กราฟหุ้น EA ดิ่งเหว! วิเคราะห์เจาะลึก พลิกฟื้นได้จริงหรือ?

ช่วงนี้มีเพื่อนนักลงทุนหลายคนถามถึงหุ้นตัวหนึ่งที่ราคาลงหนักมาก จนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พอเปิดดู กราฟหุ้นea เท่านั้นแหละ อื้อหือ! ตกใจตามเลย จากที่เคยเป็น “มหาชน” หรือหุ้นขวัญใจนักลงทุนรายย่อย ตอนนี้สถานการณ์ดูจะไม่ง่ายอย่างที่คิด บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่เราคุ้นเคยในฐานะผู้นำด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า (**EV**) รวมถึงระบบกักเก็บพลังงาน (**ESS**) ของไทย กำลังเผชิญมรสุมรอบด้าน ทั้งเรื่องภายในและภายนอก ที่ทำให้ราคาหุ้นดิ่งเหวขนาดนี้ เรามาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

นึกภาพตามนะครับ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ไม่ได้ทำแค่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือกังหันลมอย่างเดียว แต่ยังเป็นหัวหอกสำคัญในการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (**EV**) รวมถึงระบบกักเก็บพลังงาน (**ESS**) มีธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า การผลิต ไปจนถึงสถานีชาร์จ และยังมีธุรกิจไบโอดีเซลอีกด้วย พูดง่ายๆ คือ เขาคลุมห่วงโซ่คุณค่าในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดในบ้านเราเลยทีเดียว ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ถือเป็นบริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคด้านพลังงานหมุนเวียนเลยนะ

แต่ทีนี้ พอมาดูตัวเลขทางการเงินล่าสุด (ข้อมูลส่วนใหญ่ ณ ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๘ และรอบ ๑๒ เดือนล่าสุด) ต้องบอกว่า “ไม่สวย” เลยครับ กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (**EPS**) ในรอบ ๑๒ เดือนล่าสุดติดลบอยู่ที่ -๑.๔๐ บาท หมายความว่า บริษัทโดยรวมแล้วยังขาดทุนอยู่ ถ้าดูรายได้สุทธิทั้งปีก็ติดลบไปกว่า ๔.๖๓ พันล้านบาท อัตราส่วนกำไรสุทธิ (**NPM**) ก็ติดลบ -๐.๕๐% อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (**ROA**) และส่วนของผู้ถือหุ้น (**ROE**) ก็ติดลบเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการบริหารจัดการสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นเพื่อสร้างกำไรยังทำได้ไม่ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน

สิ่งที่น่าสนใจแต่ก็ชวนให้คิดหนักคือ มูลค่าตามบัญชี (Book Value) ของหุ้น EA ตอนนี้อยู่ที่ ๕.๒๑ บาท ในขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบัน (ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘) อยู่ที่แค่ ๒.๓๒ บาท แปลว่าราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีถึง ๕๗% เลยนะ ถ้ามองตามตัวเลขบัญชี หุ้นมันถูกกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นเยอะมาก แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจนะครับ เพราะตัวเลขกำไรที่ติดลบและสถานการณ์ที่บริษัทกำลังเจอ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดไม่เชื่อมั่นในมูลค่าปัจจุบัน

อีกเรื่องที่สำคัญและเป็นประเด็นหนักอึ้งคือ ภาระหนี้สินรวมของบริษัท ซึ่งสูงกว่า ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท (ณ ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๘) ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (**D/E Ratio**) อยู่ที่ ๑.๕๑ เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงในยามที่บริษัทยังทำกำไรได้ไม่ดี ภาระหนี้ก้อนใหญ่นี้เองที่กลายเป็นจุดตายที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน

แล้วทำไม กราฟหุ้นea ถึงได้ดิ่งลงมาขนาดนี้ล่ะครับ? ถ้าดูจากข้อมูล ราคาหุ้นลดลงเกือบ ๖๐% ใน ๖ เดือนล่าสุด และลดลงเกือบ ๙๐% ในรอบ ๑ ปี! ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักขนาดนี้มาจากหลายสาเหตุที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน เหมือนเจอพายุหลายลูกในคราวเดียว ทั้งปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวผู้ถือหุ้นใหญ่ ข่าวการถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือเรื่องการถูกเทขายหุ้น และข่าวเรื่องการบังคับขาย (force sell) ซึ่งยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ความกังวลเรื่องภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลที่บริษัทกำลังเผชิญก็เป็นอีกปัจจัยที่นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา

สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสเอาการสำหรับผู้บริหาร EA ชุดใหม่ หัวใจสำคัญในการกอบกู้สถานการณ์ตอนนี้อยู่ที่ “แผนแก้หนี้” ครับ ตามรายงานจาก มิติหุ้น ผู้บริหารกำลังเร่งเจรจาขอขยายระยะเวลาชำระหนี้กับทั้งธนาคารและเจ้าหนี้หุ้นกู้ ตั้งเป้าจะยืดหนี้ออกไปให้ได้ ๑๑-๒๐ ปี ภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อลดภาระการจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยแต่ละปีลงให้ได้ไม่น้อยกว่า ๕๐% ผู้บริหารยืนยันว่าเจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนครบทุกบาททุกสตางค์ โดยจะไม่มีการตัดหนี้ (hair cut) หรือการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งถ้าทำสำเร็จ จะช่วยให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มจากธนาคารเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้

แต่แผนนี้ก็มีความเสี่ยงนะครับ ถ้าเจ้าหนี้หุ้นกู้ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแผนที่เสนอขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง บริษัทก็อาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสุดท้ายในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เรื่องนี้จึงเป็นเหมือนเดิมพันครั้งสำคัญของ EA เลยทีเดียว อนาคตของบริษัทและ กราฟหุ้นea จะไปทางไหนขึ้นอยู่กับผลการเจรจาครั้งนี้เป็นสำคัญ

นอกจากแผนแก้หนี้แล้ว บริษัทยังต้องเร่งสร้างรายได้เพื่อแสดงให้เจ้าหนี้เห็นถึงความสามารถในการทำธุรกิจ โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะต้องมีรายได้ประมาณ ๓,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมาจากรายได้ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ และที่สำคัญคือการเร่งระบายรถยนต์ไฟฟ้าจากบริษัทลูกอย่าง NEX ที่มีสินค้าคงคลังรถยนต์ไฟฟ้าอยู่มูลค่าถึง ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท การผลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจาก NEX จึงเป็นอีกกุญแจสำคัญในการสร้างกระแสเงินสดและรายได้ในระยะอันใกล้นี้

มองในเชิงเทคนิคบ้าง กราฟหุ้นea ในช่วงสั้นๆ มีลักษณะที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเรียกว่า V-shape คือลงมาแรงๆ แล้วมีสัญญาณการดีดกลับขึ้นไปเล็กน้อย มีการยกระดับของราคาขึ้นตามโครงสร้างรูปตัว V ชัดเจน ค่า RSI (Relative Strength Index) ก็ชี้ขึ้น แสดงสัญญาณซื้อในระยะสั้น ขณะที่กราฟแท่งเทียนก็บ่งชี้ถึงการเดินหน้าในระยะสั้น มีแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาอยู่ที่ระดับ ๓.๐๐ – ๓.๒๐ บาท ถ้าผ่านไปได้อาจมีโอกาสไปต่อได้บ้าง แต่ต้องย้ำว่า อันนี้คือสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นมากๆ ซึ่งมักจะใช้ไม่ได้ผลเท่าที่ควรหากพื้นฐานบริษัทมีปัญหาหนักหน่วง

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ในสถานการณ์แบบนี้ หุ้นของบริษัทลูกอย่าง NEX ที่กำลังเร่งสร้างรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้า อาจเป็นจุดที่น่าสนใจกว่าในเชิงของการฟื้นฟูรายได้ ในขณะที่ หุ้น EA เอง อาจกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการเก็งกำไรจากผลการเจรจาแผนยืดหนี้เป็นหลัก

โดยสรุปแล้ว สถานการณ์ของ หุ้น EA ในตอนนี้ซับซ้อนและมีความไม่แน่นอนสูงมาก อนาคตของบริษัทและทิศทางของ กราฟหุ้นea ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารจะสามารถเจรจาเรื่องการยืดหนี้กับเจ้าหนี้ได้สำเร็จหรือไม่ และจะสามารถเร่งสร้างรายได้จากธุรกิจต่างๆ ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่

สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สนใจ หรืออาจจะเป็นผู้ถือหุ้นเดิมที่กำลังกังวล ควรทำการบ้านอย่างหนัก ศึกษาข้อมูลล่าสุดอย่างรอบด้าน ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแผนการแก้หนี้อย่างใกล้ชิด และทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่บริษัทกำลังเผชิญ

⚠️ หุ้นตัวนี้มีความผันผวนและเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากพื้นฐานที่ยังขาดทุน ภาระหนี้สินสูง และปัญหาเฉพาะตัวที่กำลังเผชิญอยู่ หากคุณเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือไม่มีเงินทุนสภาพคล่องสูงมากนักที่พร้อมจะเผชิญกับความผันผวนรุนแรง อาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นพิเศษก่อนตัดสินใจลงทุน หรืออาจจะต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายและเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของผลประกอบการที่ชัดเจนเสียก่อน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ