“`html
คุณเคยสังเกตไหมว่าช่วงนี้ตามท้องถนนบ้านเรามีรถยนต์ไฟฟ้าหน้าตาเก๋ไก๋สัญชาติจีนวิ่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแบรนด์ที่ชื่อว่า “BYD” ใช่แล้วครับ เขาคือหนึ่งในผู้เล่นเบอร์ใหญ่ระดับโลกในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า NEV (New Energy Vehicle) ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งเลยทีเดียว แล้วถ้าในฐานะนักลงทุนชาวไทย เราอยากจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ หรือเข้าไปลงทุนในบริษัท BYD นี้บ้าง จะทำได้ยังไง? วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์การเงิน จะมาเล่าเรื่องราวของเครื่องมือที่ชื่อว่า bydcom80 หุ้น ให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ครับ
โดยปกติแล้ว การที่เราจะไปซื้อหุ้นบริษัทต่างประเทศ เช่น หุ้น BYD ที่จดทะเบียนอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange) โดยตรงเนี่ย อาจจะยุ่งยากหน่อย ต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ ต้องแลกเงินไปมา ซึ่งก็มีทั้งค่าธรรมเนียมและความวุ่นวาย แต่เจ้า bydcom80 หุ้น เนี่ย มันเป็นเหมือนตัวช่วยหรือสะพานที่ทำให้เราลงทุนหุ้น BYD ได้ง่ายๆ ผ่านตลาดหุ้นไทยนี่แหละครับ เขาเรียกว่า “ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ” หรือ Depositary Receipt (DR) ซึ่งผู้ออก DR ตัวนี้ก็คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำให้เราสามารถซื้อขาย bydcom80 หุ้น ได้ด้วยเงินบาทไทยผ่านบัญชีหุ้นที่เรามีอยู่แล้วนี่แหละ สะดวกสบายมากๆ แถมเริ่มต้นลงทุนได้ง่ายนิดเดียว แค่ 1 หน่วยเท่านั้นเอง เหมือนซื้อหุ้นไทยเป๊ะๆ ทั้งเรื่องช่องทางการซื้อขายผ่านแอป Streaming by Settrade และค่าธรรมเนียมก็เท่ากับการเทรดหุ้นไทยเลย

สำหรับ bydcom80 หุ้น 1 หน่วยที่เราซื้อไปนั้น จะเท่ากับสิทธิในหุ้นบริษัท BYD จริงๆ ที่ฮ่องกง ในอัตราส่วน 1 หุ้น BYD ต่อ DR 1,000 หน่วยนะ เข้าใจง่ายๆ คือ ถ้าอยากได้สิทธิเทียบเท่าหุ้น BYD 1 หุ้น เราก็ต้องซื้อ DR ตัวนี้ 1,000 หน่วย ซึ่งเขาเริ่มซื้อขายกันครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 แล้วนะ ส่วนข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 03:04:56 น. ราคาปิดของ bydcom80 หุ้น อยู่ที่ 1.57 บาท ปริมาณการซื้อขายก็คึกคักใช้ได้เลยนะ มีปริมาณถึง 2,045,895 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 3,213.35 พันบาทเลยทีเดียว ราคานี้ก็คำนวณมาจากราคาหุ้น BYD ที่ฮ่องกง บวกกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์ฮ่องกงนั่นเอง มีราคาอ้างอิง (Indicative Price) บอกให้เราเปรียบเทียบด้วยนะ
แล้วอะไรบ้างที่มีผลกับราคาของ bydcom80 หุ้น ล่ะ? อย่างแรกและสำคัญที่สุดเลยก็คือ ราคาหุ้น BYD ตัวแม่ที่ซื้อขายกันอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ถ้าหุ้น BYD ที่ฮ่องกงราคาขึ้น DR ในไทยก็มักจะขึ้นตามไปด้วยครับ ปัจจัยต่อมาก็คือ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินดอลลาร์ฮ่องกงกับเงินบาทไทย ถ้าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฮ่องกง ราคา DR ในไทยก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้เหมือนกันนะ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของความต้องการซื้อขายตัว DR ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเองด้วย รวมถึงความแตกต่างของเวลาเปิด-ปิดตลาดระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงกับตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งอาจทำให้ราคา DR กับราคาหุ้นอ้างอิงไม่ตรงกันเป๊ะๆ ในบางช่วงเวลา นอกจากนี้ก็ยังมีค่าธรรมเนียมต่างๆ และเครื่องหมาย Corporate Action ของหุ้น BYD เช่น การจ่ายเงินปันผล ที่อาจส่งผลต่อราคาได้เช่นกัน

ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับบริษัท BYD กันให้มากขึ้นดีกว่า เขาไม่ได้เริ่มจากการทำรถยนต์ไฟฟ้าเลยนะ แต่ก่อตั้งในปี 1995 จากการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มาก่อน แล้วค่อยขยับเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2003 จุดเปลี่ยนสำคัญของ BYD คือปี 2020 ที่เปิดตัวเทคโนโลยี Blade Battery ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่เขาว่าปลอดภัยและติดไฟยาก ต่อมาในปี 2022 BYD ก็ประกาศเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานฟอสซิลไปเลย และที่น่าสนใจคือในเดือนมิถุนายน 2022 เขายังประกาศเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ให้กับ Tesla ด้วยนะ
ปัจจุบันธุรกิจหลักๆ ของ BYD มี 3 ส่วนครับ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ธุรกิจยานยนต์ ที่เน้นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (NEV) ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) และปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) มีทั้งซีรีส์ Dynasty และ Ocean ซึ่งบอกเลยว่าในตลาดบ้านเกิดอย่างจีน BYD เป็นผู้นำอันดับหนึ่ง มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 29% เลยทีเดียว ส่วนที่สองคือ ธุรกิจอุปกรณ์มือถือและบริการประกอบชิ้นส่วน ที่มีลูกค้าเป็นแบรนด์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกอย่าง Apple, Huawei, Xiaomi และส่วนที่สามคือ ธุรกิจแบตเตอรี่และอุปกรณ์สร้างพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่ง BYD เป็นผู้นำระดับโลกในด้านแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ไฟฟ้าเลยนะ ถ้าดูจากสัดส่วนรายได้ในปี 2021 ธุรกิจยานยนต์คิดเป็น 51.9% อุปกรณ์มือถือ 40.5% และแบตเตอรี่ฯ 7.3%
อะไรที่ทำให้ BYD แข็งแกร่งล่ะ? จุดแข็งที่โดดเด่นมากๆ คือการที่เขาสามารถ ควบคุม Supply Chain หรือห่วงโซ่อุปทานได้เกือบทั้งหมดแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คือผลิตส่วนประกอบสำคัญๆ เองหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นชิป แบตเตอรี่ มอเตอร์ ทำให้ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก และได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่งในช่วงที่เกิดปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก นอกจากนี้ก็มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่เป็นไม้เด็ด กับอีกเรื่องคือการที่ได้รับ การสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลจีน ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
มาดูผลประกอบการกับแนวโน้มการเติบโตกันบ้าง รายได้รวมของ BYD เติบโตต่อเนื่องเลยนะ อย่างปี 2021 รายได้สูงถึง 213,110 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 37.98% แม้ในปี 2021 กำไรสุทธิจะลดลงไปบ้าง (-28.08%) เพราะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องบอกว่ายอดขายรถยนต์ยังพุ่งทะยานไม่หยุดเลย ล่าสุดในไตรมาส 1 ปี [ใส่ปีตามข้อมูล] รายได้และยอดขายรถยนต์ NEV ของ BYD เติบโตถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งตรงข้ามกับคู่แข่งอย่าง Tesla ที่ยอดขายหดตัว -13% นะ BYD แซง Tesla ในยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 แล้วด้วยซ้ำ! ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 ยอดขายรถยนต์ทั้ง BEV และ PHEV ของ BYD เพิ่มขึ้นถึง 250% ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 110% เท่านั้นเอง อัตรากำไรขั้นต้นของเขาก็อยู่ในระดับน่าพอใจ เกือบ 20% เลยนะ แม้จะต้องเผชิญกับสงครามราคาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม สุขภาพการเงินก็แข็งแรง อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.28 เท่าในไตรมาส 3 ปี 2022 ซึ่งถือว่าต่ำกว่า 1 เท่า และอยู่ในระดับที่ดีมากๆ

ไม่ใช่แค่ในจีนเท่านั้น BYD กำลังเร่งขยายตลาดไปต่างประเทศด้วยนะ สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปี 2019 อยู่ที่ 16% เพิ่มเป็น 30.2% ในปี 2021 และ 38.5% ในปี 2020 (ข้อมูลอาจจะมีการเรียงปีสลับกันนิดหน่อยตามข้อมูลต้นฉบับ แต่แนวโน้มคือขยายไปต่างประเทศมากขึ้น) ซึ่งบ้านเราก็เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ BYD ลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยนะ โดยซื้อที่ดินจาก WHA กว่า 600 ไร่ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2024 นอกจากนี้ก็ขยายตลาดไปบราซิล ฮังการี ตุรกี และอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยเน้นตลาดนอกสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
ฟังดูดีมากๆ เลยใช่ไหมครับ แต่การลงทุนใน bydcom80 หุ้น ก็มีความเสี่ยงที่เราต้องรู้และทำความเข้าใจด้วยนะ อย่างแรกเลยคือ ความผันผวนของราคา DR ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากหลายอย่าง ทั้งราคาหุ้น BYD ที่ฮ่องกง อัตราแลกเปลี่ยน และสภาพคล่องของตัว DR เอง โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดฮ่องกงปิดแต่ตลาดไทยยังเปิด หรือวันหยุดที่ไม่ตรงกัน อาจทำให้ราคา DR แกว่งตัวได้ นอกจากนี้ก็มีความเสี่ยงจากการ แข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นได้ แม้ BYD จะควบคุมต้นทุนได้ดีก็ตาม การขยายตลาดไปต่างประเทศก็ต้องเจอกับ กฎระเบียบและข้อบังคับ ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมายได้ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบหลัก เช่น ลิเทียม ในห่วงโซ่อุปทานก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตได้เช่นกัน และที่ต้องจับตาดูคือ มาตรการอุดหนุนจากภาครัฐ ของทางการจีน ถ้าบางมาตรการครบอายุไป จะมีผลกระทบอย่างไร ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และโดยรวมแล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ายังเป็นตลาดที่ใหม่ มีความคาดหวังสูง และยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน ทำให้การแข่งขันสูงมากๆ
สำหรับเรื่องเงินปันผลของ bydcom80 หุ้น จากข้อมูลย้อนหลังที่ผ่านมา มีการจ่ายเงินปันผลในปี 2567 จำนวน 0.01323 บาท (ขึ้น XD วันที่ 11 มิถุนายน 2567 และจ่ายวันที่ 30 สิงหาคม 2567) และในปี 2566 จำนวน 0.0049 บาท (ขึ้น XD วันที่ 13 มิถุนายน 2566 และจ่ายวันที่ 25 สิงหาคม 2566)
ท้ายที่สุดแล้ว bydcom80 หุ้น เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่มองเห็นโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกผ่านบริษัทชั้นนำอย่าง BYD ซึ่งเข้าถึงง่าย ซื้อขายสะดวกในตลาดหุ้นไทย แต่การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ ก่อนตัดสินใจลงทุนใน bydcom80 หุ้น ควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจลักษณะของตราสาร เงื่อนไขผลตอบแทน และที่สำคัญคือ ความเสี่ยง ให้รอบคอบที่สุด หากไม่แน่ใจหรือรับความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความผันผวนของราคาตามอัตราแลกเปลี่ยนหรือเวลาซื้อขายที่แตกต่างกันไม่ได้ ควรพิจารณาอย่างระมัดระวัง และอย่าลืมกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยนะครับ ติดตามข่าวสารและสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน หากไม่แน่ใจในสภาพคล่องหรือรับความเสี่ยงไม่ได้ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ.
“`