถ้าผลแย่กว่าคาด (Actual < Forecast) ก็อาจทำให้สกุลเงินนั้นทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ระดับผลกระทบ (Impact) ซึ่งบน Forex Factory จะแบ่งเป็น
- สีแดง (High Impact) – ข่าวสำคัญระดับสูง ที่มีโอกาสทำให้ตลาดผันผวนรุนแรง เช่น NFP, ตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย
- สีส้ม (Medium Impact) – มีผลบ้างแต่ไม่รุนแรงมาก เช่น ยอดนำเข้า-ส่งออก
- สีเหลือง (Low Impact) – ข่าวรอง แทบไม่มีผลต่อราคา
ยิ่งเป็นข่าวสีแดง ยิ่งต้องประเมินความเสี่ยงให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการเปิดออร์เดอร์ในช่วงนั้น หรือเตรียมกลยุทธ์การเทรดข่าวโดยเฉพาะ
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญที่นักเทรดต้องจับตา
ไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวทุกข่าว แต่ควรเน้นไปที่ตัวชี้วัดที่มีผลกระทบสูงต่อการเคลื่อนไหวของเงินตราในระยะสั้นและยาว ต่อไปนี้คือ 5 ตัวชี้วัดหลักที่ต้องรู้จัก:
- การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Decision) – โดยธนาคารกลาง เช่น FED (สหรัฐฯ), ECB (ยุโรป) ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย สกุลเงินมักจะแข็งค่าเนื่องดึงดูดเงินทุนต่างชาติ แต่ถ้าลดดอกเบี้ย สกุลเงินมีแนวโน้มอ่อนค่า
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – ตัวชี้วัดเงินเฟ้อ ถ้าสูงเกินเป้าหมาย ธนาคารกลางมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุม ส่งผลบวกต่อสกุลเงิน
- รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls หรือ NFP) – ตัวเลขที่มีผลต่อ USD สูงมาก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานสูง แสดงเศรษฐกิจแข็งแรง ช่วยหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่า
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) – วัดภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ หาก GDP เติบโตแข็งแกร่ง แสดงถึงพื้นฐานที่ดีส่งผลดีต่อสกุลเงินนั้น
- ยอดค้าปลีก (Retail Sales) – สะท้อนกำลังซื้อของผู้บริโภค ยอดขายสูง = เศรษฐกิจดี = หนุนสกุลเงิน
นักเทรดมืออาชีพมักไม่พึ่งพานักเพียงตัวเลขใดตัวเลขหนึ่ง แต่จะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ร่วมกัน เพื่อสร้างภาพรวมว่าทิศทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมีแนวโน้มไปในทางไหน
ใช้ปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อวางแผนเทรดและบริหารความเสี่ยง
ปฏิทินเศรษฐกิจไม่ได้ใช้แค่สำหรับ “ดูข่าว” เท่านั้น แต่สามารถกลายเป็นแรงผลักดันของกลยุทธ์การเทรดหลายรูปแบบ เช่น:
- trading ข่าว (News Trading) – กลยุทธ์ที่นักเทรดจะเข้าตลาดก่อนหรือทันทีหลังเปิดเผยข้อมูล โดยหวังจับช่วงผันผวนสูงเพื่อทำกำไร อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ต้องเสี่ยงมาก เพราะราคาอาจเคลื่อนไหวกลับหลังจากช่วงแรก (Last Look), Slippage สูง หรือแม้แต่เกิดการ Requote กับโบรกเกอร์ของคุณ
- วิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) – ใช้ข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประเมินแนวโน้มระยะยาว แทนที่จะเทรดระยะสั้น นักเทรดของกลยุทธ์นี้มักมองหลายข้อมูลร่วมกัน แล้วคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะขึ้น-ลงดอกเบี้ยเมื่อไร หรือแนวโน้มสกุลเงินนั้นจะแข็ง-อ่อนในอีก 3–6 เดือน ข้างหน้า
การบริหารความเสี่ยงควรมาเป็นอันดับแรกเสมอ – ไม่ว่าสไตล์การเทรดของคุณจะเป็นแบบใดก็ตาม
- หลีกเลี่ยงการเปิดออร์เดอร์ขนาดใหญ่ในช่วงข่าวสำคัญ (High Impact) หากคุณยังใหม่ต่อตลาด
- ใช้ Stop Loss เสมอ รวมทั้งพิจารณาใช้ Trailing Stop เพื่อล็อกกำไร
- อย่าใช้ Leverage สูงเกินไป ยิ่งในช่วงความผันผวน
- ศึกษาพฤติกรรมของคู่สกุลเงินหลังข่าวนั้นๆ เช่น บางคู่อาจเคลื่อนไหวรุนแรงแค่ 10-15 นาทีแรก แล้วกลับไปเทรนด์เดิม
ใช้ Forex Factory บนมือถือ: ติดตามข่าวทุกที่ทุกเวลา
ปัจจุบัน เรื่องของความคล่องตัวในการเข้าถึงข้อมูลถือเป็นปัจจัยลี้ยงชีพ Forex Factory เองยังไม่มีแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการ แต่แน่นอนว่าเว็บไซต์ของเขามีระบบ Responsive Design ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณเข้าโดยใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ก็จะปรับหน้าจอดูได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ยังมีแอปจากบุคคลที่สามจำนวนมากที่นำข้อมูลจาก Forex Factory มานำเสนอในรูปแบบที่ใช้งานง่าย พร้อมแจ้งเตือนผ่าน Noti ซึ่งช่วยให้คุณตั้งเตือนล่วงหน้าได้สำหรับเหตุการณ์สำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน บนรถ หรือระหว่างทำงาน
จุดเด่นของการใช้บนมือถือคือ:
- ติดตามข่าวด่วนแบบ Real-time ได้ทุกที่
- กรองตามสกุลเงินหรือผลกระทบได้ เพื่อมุ่งเน้นเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับคุณ
- ตั้งการแจ้งเตือนสำหรับ NFP, CPI หรือถ้อยแถลงธนาคารกลาง
อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบแหล่งที่มาของแอปเหล่านี้ เพราะบางคนอาจแสดงข้อมูลล้าช้า หรือมีโฆษณาแทรกมากเกินไป การเลือกแอปที่มีรีวิวดีและผู้ดาวน์โหลดจำนวนมากจึงสำคัญ
เปรียบเทียบ Forex Factory กับเครื่องมืออื่น: เลือกอะไรดี?
แม้ Forex Factory จะได้รับความนิยมสูง แต่ก็มีอีกหลายแพลตฟอร์มที่ให้บริการปฏิทินเศรษฐกิจ เช่น FXStreet, Investing.com หรือ BabyPips ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีจุดแข็งต่างกัน ต่อไปนี้คือการเปรียบเทียบข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
คุณสมบัติ | Forex Factory | FXStreet | Investing.com | BabyPips.com |
---|---|---|---|---|
ความเร็วในการอัปเดต | รวดเร็วมาก | รวดเร็วมาก | รวดเร็วมาก | รวดเร็ว |
รูปแบบการแสดงผล | เรียบง่าย ย้ำข้อมูลที่สำคัญ | มีรายละเอียดมาก อาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่ | ใช้งานได้หลากหลาย ครบเครื่อง | เรียบง่าย เน้นการเรียนรู้ |
ฟีเจอร์เสริม | ฟอรั่ม ชุมชน ข่าวสารและบทวิเคราะห์ | บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ | รวมทุกอย่าง: หุ้น, crypto, ฟอเร็กซ์, ข่าว | บทเรียนฟรีสำหรับผู้เริ่มต้น |
การปรับแต่ง | ปรับกรองได้ละเอียด: ประเทศ, สกุล, ผลกระทบ, คีย์เวิร์ด | กรองได้ดี แต่ซับซ้อนบ้าง | ปรับแต่งได้ครบทุกมิติ | กรองตามสกุลเงินและระดับความสำคัญ |
ความครอบคลุม | เน้นข่าวหลัก ไม่รวมรีพอร์ตระดับรอง | ครอบคลุมดี มีบทวิเคราะห์ | ครอบคลุมมากที่สุด | ครอบคลุมในระดับที่เพียงพอ |
ถ้าคุณต้องการ:
- ความง่าย, ความแม่นยำ และ ชุมชนเทรดเดอร์ – เลือก Forex Factory
- ข้อมูลเยอะ และต้องการ บทวิเคราะห์ลึกๆ – เลือก Investing.com หรือ FXStreet
- กำลังเรียนรู้ และต้องการแหล่งเรียนรู้ควบคู่ไปกับข่าว – เลือก BabyPips
นักเทรดผู้เชี่ยวชาญหลายคนใช้หลายแพลตฟอร์มประกอบกัน เช่น ดูข่าวจาก Forex Factory แล้วเปิด Investing.com เพื่อตรวจสอบบทวิเคราะห์เสริม
สรุป: ปฏิทินเศรษฐกิจคือเพื่อนคู่ใจของนักเทรดสมัยใหม่
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือมือเก๋าที่เทรดมาหลายปี Forex Factory Economic Calendar ก็คือเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการติดตามข้อมูลที่ส่งผลต่อตลาด ด้วยความสามารถในการตั้งค่าเวลาให้ตรงกับประเทศไทย การกรองข้อมูลได้ละเอียด และการเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็ว เครื่องมือนี้จึงเหมาะกับนักเทรดชาวไทยอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าเครื่องมือดีเพียงใด ก็ไม่สามารถทดแทน “วินัย” และ “การบริหารความเสี่ยง” ได้ การติดตามข่าวเป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณควรมองปฏิทินเศรษฐกิจเป็นเหมือนหัวกระสุน ไม่ใช่ปืนทั้งกระบอก
ใช้มันร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค การตั้งจุด Stop Loss ที่ชัดเจน และการวางแผนการเทรดล่วงหน้า จะช่วยให้คุณอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืน และประสบความสำเร็จในระยะยาว
ปฏิทินข่าว Forex Factory คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรต่อเทรดเดอร์?
ปฏิทินข่าว Forex Factory คือเครื่องมือที่รวบรวมและแสดงรายการการประกาศข้อมูลและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาด Forex ประโยชน์หลักคือช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ช่วงเวลาที่ตลาดจะมีความผันผวนสูง วางแผนกลยุทธ์การเทรด และจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดูจากค่าจริง ค่าคาดการณ์ และระดับผลกระทบของข่าว.
จะตั้งค่าเวลาใน Forex Factory ให้ตรงกับเวลาท้องถิ่นของประเทศไทยได้อย่างไร?
คุณสามารถตั้งค่าได้โดยคลิกที่เวลาที่แสดงอยู่มุมขวาบนของหน้าปฏิทิน จากนั้นเลือก “GMT+7” ในส่วนการตั้งค่าเขตเวลา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปิด “Daylight Saving Time (DST)” แล้วจึงกดบันทึก.
“Impact” ในปฏิทินข่าว Forex Factory บ่งบอกถึงอะไร และควรให้ความสำคัญกับระดับใด?
“Impact” บ่งบอกถึงระดับความสำคัญและการส่งผลกระทบต่อตลาดของการประกาศข่าวนั้นๆ แบ่งเป็นสีแดง (High Impact), สีส้ม (Medium Impact) และสีเหลือง (Low Impact) เทรดเดอร์ควรให้ความสำคัญกับข่าวสีแดงและสีส้มเป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะสร้างความผันผวนในตลาดมากที่สุด.
ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ Forex ควรรู้มีอะไรบ้าง?
- การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Decisions)
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
- รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) และอัตราการว่างงาน
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
- ยอดค้าปลีก (Retail Sales)
Forex Factory มีแอปพลิเคชันสำหรับมือถือหรือไม่ และใช้งานอย่างไร?
Forex Factory ไม่มีแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการจากผู้พัฒนาโดยตรง แต่เว็บไซต์รองรับการแสดงผลบนมือถือ (Responsive) นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามหลายตัวที่รวมข้อมูลจากปฏิทิน Forex Factory มาแสดงผล คุณสามารถค้นหาและดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play แต่ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนา.
การใช้ปฏิทินข่าว Forex Factory เพื่อเทรด “ข่าว” (News Trading) มีความเสี่ยงอย่างไร?
การเทรดข่าวมีความเสี่ยงสูงมากเนื่องจากตลาดมีความผันผวนอย่างรุนแรงและรวดเร็วในช่วงเวลาการประกาศ อาจเกิด Slippage (ความคลาดเคลื่อนของราคา) สูง และทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาอาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ได้ง่าย หากไม่มีประสบการณ์ ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด.
สามารถดูข้อมูลย้อนหลังของข่าวเศรษฐกิจใน Forex Factory ได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถดูข้อมูลย้อนหลังของข่าวเศรษฐกิจใน Forex Factory ได้ โดยการเลือกวันที่หรือช่วงเวลาที่คุณสนใจในปฏิทิน ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการศึกษาผลกระทบในอดีตของข่าวต่างๆ.
Forex Factory กับ Investing.com หรือ FXStreet ปฏิทินเศรษฐกิจแบบไหนดีกว่ากัน?
แต่ละปฏิทินมีจุดเด่นต่างกัน: Forex Factory เน้นความเรียบง่ายและชุมชนเทรดเดอร์; Investing.com มีข้อมูลครอบคลุมและเครื่องมือที่หลากหลาย; FXStreet มีบทวิเคราะห์และข่าวสารเชิงลึก การเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเทรดส่วนบุคคลของคุณ.
“ปฏิทินข่าว Forex Factory ภาษาไทย” มีให้บริการหรือไม่ หรือมีแหล่งข้อมูลภาษาไทยที่เกี่ยวข้องอย่างไร?
Forex Factory ไม่มีเวอร์ชันภาษาไทยอย่างเป็นทางการ แต่มีชุมชนเทรดเดอร์และเว็บไซต์วิเคราะห์ Forex ในประเทศไทยจำนวนมากที่แปลหรือสรุปข่าวสารสำคัญจาก Forex Factory เป็นภาษาไทย คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากฟอรัมหรือบล็อกการเทรด Forex ในไทย.
ควรใช้ “TradingView” ร่วมกับปฏิทินข่าว Forex Factory เพื่อวิเคราะห์ตลาดอย่างไร?
คุณสามารถใช้ TradingView สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (กราฟราคา, อินดิเคเตอร์) ในขณะที่ใช้ Forex Factory เพื่อติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน เมื่อมีการประกาศข่าวสำคัญจาก Forex Factory คุณสามารถกลับมาที่ TradingView เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของราคาและยืนยันทิศทางการเทรด โดยรวมข้อมูลทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อการตัดสินใจที่ครอบคลุมมากขึ้น.