โบรกเกอร์ Forex สำหรับ Scalping ที่ดีที่สุดในประเทศไทย ปี 2025: คู่มือฉบับสมบูรณ์
โลกของตลาด Forex ไม่เคยนิ่ง ทุกวินาทีมีโอกาสและแรงสั่นสะเทือนที่สามารถสร้างกำไรได้ — และสำหรับนักเทรดชาวไทยจำนวนมาก กลยุทธ์ที่กลายเป็นตัวเลือกชั้นนำในการคว้าโอกาสนั้นคือ **Scalping** การเล่นระยะสั้นแบบเร่งด่วน ที่เปิดและปิดออร์เดอร์ภายในไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที เพื่อสะสมกำไรเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ทักษะการวิเคราะห์ราคา แต่ขึ้นอยู่กับ “ตัวโบรกเกอร์” ที่ใช้ด้วยอย่างมาก เพราะการ Scalping ต้องอาศัยความเร็ว การเข้าถึงราคาอย่างโปร่งใส และต้นทุนที่ถูกที่สุด ถ้าโบรกเกอร์ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม แม้ใช้กลยุทธ์เท่าเทพก็อาจไร้ผล
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงคุณสมบัติของโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์การ Scalping อย่างแท้จริง พร้อมจัดอันดับ **โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับ Scalping ในประเทศไทย ปี 2025** เพื่อเป็นคู่มือสำคัญในการตัดสินใจ ช่วยให้คุณเข้าใกล้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้มากขึ้น

Scalping คืออะไร ทำไมนักเทรดไทยถึงนิยม?
Scalping ไม่ใช่แค่การเทรดเร็ว แต่คือการวางกลยุทธ์ในการ “ขีดข่วน” กำไรจากตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยนักเทรดจะเน้นเปิดและปิดตำแหน่งภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที เมื่อราคามีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ปิดคำสั่งทันที แล้วทำซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง วันหนึ่งอาจมีหลายสิบหรือหลายร้อยครั้ง ผลรวมที่ได้หากบริหารจัดการอย่างดี สามารถกลายเป็นผลกำไรที่น่าประทับใจ
กลยุทธ์นี้ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดไทยทั้งมือใหม่และมืออาชีพ เพราะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการผลลัพธ์ภายในวันเดียว ไม่ต้องรอลุ้นข้ามคืน และยังช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ ทำให้โฟกัสไปที่การควบคุมอารมณ์ และประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ใช้ได้มากขึ้น
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า “ทำเงินเร็ว”
Scalping มักถูกตีความว่า “ทำเงินเร็ว” ซึ่งถูกต้อง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะความเร็วไปพร้อมกับต้นทุนและแรงกดดันที่สูงมาก หากนักเทรดไม่เตรียมความพร้อมจริง ๆ อาจกลายเป็นการเสียเงินเร็วแทน ดังนั้น ความเข้าใจในกลไกตลาดและการควบคุมจิตใจจึงเป็นหัวใจสำคัญของทุกการเทรด
ข้อดีและข้อเสียของ Scalping: น้ำหนัก 2 ด้านที่นักเทรดควรรู้
**ข้อดีของการ Scalping**
– **เห็นผลตอบแทนเร็ว**: กำไรเกิดได้ในไม่กี่นาทีหรือทันทีหลังปิดออร์เดอร์
– **หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเหตุการณ์ข้ามคืน**: ไม่ต้องกังวลเรื่อง gap หรือสไลป์เพจจากข่าวใหญ่ในต่างประเทศ
– **ใช้งานได้ในตลาดที่เคลื่อนไหวน้อย**: แม้ตลาดจะไม่มีแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง ก็ยังพบโอกาสได้
– **เหมาะกับการเทรดอัตโนมัติ**: ใช้ EA (Expert Advisor) หรือบอทเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
**ข้อเสียของการ Scalping**
– **ต้องใช้สมาธิสูงตลอดเวลา**: ทุกวินาทีมีผล ทำให้ต้องจดจ่อตลอด ซึ่งเป็นภาระจิตใจในระยะยาว
– **ต้นทุนสะสมสูง**: สเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่ดูน้อยเมื่อครั้งเดียว กลับกลายเป็นภาระใหญ่เมื่อเทรดหลายร้อยครั้งต่อวัน
– **ต้องพึ่งโบรกเกอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด**: การดีเลย์แม้แค่เสี้ยววินาทีก็อาจทำให้สูญเสียโอกาสหรือขาดทุนโดยไม่จำเป็น
โบรกเกอร์แบบไหนที่เหมาะกับการ Scalping ในปี 2025?
การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่ “เปิดบัญชีไว้เทรดได้” แต่ต้องพิจารณาว่าโครงสร้างของโบรกเกอร์นั้นออกแบบมาเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์เฉพาะจริงหรือไม่ ดังนั้น สิ่งต่อไปนี้จึงเป็นเกณฑ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องเลือกโบรกเกอร์สำหรับการ Scalping:
สเปรดต่ำอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ “ต่ำในโฆษณา”
นัก Scalping ต้องการสเปรดที่ต่ำและคงที่ เพราะแม้จะเพิ่มขึ้นแค่ 0.1 pip ก็สามารถกลืนกำไรได้ทั้งวัน สิ่งที่ควรสังเกตคือสเปรดในช่วงเวลาที่ตลาดคึกคัก เช่น ช่วงเปิดตลาดลอนดอนหรือนิวยอร์ก โบรกเกอร์ชั้นนำจะรักษาสเปรดต่ำได้แม้ในช่วงแรงสั่นสะเทือน และบางรายเสนอ **สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip** ในบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ความเร็วในการดำเนินการคำสั่ง (Execution Speed)
นี่คือปัจจัยชี้ขาด หากคำสั่งของคุณถูกดำเนินการล่าช้าเพียง 10-50 มิลลิวินาที ก็อาจทำให้คุณพลาดราคาที่ต้องการ หรือเจอสไลป์เพจ (slippage) ที่ขาดทุน ในกรณีนี้ โบรกเกอร์ต้องมีระบบ **ultra-low latency infrastructure** และซ้อนเซิร์ฟเวอร์ไว้ใกล้กับแหล่งสภาพคล่อง (Liquidity Providers) เพื่อให้คำสั่งเดินทางได้เร็วที่สุด
แพลตฟอร์มการเทรดที่เสถียรและยืดหยุ่นได้
แพลตฟอร์มคือ “อุปกรณ์ของคุณ” หากเครื่องมือขัดข้อง การ Scalping จะพังทันที ดังนั้น แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง **MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5)** และ **cTrader** จึงเป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือ เพราะไม่เพียงมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบถ้วน แต่ยังรองรับการใช้งาน EA ได้อย่างไหลลื่น บางรายยังพัฒนา WebTrader เองที่ทำงานได้ดีแม้ไม่ต้องติดตั้ง
การกำกับดูแล (Regulation) แบบสากล
ความปลอดภัยของเงินทุนมาก่อนทุกสิ่ง โบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานชั้นนำ เช่น **FCA (สหราชอาณาจักร), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส)** หรือ **FSCA (แอฟริกาใต้)** ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เข้มงวดทั้งด้านการเงิน การแยกเงินลูกค้า และความโปร่งใส ซึ่ง เป็นประกันชั้นดีสำหรับนักเทรดชาวไทย Investopedia ได้ชี้ชัดว่าโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง มักมีผลการดำเนินงานและบริการที่น่าเชื่อถือมากกว่า
ไม่จำกัดการใช้กลยุทธ์ Scalping
โบรกเกอร์บางรายแอบซ่อนนโยบายที่ห้ามการเทรดบ่อย ๆ หรือกำหนดให้ต้องถือออร์เดอร์ขั้นต่ำเป็นนาที ซึ่งเป็น “บาปหนัก” สำหรับ Scalper การเลือกโบรกเกอร์ที่ระบุชัดเจนว่า “ไม่มีข้อห้ามใด ๆ ต่อการ Scalping” หรือ “ไม่มีการปฏิเสธการเติมคำสั่ง (No Requotes)” จึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ต้องพิจารณา
บัญชี ECN / Raw Spread: ทางเลือกอันดับหนึ่ง
บัญชีประเภทนี้ช่วยให้คุณ “เชื่อมตรง” กับตลาด โดยผ่านระบบเครือข่ายสื่อสารระหว่างนักเทรดกับผู้ให้สภาพคล่องโดยตรง ทำให้สเปรดต่ำมาก (แม้ถึง 0.0 pip) และราคา “บริสุทธิ์” ที่สุด แม้จะมีค่าคอมมิชชั่นต่อล็อต แต่เมื่อบวกกับกำไรจากการเข้าถึงราคาจริง ก็ยังคุ้มกว่าบัญชีแบบ Standard อย่างชัดเจน
การฝาก-ถอนที่รวดเร็ว รองรับธนาคารไทย
กำไรที่เกิดขึ้นควรจะถอนออกมาใช้ได้จริง และเร็วที่สุด โบรกเกอร์ที่ดีควรมีช่องทางการเงินหลากหลาย ทั้งบัตรเครดิต, e-Wallet (เช่น Skrill, Neteller) และที่สำคัญคือ **การโอนผ่านธนาคารในประเทศไทย** เช่น กสิกร, กรุงไทย, ไทยพาณิชย์ ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากและอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่จำเป็น
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ตอบสนองได้จริง
เคยไหม? เกิดปัญหา technical ขณะเทรด แต่ต้องรอตอบเป็นชั่วโมง โบรกเกอร์ที่ดีควรมีทีมซัพพอร์ตที่ออนไลน์ตลอด 24/5 และที่สำคัญกว่านั้นคือ นักเทรดไทยจะได้เปรียบมาก หากมี **พนักงานหรือแชทไลน์ที่สื่อสารภาษาไทยได้** เพราะปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องแปลหรือเข้าใจผิด

อันดับ 5 โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับการ Scalping ในประเทศไทย ปี 2025
จากเกณฑ์ที่ระบุข้างต้นและการวิเคราะห์เชิงลึก การจัดอันดับนี้ไม่ได้อิงแค่ชื่อเสียง แต่วัดจาก “ประสิทธิภาพที่แท้จริง” ที่เหมาะกับนัก Scalping โดยเฉพาะ DailyForex เองก็ให้ความสำคัญกับโบรกเกอร์ที่เข้าใจตลาดเอเชียเป็นอย่างดี ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้เช่นกัน
อันดับ 1: Pepperstone – ราชาแห่งความเร็วและประสิทธิภาพ
Pepperstone ไม่ใช่แค่ชื่อที่คุ้นหู แต่คือหนึ่งในไม่กี่โบรกเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อนักเทรดความถี่สูง การใช้บัญชี Razor วิ่งบนระบบ ECN ช่วยให้ได้รับสเปรดต่ำสุดเริ่มต้นที่ 0.0 pip และการดำเนินคำสั่งเฉลี่ยต่ำกว่า 15 มิลลิวินาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังรองรับทั้ง MT4, MT5 และ cTrader ได้อย่างราบรื่น เหมาะมากสำหรับผู้ที่ใช้ EA หรือต้องการอัตโนมัติ ด้วยใบอนุญาตจาก ASIC และ FCA ทำให้นักเทรดมั่นใจในความปลอดภัยได้สูง
*เหมาะกับ: Scalpers มืออาชีพ ผู้ใช้ระบบอัตโนมัติ และนักเทรด HFT ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด*
อันดับ 2: Moneta Markets – ความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับความเสถียร
Moneta Markets ถือเป็นดาวรุ่งที่มาแรงในปี 2025 เพราะนอกจากจะเสนอ **บัญชี Raw ECN ที่มีสเปรดต่ำสุด 0.0 pip** แล้ว ยังเน้นเรื่องความเร็วอย่างชัดเจน ระบบ Execution ทำงานได้ไวและเสถียร แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน ที่สำคัญ ตัวโบรกเกอร์ไม่มีนโยบายจำกัดกลยุทธ์ใด ๆ ทำให้ Scalpers สามารถเปิด-ปิดออร์เดอร์ได้อย่างอิสระ แพลตฟอร์มสนับสนุนทั้ง MT4, MT5 และ WebTrader พร้อมทีมซัพพอร์ตที่ตอบเร็วและมีภาษาไทย ทำให้นักเทรดชาวไทยได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลอย่างแท้จริง
หากคุณมองหาโบรกเกอร์ที่สมดุลทั้งเรื่องราคา ความเร็ว และการให้บริการ Moneta Markets เป็นคำตอบที่ควรหยุดพิจารณา
*เหมาะกับ: นัก Scalping ที่ต้องการบัญชีที่มีทั้งความเร็ว ต้นทุนต่ำ และการสนับสนุนที่พร้อม*
อันดับ 3: FXTM (ForexTime) – ยืดหยุ่น ใช้งานง่าย สำหรับทุกรูปแบบ
FXTM โดดเด่นในเรื่องความหลากหลายของบัญชี ตั้งแต่บัญชี Cent สำหรับผู้เริ่มต้นไปจนถึงบัญชี ECN สำหรับผู้เชี่ยวชาญ สเปรดต่ำและนโยบายเปิดกว้างต่อการ Scalping แม้ระบบ Execution อาจไม่ถึงขั้น ultralow latency แต่ก็เพียงพอสำหรับการเทรดที่ต้องการความแม่นยำและเสถียร แถมยังมีการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงาน ทั้ง CySEC และ FCA ทำให้ความน่าเชื่อถือไม่เป็นรองใคร
*เหมาะกับ: นักเทรดทุกระดับ ทั้งมือใหม่และมือเก่า ที่ต้องการความยืดหยุ่นและตัวเลือกมากกว่าหนึ่ง*
อันดับ 4: IC Markets – ECN ตัวจริงสำหรับผู้เชี่ยวชาญ
IC Markets คือ “ตัวแม่” ของโบรกเกอร์ ECN ทั่วโลก ด้วยปริมาณเทรดที่สูงและสภาพคล่องมากมายจากผู้ให้บริการหลัก ทำให้สเปรดแทบจะเป็น 0.0 pip และสามารถเติมออร์เดอร์ได้อย่างเรียลไทม์ แพลตฟอร์มรองรับ MT4, MT5 และ cTrader โดยเฉพาะ cTrader ที่ออกแบบมาเพื่อนักเทรดอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการกำกับดูแลจาก ASIC เองก็นับว่ามีความน่าเชื่อถือในระดับสูง
*เหมาะกับ: นัก Scalping และ Algorithmic Trader ที่ต้องการสภาพคล่องระดับสถาบัน*
อันดับ 5: XM – เลเวอเรจสูง ไม่มี Requotes
XM น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเลเวอเรจสูงสุดถึง 1,000:1 โดยยังคงรักษานโยบาย “No Requotes” ซึ่งหมายถึง คำสั่งของคุณจะไม่ถูกปฏิเสธแม้ตลาดผันผวนหนัก เช่นช่วงข่าวใหญ่ ทำให้เหมาะกับนัก Scalping ที่ต้องการโอกาสตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีโบนัสดี ๆ และโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ รวมถึงฝ่ายซัพพอร์ตที่เข้าถึงได้ง่าย
*เหมาะกับ: นักเทรดที่ต้องการใช้เลเวอเรจสูง และต้องการสภาพแวดล้อมที่ไม่ปฏิเสธคำสั่ง*
ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์สำหรับการ Scalping (2025)
| โบรกเกอร์ | สเปรดเริ่มต้น (EUR/USD) | ค่าคอมมิชชั่น (ต่อล็อต) | แพลตฟอร์มหลัก | การกำกับดูแล | เหมาะสำหรับ |
| :————— | :———————– | :——————— | :—————– | :———– | :———————————————— |
| **Pepperstone** | 0.0 pip | ~$3.5 | MT4, MT5, cTrader | ASIC, FCA | นัก Scalping แบบมืออาชีพ, HFT และผู้ใช้ EA |
| **Moneta Markets** | 0.0 pip | ~$3.0 (แข่งขันได้) | MT4, MT5, WebTrader | ASIC | นัก Scalping ที่เน้นความคุ้มค่า ไม่มีข้อจำกัด |
| **FXTM** | 0.0 pip | ~$4.0 | MT4, MT5 | CySEC, FCA | ผู้เริ่มต้นถึงมืออาชีพ, ผู้ต้องการความยืดหยุ่น |
| **IC Markets** | 0.0 pip | ~$3.5 | MT4, MT5, cTrader | ASIC | นักเทรดระบบอัตโนมัติและ ECN ตัวจริง |
| **XM** | 1.0 pip (Fixed) | ไม่มี | MT4, MT5 | CySEC, FSC | นัก Scalping ที่ต้องการเลเวอเรจสูงและไม่มี Requotes |
*หมายเหตุ: ข้อมูลด้านบนคือภาพรวมในปี 2025 แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดโดยตรงจากเว็บไซต์โบรกเกอร์ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี*
กลเม็ดเพิ่มเติมสำหรับนัก Scalping ชาวไทย
– **เลือกใช้ VPS (Virtual Private Server)**: ลดความล่าช้าของระบบโดยการรัน EA หรือแพลตฟอร์มบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ source มากขึ้น ช่วยให้คำสั่งเดินเร็วขึ้นแม้คุณอยู่ไกล
– **อย่าประมาทกับ Leverage**: แม้ Scalping จะใช้ทุนน้อย แต่การใช้ Leverage 100:1 ขึ้นไปยังมีความเสี่ยงสูง หากไม่บริหารความเสี่ยงดี ๆ อาจระเหิดบัญชีได้
– **ใช้บัญชี Demo ก่อนเสมอ**: ทดลองกลยุทธ์ ทดสอบ Execution Speed และสัมผัสแพลตฟอร์มจริง โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง
– **ระบุจุด Stop Loss และ Take Profit ทุกครั้ง**: แม้จะเทรดสั้น แต่ตลาดก็ไม่เคยประกันนิ่ง การเตรียมจุดตัดขาดทุนคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
สรุป: โบรกเกอร์คือกุญแจสำคัญของ Scalping ที่ประสบความสำเร็จ
การเป็น Scalper ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือ แต่คือการควบคุมทุกสิ่งรอบตัว ตั้งแต่การวิเคราะห์ กราฟ จิตวิทยา และที่สำคัญที่สุดคือ “เครื่องมือที่ใช้” โบรกเกอร์ที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถแปลงกลยุทธ์ของคุณเป็นผลกำไรได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
ในปี 2025 โบรกเกอร์อย่าง **Pepperstone, Moneta Markets, FXTM, IC Markets และ XM** ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะ Moneta Markets ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากความคุ้มค่าและไม่บล็อกกลยุทธ์ ซึ่งภายใต้เกณฑ์ที่ระบุมาทั้งหมด ถือว่าติดท็อปอันดับที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
หากคุณเป็นนักเทรดชาวไทยที่ต้องการจุดตัดของ “ความเร็ว”, “ต้นทุนต่ำ” และ “ความน่าเชื่อถือ” การเปรียบเทียบและทดลองกับโบรกเกอร์แต่ละรายอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้คุณค้นพบคู่แท้ทางการเทรดได้อย่างแท้จริง
Scalping ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่?
การเทรด Forex โดยทั่วไปในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเจาะจงที่รองรับหรือห้ามอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การเทรดแบบ Scalping กับโบรกเกอร์ต่างประเทศนั้นไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด สิ่งสำคัญคือการเลือกโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยของเงินทุนของคุณ
โบรกเกอร์ Forex ไหนมีสเปรดต่ำสุดสำหรับ Scalping?
โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำมากมักจะเป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการบัญชีประเภท ECN หรือ Raw Spread เช่น Pepperstone (บัญชี Razor) หรือ IC Markets ซึ่งสามารถให้สเปรดเริ่มต้นได้ที่ 0.0 pip โดยมีค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย
ควรใช้แพลตฟอร์มอะไรในการ Scalping?
แพลตฟอร์มที่นิยมที่สุดสำหรับการ Scalping คือ MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และ cTrader เนื่องจากมีความเสถียรสูง รองรับการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็ว และมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนัก Scalping
Moneta Markets ดีไหมสำหรับ Scalping ในปี 2025?
ใช่, Moneta Markets เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับ Scalping ในปี 2025 ด้วยสเปรดที่แข่งขันได้สูงในบัญชี Raw ECN และความเร็วในการดำเนินการคำสั่งที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ทำให้เป็นโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนัก Scalping ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังไม่มีข้อจำกัดในการเทรดแบบ Scalping ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
อะไรคือบัญชี ECN/Raw Spread และทำไมจึงดีสำหรับ Scalping?
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) หรือ Raw Spread คือบัญชีที่ให้นักเทรดสามารถเข้าถึงราคาตลาดโดยตรงจากผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายราย ทำให้ได้สเปรดที่แคบมาก (มักเริ่มต้นที่ 0.0 pip) โดยมีค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยต่อการเทรด บัญชีประเภทนี้จึงเหมาะกับ Scalping อย่างยิ่ง เพราะช่วยลดต้นทุนการเทรดได้อย่างมาก
ควรพิจารณาเรื่อง Leverage อย่างไร?
Leverage สูงสามารถเพิ่มอำนาจในการซื้อขายและเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรสำหรับ Scalpers ได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างรวดเร็วเช่นกัน ควรใช้ Leverage อย่างระมัดระวังและมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี กำหนดขนาดล็อตให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้เสมอ
ทำไมความเร็วในการดำเนินการถึงสำคัญมากสำหรับ Scalping?
ในการ Scalping นักเทรดมุ่งหวังที่จะทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยและรวดเร็ว การหน่วงเวลาแม้เพียงเสี้ยววินาทีในการดำเนินการคำสั่งซื้อขาย (Execution) อาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร หรือทำให้คำสั่งถูกเติมที่ราคาที่ไม่ต้องการ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลลัพธ์ของกลยุทธ์นี้