【2】HYBE Corporation: การวิเคราะห์เชิงลึก: การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ข้อโต้แย้ง และแนวโน้มการลงทุน
ในโลกของ K-Pop ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชื่อของ **HYBE Corporation** ไม่ใช่แค่บริษัทบันเทิงทั่วไป แต่คือหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่กำหนดทิศทางของวงการ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่พาบริษัทก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในด้านการบริหาร กฎหมาย และมุมมองของนักลงทุน บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกทุกมุมของ HYBE ตั้งแต่จุดเริ่มต้น การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ข้อขัดแย้งที่สะเทือนวงการ ไปจนถึงกลยุทธ์ในการรุกตลาดอนาคต

ปฐมบทของ HYBE: จาก Big Hit สู่จักรวรรดิบันเทิงระดับโลก
วิสัยทัศน์ของบังชีฮยอกและปรากฏการณ์ BTS
ทุกเรื่องราวดูเหมือนจะเริ่มจากความฝันของหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง คือ **พัคจีฮยอก** หรือที่รู้จักในชื่อ **บังชีฮยอก** อดีตโปรดิวเซอร์เพลงที่ตั้งใจจะเปลี่ยนระบบที่คับแคบในวงการบันเทิงเกาหลี ปี 2005 เขาจึงก่อตั้ง **Big Hit Entertainment** ด้วยทุนเริ่มต้นที่ไม่มากนัก แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงในปี 2013 เมื่อ **BTS** หรือ Bangtan Sonyeondan เปิดตัว ต่างจากเกิร์ลกรุ๊ปหรือบอยแบนด์ในยุคนั้นที่เน้นภาพลักษณ์ที่เพอร์เฟกต์ BTS กลับพูดถึงปัญหาของวัยรุ่น ความกดดันทางสังคม และการต่อสู้กับตัวตน ดนตรีที่เต็มไปด้วยเมสเสจ และความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับแฟนคลับ (ARMY) ทำให้พวกเขาไม่เพียงดังในเกาหลี แต่ยังก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์ระดับโลก
ความสำเร็จของ BTS ไม่ใช่แค่ยอดขายอัลบั้ม หรือการแสดงบนเวที แต่คือการเปลี่ยนโฉมหน้าของค่ายเล็กๆ ให้กลายเป็นบริษัทระดับมหาชนที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
การปรับโครงสร้างองค์กรและกลยุทธ์หลายค่าย (HYBE Labels)
เมื่อรายได้จาก BTS ช่วยผลักดันบริษัทอย่างก้าวกระโดด Big Hit ไม่หยุดอยู่แค่นั้น พวกเขาตระหนักว่าความสุ่มอาจเกิดขึ้นได้ แต่ความยั่งยืนต้องสร้างด้วยระบบ
ในปี 2021 บริษัทจึงประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น **HYBE Corporation** พร้อมเปิดตัวโครงสร้าง “**หลายค่าย**” (Multi-label Strategy) โดยแยกการบริหารแต่ละค่ายให้มีอิสระและเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังอยู่ภายใต้โครงสร้างใหญ่เดียวกัน
ตอนนี้ HYBE ไม่ได้ดูแลแค่ Big Hit Music เท่านั้น แต่รวมไปถึง:
– **ADOR** (ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ NewJeans)
– **Pledis Entertainment** (SEVENTEEN, fromis_9)
– **Source Music** (LE SSERAFIM)
– **KOZ Entertainment** (ZICO, BOYNEXTDOOR)
– **Belift Lab** (ENHYPEN, ILLIT)
การดำเนินกลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถผลิตศิลปินหลากหลายแนว รับมือกับตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างฉับไว และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาศิลปินเพียงวงเดียว

การวิเคราะห์เชิงลึก: การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและปัจจัยสำคัญ
ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นเกาหลีในปี 2020 ราคาหุ้นของ **HYBE (KRX: 352820)** ได้แสดงความผันผวนอย่างชัดเจน จากราคาปิดวันแรกที่ประมาณ 150,000 วอน เคยพุ่งสูงถึงกว่า 400,000 วอน แต่ในช่วงปี 2023-2024 กลับปรับตัวลงอย่างรุนแรง สะท้อนภาพรวมที่ซับซ้อนของบริษัทในระยะเวลาไม่กี่ปี
ข้อมูลเบื้องหลังมูลค่าตลาดและข้อมูลการเงินของบริษัทสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ MarketScreener ผ่านการวิเคราะห์ เราจะเห็นปัจจัยหลักหลายประการที่ส่งผลต่ออารมณ์ของนักลงทุน
ผลกระทบจากการเข้ารับราชการทหารและการกลับมาของสมาชิก BTS
BTS คือไอคอนของ HYBE แต่ก็เป็นทั้งดวงใจและภาระ ทั้งเจ็ดสมาชิกเริ่มเข้ารับราชการทหารตั้งแต่กลางปี 2023 ตามกฎหมายเกาหลี ส่งผลให้กิจกรรมกลุ่มหยุดชะงักลงอย่างสมบูรณ์
ในตลาดหุ้น สิ่งนี้ไม่ใช่แค่หยุดการผลิตอัลบั้ม แต่หมายถึงการหยุดขุมทรัพย์รายได้หลักทั้งหมด คอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า เครื่องแต่งกาย ไลฟ์เวิร์ก – ทุกอย่างหยุดนิ่ง
แม้ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารจะพยายามสื่อสารว่าบริษัท “ไม่พึ่งพิง” BTS แต่ผลประกอบการช่วง 2-3 ปีหลังชี้ชัดตรงกันข้าม
กระแสนักลงทุนจึงรอดู “การกลับมา” ของ BTS ในช่วงปี 2025 เป็นต้นไป หากมีการประกาศคอนเสิร์ตหรืออัลบั้มใหม่อย่างเป็นรูปธรรม อาจกลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อราคาหุ้นและอัตราผลตอบแทนของบริษัท
ต้นตอและความขัดแย้ง ADOR กับ NewJeans และผลกระทบต่อผลประกอบการ
นี่คือหนึ่งในคดีความที่ใหญ่ที่สุดในวงการ K-Pop
**มินฮีจิน** อดีตซีอีโอของ **ADOR** ค่ายย่อยในสังกัด HYBE และเป็นผู้วางรากฐานความสำเร็จของ NewJeans ถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 2023 อย่างกระทันหัน ตามมาด้วยการฟ้องร้องระหว่างฝั่งผู้บริหาร HYBE กับมินฮีจิน และในเวลาต่อมา “NewJeans” เองก็แสดงความไม่พอใจต่อข้อตกลงและวิธีการบริหารจัดการของค่ายผ่านแถลงการณ์สาธารณะ
ประเด็นลุกลามกลายเป็นข้อพิพาทเรื่องการยึดอำนาจ การละเมิดจริยธรรม-จรรยาบรรณ และความสัมพันธ์สัญญาของศิลปิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรายได้ในอนาคต
การเจรจาทั้งหมดล้มเหลว และตอนนี้คดีอยู่ในกระบวนการตัดสินโดยศาล โดยมีกำหนดวันพิจารณาคดีใน **30 ตุลาคม 2568** หากผลออกมาในแง่ลบต่อ HYBE อาจส่งผลให้ NewJeans ไม่ต่อสัญญา หรือบริษัทเสียค่าชดเชยจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดทันที
การพิจารณาเชิงกลยุทธ์ในการซื้อขายหุ้น SM Entertainment ของ HYBE
ในปี 2023 HYBE เคยพยายามเข้าควบรวม **SM Entertainment** ผ่านการซื้อหุ้นสัดส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นข่าวช็อกวงการบันเทิงเกาหลี อย่างไรก็ตาม ความพยายามนั้นล้มเหลวจากแรงต้านจากผู้ถือหุ้นรายย่อยและฝั่งผู้บริหารของ SM
ที่น่าสนใจคือ ใน **กลางปี 2568** HYBE ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดกว่า 14 ล้านหุ้นใน SM Entertainment ให้กับ **Tencent Music Entertainment Group** ด้วยมูลค่าประมาณ **243.35 พันล้านวอน** (ราว 177 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนจุดยืนใหม่ของ HYBE ในการใช้กลยุทธ์ “**เลือกและเน้น**” (Select and Focus) คือหันมาทบทวนการลงทุนที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหลัก แล้วนำเงินสดที่ได้ไปผลักดันด้าน **เทคโนโลยี**, **แพลตฟอร์ม**, และ **การเติบโตแบบธุรกิจข้ามสาขา**
นี่คือการปรับทิศทางด้วยมุมมองทางธุรกิจที่รัดกุมขึ้นกว่าเดิม แม้จะดูเป็นการถอนตัว แต่ก็อาจเป็นสัญญาณการโฟกัสที่เป็นระบบที่สุดในรอบหลายปี
ข้อกล่าวหาฉ้อโกง IPO และการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน: HYBE ภายใต้พายุทางกฎหมาย
“ข้อตกลงลับ” ของบังชีฮยอกในช่วง IPO และการสอบสวน
ปี 2025 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภาพลักษณ์ของบังชีฮยอก เมื่อเขาถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องราว **”ข้อตกลงลับ”** ก่อนการ IPO ของบริษัท
ข้อกล่าวหายืนยันว่า บังชีฮยอกและกลุ่มผู้บริหารบางส่วนได้เจรจากับกองทุนส่วนตัวหลายแห่งในช่วงที่เก็บเงินระดมทุน (pre-IPO) แต่กลับให้ข้อมูลกับนักลงทุนรายย่อยว่า “ยังไม่มีแผนจะเข้าตลาดหุ้น” เพื่อไม่ให้ราคาประเมินสูงเกินไป แต่สุดท้ายก็พาบริษัทเข้าตลาดและกอบโกยผลกำไรส่วนต่างอย่างมหาศาล
การกระทำดังกล่าวอาจถือว่าเป็นการ **ฉ้อโกงนักลงทุนรายย่อย** หรือการละเว้นข้อมูลสำคัญ ทำให้สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงโซลเตรียมสอบปากคำบังชีฮยอกในวันที่ **15 กันยายน 2568** ซึ่งเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ต้องสงสัย การพิจารณาคดีนี้อาจเปลี่ยนทัศนคติของตลาดต่อการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) ของบริษัทอย่างถาวร
ความคลุมเครือในการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายในและความท้าทายด้านความน่าเชื่อถือขององค์กร
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริหารระดับสูงบางคนที่อาจ **ใช้ข้อมูลภายใน** ที่ยังไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อซื้อ-ขายหุ้น เช่น การตัดสินใจปลดมินฮีจิน การปรับโครงสร้างค่าย หรือผลประกอบการล่วงหน้า
หากข้อกล่าวหานี้ถูกพิสูจน์ได้ จะสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ HYBE อย่างหนัก และอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมาย รวมถึงการเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหายจากนักลงทุนรายย่อย
ความเชื่อมั่นที่เคยมีต่อ “ระบบบังชีฮยอก” ที่โปร่งใส กำลังถูกคุกคาม และนี่คือหัวใจของปัญหาที่อาจส่งผลในระยะยาว ไม่ใช่แค่เรื่องผลกำไร แต่เป็นเรื่อง **”ธรรมาภิบาล” ขององค์กร**
HYBE: อาณาจักรธุรกิจที่หลากหลายและกลยุทธ์การเติบโตในอนาคต
นอกเหนือจากดนตรี: การจัดวางเนื้อหา แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยี
จุดแข็งสำคัญอย่างหนึ่งของ HYBE คือการไม่หยุดอยู่แค่การทำอัลบั้มและส่งศิลปินออกทัวร์ บริษัทกำลังเปลี่ยนตัวเองให้เป็น **“บริษัทเทคโนโลยีบันเทิง”** ที่ภาพลักษณ์ใหม่
ตัวอย่างความพยายามเหล่านี้ได้แก่:
– **Weverse**: แพลตฟอร์มแฟนคลับที่รวบรวม ARMY และแฟนๆ ทั่วโลก สร้างรายได้จากสินค้าดิจิทัล, สมัครสมาชิก, และสดชมไลฟ์
– **HYBE Solutions**: ทีมผลิตคอนเทนต์ระดับภาพยนตร์และรายการทีวี ไม่ว่าจะเป็นสารคดี BTS, รายการวาไรตี้ หรือโปรเจกต์ร่วมกับ Netflix
– **HYBE IM และธุรกิจเกม**: พัฒนาเกมมือถือและพื้นที่ดิจิทัลที่ศิลปิน “ปรากฏตัว” ได้ในโลกเสมือน ผ่านการเปิดตัวเกมแนว rhythm และ RPG
– **เมตาเวิร์ส**: ลงทุนในพื้นที่เสมือนจริงเพื่อให้แฟนๆ ได้พบปะศิลปินในรูปแบบ VR
– **SuperTone**: บริษัทในเครือที่พัฒนาเทคโนโลยี AI สำหรับเสียง ค้นหาความสามารถในเสียงร้องของนักร้องใหม่ๆ และพัฒนา “เสียงกลั่นกรอง” ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ทุก เป้าหมายนี้คือการสร้างรายได้จากหลายคอนเสิร์ตเสียงเดียว แต่จากหลายมิติ และหลายช่องทาง
การขยายตลาดทั่วโลกและโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรม K-Pop
แม้ตลาดเกาหลีจะยังคงเป็นหัวใจ แต่ HYBE มองไปไกลกว่านั้น บริษัทขยายสำนักงานในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ พร้อมเปิดตัวโปรเจกต์ศิลปินใหม่ที่มีเป้าหมายเฉพาะกลุ่มต่างชาติ
โอกาสใหม่ที่น่าจับตา คือ **การกลับมาของ K-Pop บนดินแดนจีน** ซึ่งเคยถูกคว่ำบาตรมาก่อน ปัจจุบัน มีสัญญาณทางการเมืองที่อ่อนลง และการเปิดรับวัฒนธรรมร่วม ทำให้หลายบริษัทรวมถึง HYBE อาจกำลังวางแผนยุทธศาสตร์กลับเข้าสู่ตลาดจีนอย่างเป็นทางการ
บวกกับกระแสนิยม K-Pop ที่ยังคงแรงในตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ HYBE อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะใช้ประโยชน์จาก “**global fandom economy**” ที่เติบโตต่อเนื่อง
การลงทุนในหุ้น HYBE: การประเมินความเสี่ยงและศักยภาพ
วิธีซื้อหุ้น HYBE: คู่มือสำหรับนักลงทุนรายย่อย
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตไปยังบริษัท K-Pop ชั้นนำ การซื้อหุ้น **HYBE (KRX: 352820)** เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่ต้องเตรียมเครื่องมือที่เหมาะสม
คุณสามารถซื้อผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการในตลาดหุ้นเกาหลี เช่น Interactive Brokers, Tiger Brokers หรือ Fidelity (บางรายเปิดบริการแบบนานาชาติ) โดยขั้นตอนหลักได้แก่:
1. เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับ KRX
2. เปิดบัญชีลงทุนนานาชาติ
3. ตรงตามข้อกำหนด KYC และยืนยันตัวตน
4. โอนเงินเป็นสกุลวอนหรือใช้ระบบแปลงสกุล
5. ค้นหาหุ้นด้วยรหัส “352820.KS”
6. ส่งคำสั่งซื้อ และติดตามสถานะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
อย่าลืม: ความผันผวนของหุ้นนี้สูงมาก จากพลวัตของข่าวบันเทิง ดังนั้นควรมองเป็นการลงทุนระยะกลาง-ยาว พร้อมจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
แนวโน้มการลงทุนระยะยาวและการวิเคราะห์สภาพการแข่งขัน
หากพิจารณาจากมุมมองของนักวิเคราะห์หลายคน HYBE ยังคงถูกมองว่าเป็นบริษัทที่มี **ศักยภาพการเติบโตสูง** แต่ก็มีความเสี่ยงที่ “ควบคุมได้ยาก”
จุดแข็งที่ชัดเจน:
– รายได้จากทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ที่แข็งแรง เช่น BTS, SEVENTEEN, NewJeans
– ฐานแฟนคลับระดับโลกที่ภักดี
– กลยุทธ์“Weverse” ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง
– แผนการเติบโตผ่านเทคโนโลยี
แต่ก็มีจุดอ่อนที่น่ากังวล:
– ต้องพึ่งพารายได้จากศิลปินไม่กี่กลุ่ม
– มีความขัดแย้งทางบริหารบ่อยครั้ง
– ภาพลักษณ์องค์กรได้รับผลกระทบจากข่าวฉ้อโกง
– การแข่งขันกับ SM, JYP และ YG ยังดุเดือด
เมื่อเทียบกับคู่แข่ง:
– **SM Entertainment**: เน้นนวัตกรรมในด้านความหลากหลายของศิลปิน (เช่น aespa – metaverse)
– **JYP Entertainment**: ระบบทีมงานที่มั่นคง และผลิตศิลปินชื่อดังต่อเนื่อง (TWICE, Stray Kids)
– **YG Entertainment**: ปัจจุบันเผชิญความท้าทาย แต่มีแฟรนไชส์ที่แข็งแรง (BLACKPINK)
ในมุมมองของหลายฝ่าย นักวิเคราะห์ **ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” (Buy)** หุ้น HYBE โดยมี **ราคาเป้าหมายเฉลี่ยใน 12 เดือนอยู่ที่ 330,125 วอน** สะท้อนความเชื่อมั่นในระยะยาวหากบริษัทสามารถคลี่คลายความขัดแย้งทั้งหมดได้
สรุป: ยักษ์ใหญ่ที่ผันผวน ทั้งความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง
HYBE Corporation กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตและโอกาสพร้อมกัน พวกเขาไม่ใช่แค่บริษัทดนตรี แต่เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่พยายามเปลี่ยนวงการบันเทิงให้เป็นดิจิทัลทั้งระบบ
ความขัดแย้งกับ ADOR และข้อกล่าวหาเรื่อง IPO อาจทำให้ราคาหุ้นตก แต่ก็เปิดโอกาสให้บริษัทแสดงศักยภาพในการปรับตัว และสร้างระบบที่โปร่งใส มากกว่าเดิม
หาก BTS กลับมาอย่างแรง การฟื้นตัวอาจเกิดขึ้นได้เร็ว หาก NewJeans อยู่ต่อ ศักยภาพในการทำกำไรก็ยังอยู่สูง หากเรื่องฉ้อโกงคลี่คลาย HYBE อาจกลับมาเป็น “ตัวเลือกต้นๆ” สำหรับนักลงทุนที่เชื่อใน K-Pop Economy
สุดท้าย ความยั่งยืนของบริษัทขึ้นอยู่กับ **ไม่ใช่แค่การผลิตศิลปินให้ดัง แต่คือการบริหารองค์กรอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และมีความรับผิดชอบต่อนักลงทุนและแฟนๆ** HYBE อาจเคยเป็นบริษัทที่เปลี่ยน K-Pop ให้กลายเป็นโลกยักษ์ใหญ่ แต่ตอนนี้ ท้าทายใหม่คือการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นองค์กรที่โลกยอมรับในทุกมิติ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. HYBE Corporation มีรหัสหุ้นอะไร? นักลงทุนในประเทศไทยควรซื้อหุ้น HYBE อย่างไร?
รหัสหุ้นของ HYBE Corporation คือ KRX: 352820. นักลงทุนในประเทศไทยสามารถซื้อหุ้น HYBE ผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ระหว่างประเทศที่ให้บริการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีได้ โดยต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศและทำตามขั้นตอนที่โบรกเกอร์กำหนด.
2. ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาหุ้น HYBE ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?
ปัจจัยหลักได้แก่
- ความคืบหน้าของการรับราชการทหารและการกลับมาของสมาชิก BTS
- ข้อพิพาทด้านการบริหารกับ ADOR และ NewJeans
- การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการลงทุนและถอนการลงทุน (เช่น การขายหุ้น SM Entertainment)
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่หลากหลาย เช่น แพลตฟอร์ม Weverse และธุรกิจเกม
- และข้อกล่าวหาด้านการฉ้อโกง IPO ของผู้ก่อตั้ง.
3. ข้อพิพาทเรื่องสัญญาระหว่าง NewJeans กับ ADOR ได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง? เรื่องนี้มีผลกระทบระยะยาวต่อ HYBE อย่างไร?
การไกล่เกลี่ยระหว่าง NewJeans และ ADOR ได้ล้มเหลว และศาลมีกำหนดตัดสินคดีในวันที่ 30 ตุลาคม 2568. เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ HYBE และอาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของ NewJeans ซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทำรายได้หลักของบริษัท.
4. คดีฉ้อโกง IPO ที่บังชีฮยอกถูกกล่าวหา มีความคืบหน้าอย่างไร? สิ่งนี้จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ HYBE อย่างไร?
บังชีฮยอกมีกำหนดเข้ารับการสอบปากคำจากตำรวจในวันที่ 15 กันยายน 2568. ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง IPO และการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายในส่งผลกระทบอย่างมากต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทและอาจทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง. HYBE ได้กล่าวว่าจะให้ความร่วมมือกับการสอบสวนอย่างเต็มที่.
5. ทำไม HYBE ถึงตัดสินใจขายหุ้นใน SM Entertainment ให้กับ Tencent Music? กลยุทธ์เบื้องหลังคืออะไร?
HYBE ตัดสินใจขายหุ้นใน SM Entertainment เพื่อถอนตัวจากสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “เลือกและเน้น” เพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตในธุรกิจหลักและโครงการใหม่ๆ เช่น แพลตฟอร์ม เกม และ AI.
6. นอกจาก BTS และ NewJeans แล้ว HYBE มีวงศิลปินหลักอื่นๆ วงใดบ้าง?
HYBE มีค่ายเพลงย่อยหลายแห่ง ซึ่งมีศิลปินหลักอื่นๆ ได้แก่ SEVENTEEN, fromis_9 (Pledis Entertainment), LE SSERAFIM (Source Music), ZICO, BOYNEXTDOOR (KOZ Entertainment), ENHYPEN, ILLIT (Belift Lab) และ TXT (Big Hit Music).
7. แนวโน้มโดยรวมของอุตสาหกรรม K-Pop มีผลกระทบต่อการพัฒนาในอนาคตของ HYBE อย่างไร?
แนวโน้มการเติบโตของ K-Pop ทั่วโลกสร้างโอกาสมหาศาลให้กับ HYBE ในการขยายฐานแฟนคลับและรายได้. อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่สูงขึ้นและความจำเป็นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการกับข้อพิพาทต่างๆ ก็เป็นสิ่งท้าทายที่ HYBE ต้องเผชิญ.
8. หากต้องการดูแผนภูมิราคาหุ้น HYBE แบบเรียลไทม์ ควรไปที่ไหน?
คุณสามารถดูแผนภูมิราคาหุ้น HYBE แบบเรียลไทม์ได้จากเว็บไซต์ทางการเงินต่างๆ เช่น TradingView, Investing.com หรือ MarketScreener โดยค้นหาด้วยรหัสหุ้น KRX: 352820.
9. นอกเหนือจากธุรกิจเพลงแล้ว HYBE Entertainment มีแหล่งรายได้อื่นๆ อะไรบ้าง?
HYBE มีแหล่งรายได้ที่หลากหลายนอกเหนือจากเพลง ซึ่งรวมถึง
- แพลตฟอร์มแฟนคลับ (Weverse)
- เนื้อหาภาพยนตร์และโทรทัศน์ (HYBE Solutions)
- ธุรกิจเกม (HYBE IM)
- เมตาเวิร์ส
- และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้านเสียง.
10. เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทบันเทิง K-Pop หลักอื่นๆ (เช่น SM, JYP, YG) ศักยภาพการลงทุนของ HYBE เป็นอย่างไร?
HYBE มีจุดแข็งด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การกระจายธุรกิจที่ก้าวหน้า ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตสูง. อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากข้อพิพาทและการพึ่งพาศิลปินหลักยังคงเป็นความท้าทาย. เมื่อเทียบกับคู่แข่ง HYBE มุ่งเน้นไปที่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีบันเทิง ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวหากสามารถจัดการกับความเสี่ยงและข้อพิพาทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.