เตือนภัย! หุ้น Amazon ปันผล ทิพย์? อย่าเชื่อถ้าไม่ใช่ AMZN ตัวจริง!

ข่าวสารการลงทุนช่วงนี้ร้อนแรงจริงๆ ครับ มีเรื่องราวให้พูดถึงและให้ระมัดระวังกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อแบรนด์ดังๆ ที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน อย่างล่าสุด ผมเห็นข่าวแชร์กันว่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลายคนก็เข้ามาสอบถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นโฆษณาชวนเชื่อที่ดูน่าสนใจเหลือเกิน

ไอ้โฆษณาที่ว่าเนี่ยนะ เขามาในรูปแบบของเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อทำนองว่า “Amazon ศูนย์รวมของคนรักกาแฟ” ฟังดูเผินๆ ก็นึกถึงร้านกาแฟชื่อดังของบ้านเราใช่ไหมครับ แต่เนื้อหาที่เขาโพสต์น่ะสิ ชวนให้คิดถึงเรื่อง ‘ลงทุน’ เขาอ้างว่าถ้าลงทุน ‘หุ้น Amazon’ จะได้รับผลตอบแทนที่สูงลิ่วมากๆ ครับ สูงขนาดไหนน่ะเหรอ? เห็นตัวเลขแล้วตาลุกวาวเลยครับ บางโฆษณาบอกว่าได้ถึง 350 บาทต่อวัน บางอันสูงกว่านั้นอีก 1,050 บาทต่อวันเลยทีเดียว! โอ้โห ลงทุนอะไรจะได้ขนาดนี้? ฟังแล้วเหมือนฝันเลยใช่ไหมครับ

แต่เดี๋ยวก่อนครับ เรื่องการลงทุนมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะอะไรที่ฟังดูดีเกินจริงแบบนี้ แล้วไอ้ ‘หุ้น Amazon’ ที่ว่า… มันคือตัวไหนกันแน่? ใช่หุ้นของร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันหรือเปล่า? หรือเป็นหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกกันแน่?

**เตือนภัยฉบับเร่งด่วน: อย่าหลงเชื่อ “หุ้น Amazon” ที่อ้างชื่อร้านกาแฟ**

เรื่องนี้ต้องบอกแบบไม่อ้อมค้อมเลยครับว่า **การชวนลงทุน “หุ้น Amazon” โดยอ้างอิงชื่อหรือโลโก้ของ Cafe Amazon หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นั้น เป็น “ข้อมูลปลอม” ครับ!**

ทางเจ้าของตัวจริงอย่าง OR เนี่ย เขาไม่ได้นิ่งนอนใจนะครับ รีบออกมาชี้แจงและยืนยันชัดเจนเลยว่า เพจหรือการชักชวนลงทุนในลักษณะนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ OR ทั้งสิ้น และที่สำคัญมากๆ เลยคือ **OR ไม่ได้มีนโยบายเสนอขายหุ้นของ Cafe Amazon แก่ประชาชนทั่วไปนะครับ** เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากกระทรวงพลังงานด้วยเช่นกัน

ลองคิดดูง่ายๆ นะครับ ถ้ามีคนมาชวนเราซื้อของแพงๆ โดยบอกว่าเอามาจากร้านหรู แต่ดันขายในตลาดนัด แถมใช้ถุงพลาสติกธรรมดาๆ เราจะเชื่อไหม? การชวนลงทุนแบบนี้ก็คล้ายๆ กันครับ คือแอบอ้างชื่อดังๆ มาสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ใช้ช่องทางที่ไม่เป็นทางการ และมีข้อเสนอที่ดูแล้ว “ไม่น่าจะเป็นไปได้จริง” เอามากๆ

**ทำความรู้จัก “หุ้น Amazon” ตัวจริงเสียงจริง เขาคือใครกันแน่?**

ทีนี้ เรามาทำความเข้าใจกันสักหน่อยว่า แล้วไอ้บริษัทชื่อ ‘Amazon’ ที่เป็นที่รู้จักในตลาดหุ้นทั่วโลกน่ะ เขาคือใคร ทำธุรกิจอะไรกันแน่ จะได้ไม่สับสนกับแบรนด์กาแฟบ้านเรานะครับ

บริษัท Amazon.com, Inc. (อเมซอน ดอทคอม อิงค์) นี่เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 โดยคุณ Jeffrey P. Bezos (เจฟฟ์ เบซอส) สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ ครับ

ธุรกิจหลักๆ ของ Amazon.com, Inc. นี่หลากหลายมากๆ ครับ ไม่ใช่แค่ขายของออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ – E-commerce) อย่างเดียว แต่ยังเป็นผู้นำด้านบริการคลาวด์ (Cloud Computing) ซึ่งเปรียบเสมือนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขนาดใหญ่ของโลก ที่เรียกว่า Amazon Web Services หรือ AWS ซึ่งบริการนี้เองที่ทำรายได้มหาศาลและเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลทั่วโลก ทั้งกับบริษัทสตาร์ทอัพยันองค์กรใหญ่ๆ ระดับโลกเลยครับ

ดังนั้น ‘หุ้น Amazon’ ที่มีการซื้อขายกันจริงๆ ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (มีสัญลักษณ์หุ้นว่า AMZN) คือหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกแห่งนี้ ไม่ใช่หุ้นของร้านกาแฟ Cafe Amazon ในประเทศไทยอย่างที่โฆษณาหลอกลวงนั้นพยายามทำให้เข้าใจผิดนะครับ

**ประเด็นสำคัญที่ต้องรู้: เรื่อง “หุ้น Amazon ปันผล”**

มาถึงเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่เชื่อมโยงกับการหลอกลวงเรื่องผลตอบแทนสูงๆ นั่นก็คือ **เรื่อง “ปันผล”** ครับ

อย่างที่บอกไปว่า Amazon.com, Inc. เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เน้นการเติบโตสูง (Growth Stock) ซึ่งนโยบายการเงินของบริษัทประเภทนี้ มักจะเลือกนำกำไรที่ได้ไปลงทุนขยายธุรกิจ พัฒนาเทคโนโลยี หรือเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ เพื่อให้บริษัทเติบโตต่อไปในอนาคต มากกว่าที่จะนำกำไรมาแบ่งคืนให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของ “เงินปันผล” ครับ

**ความจริงคือ หุ้นของ Amazon.com, Inc. (AMZN) ไม่เคยมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา! และจนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ ปี 2024) ก็ยังไม่มีแผนที่จะจ่ายปันผลในอนาคตอันใกล้ด้วยครับ**

ดังนั้น การที่โฆษณาหลอกลวงนั้นอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนรายวันจากการลงทุน “หุ้น Amazon” นี่มันฟังดูขัดแย้งกับนโยบายทางการเงินของ Amazon ตัวจริงอย่างสิ้นเชิงเลยครับ ไม่มี “หุ้น amazon ปันผล” เป็นรายวัน หรือรายเดือน หรือรายปี จากบริษัท Amazon.com, Inc. นะครับ! ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น AMZN ที่แท้จริงคือการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาด ซึ่งขึ้นอยู่กับผลประกอบการบริษัท สภาพเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ใช่การจ่ายเงินปันผลรายวันตามที่มิจฉาชีพอ้างแน่นอน

**ทำไมข่าวปลอมพวกนี้ถึงระบาด? และเราจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร?**

สาเหตุที่การหลอกลวงแบบนี้ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ก็เพราะว่ามิจฉาชีพเขาฉลาดครับ เขาใช้ชื่อแบรนด์ดังที่คนไทยคุ้นเคยและให้ความไว้วางใจอย่าง Cafe Amazon หรือ OR มาเป็นเหยื่อล่อ สร้างความสับสนระหว่างแบรนด์ไทยกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ทำให้คนที่ไม่ทันระวังหรือไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องการลงทุน เข้าใจผิดได้ง่าย

แล้วไหนจะเรื่อง “ความโลภ” ที่เป็นจุดอ่อนของนักลงทุนมือใหม่ (และมือเก่าบางคนด้วย) อีกครับ พอเห็นตัวเลขผลตอบแทนสูงๆ ที่ดูดีเกินจริง ตาโต สมองก็สั่งการให้รีบคว้าโอกาสไว้ก่อน โดยไม่ได้หยุดคิด วิเคราะห์ หรือตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ

**นี่คือสัญญาณเตือนภัย (Red Flags) ที่ต้องจำให้ขึ้นใจ:**

1. **ผลตอบแทนสูงเกินจริง:** อะไรที่บอกว่าจะได้กำไรเยอะๆ เร็วๆ ง่ายๆ โดยไม่มีความเสี่ยง หรือความเสี่ยงต่ำมากๆ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยครับ ว่าเป็นไปไม่ได้
2. **เร่งให้ตัดสินใจหรือโอนเงินเร็วๆ:** มิจฉาชีพมักจะกดดันให้เราตัดสินใจโดยไม่ให้เวลาคิดหรือตรวจสอบครับ
3. **ให้โอนเงินไปบัญชีส่วนบุคคล:** การลงทุนในหลักทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่บัญชีชื่อบุคคลธรรมดาครับ
4. **มาจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ:** เช่น เพจเฟซบุ๊กปลอม, ไลน์กลุ่มชวนลงทุนที่เราไม่รู้จักที่มา, ข้อความ SMS แปลกๆ
5. **ใช้ชื่อแบรนด์ดังมาแอบอ้าง:** เหมือนกรณีนี้ ที่ใช้ชื่อ Cafe Amazon หรือ OR มาหลอกลวง
6. **ข้อมูลการลงทุนไม่ชัดเจน:** ไม่มีการระบุชื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ชัดเจน ไม่มีการให้เอกสารสำคัญ (เช่น หนังสือชี้ชวน) หรือเอกสารดูปลอมๆ

**คำแนะนำสำหรับนักลงทุนและประชาชนทั่วไป**

ในโลกดิจิทัลที่เราได้รับข้อมูลข่าวสารมากมายและรวดเร็วแบบนี้ การรู้เท่าทันและตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจทำอะไรเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่พลาดไม่ได้เลย

1. **ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ:** ถ้าเห็นโฆษณาชวนลงทุนอะไรก็ตาม อย่าเพิ่งเชื่อทันทีครับ ให้ลองหาข้อมูลจากแหล่งที่เป็นทางการ เช่น เว็บไซต์ของบริษัทนั้นๆ โดยตรง (อย่างกรณีนี้ก็ต้องดูเว็บ OR หรือเว็บ Amazon.com, Inc.), เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือปรึกษาบริษัทหลักทรัพย์ที่เราไว้วางใจ
2. **แยกให้ออกระหว่าง “แบรนด์ไทย” กับ “บริษัทต่างประเทศ”:** ในกรณีนี้ ต้องเข้าใจว่า Cafe Amazon คือแบรนด์กาแฟของ OR ในไทย ส่วน Amazon.com, Inc. คือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกจากสหรัฐฯ สองอย่างนี้ไม่เหมือนกันเลยครับ
3. **เข้าใจพื้นฐานการลงทุน:** ศึกษาทำความเข้าใจว่าการลงทุนในหุ้น หรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ มีลักษณะอย่างไร มีความเสี่ยงแบบไหน ผลตอบแทนมาจากอะไร เช่น หุ้นบางตัวจ่ายปันผล บางตัวไม่จ่าย การรับผลตอบแทนรายวันแบบที่มิจฉาชีพอ้างนั้น ไม่มีอยู่จริงในการลงทุนหุ้นปกติ
4. **อย่าหลงเชื่อ “ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง”:** จำไว้เสมอว่า “High Risk, High Return” หรือ “ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง” แต่ถ้ามีใครบอกว่า “ความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนสูงมากๆ” นั่นแหละคือสัญญาณอันตรายที่สุด!
5. **ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:** หากไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจจริงๆ อย่าเพิ่งตัดสินใจลงทุนครับ ปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

เรื่องการหลอกลวงลงทุนในรูปแบบต่างๆ ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ครับ โดยเฉพาะการแอบอ้างชื่อแบรนด์ดังๆ หรือใช้ช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงง่ายอย่างโซเชียลมีเดีย สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้คือ การมีสติ รอบคอบ และตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนที่จะควักกระเป๋าลงทุนครับ

**⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และระมัดระวังการหลอกลวงที่แอบอ้างชื่อแบรนด์ดังเป็นพิเศษครับ**