
เคยไหมครับ? เวลาที่เรากำลังจะเริ่มศึกษาหุ้นตัวหนึ่ง แล้วเห็นสัญลักษณ์ย่อ หรือที่เรียกว่า Ticker Symbol เหมือนกันเป๊ะ! อย่างเช่นคำว่า “หุ้นpg” เนี่ย ลองพิมพ์ค้นหาดูสิ อาจจะเจอข้อมูลของบริษัทถึงสองแห่งที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำให้งงไปเลยว่าสรุปแล้วที่เรากำลังดูอยู่เนี่ย มันคือบริษัทไหนกันแน่? วันนี้ผมในฐานะคนเขียนคอลัมน์การเงิน จะมาไขปริศนาหุ้นที่มี Ticker เหมือนกันนี้ให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ครับ
เรื่องมันเริ่มจากมีเพื่อนนักลงทุนมือใหม่มาถามผมว่า “พี่ๆ ดู ‘หุ้นpg’ อยู่ เป็นไงบ้าง น่าสนใจมั้ย?” ผมก็เอ๊ะ! หุ้น PG นี่มันมีสองตัวนะ ที่อยู่ในตลาดไทยก็ตัวหนึ่ง อยู่ตลาดอเมริกาก็อีกตัว คนละเรื่องเลย นี่แหละครับคือสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังให้ดี การรู้จักแค่สัญลักษณ์ย่ออาจไม่พอ ต้องรู้ชื่อเต็ม บริษัททำธุรกิจอะไร และที่สำคัญคือ ซื้อขายกันที่ตลาดหลักทรัพย์ไหน
มาเริ่มกันที่ตัวแรกก่อนเลยครับ “หุ้นpg” ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET บ้านเรานี่แหละ ชื่อเต็มๆ คือ บริษัท ประชาอาภรณ์ จำกัด (มหาชน) ครับ ข้อมูลล่าสุดที่ผมเห็น ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๘ โมงกว่าๆ เนี่ย สถานะการซื้อขายคือ “ปิดตลาด” ไปแล้ว ราคาล่าสุดอยู่ที่ ๗.๒๕ บาท ซึ่งลดลงจากราคาเปิดเล็กน้อย (-๓.๓๓%) แต่ที่น่าสังเกตคือ ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างน้อยมาก วันนั้นซื้อขายกันแค่ ๒๐๐ หุ้น มูลค่ารวมแค่ ๑.๔๖ พันบาทเองครับ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทนี้ก็ไม่ใหญ่มากนัก อยู่ที่ ๗๒๐ ล้านบาท ซึ่งถือเป็นบริษัทขนาดเล็กในตลาดหุ้นไทย
ทีนี้ลองดูผลประกอบการของ ประชาอาภรณ์ (SET:PG) กันบ้างครับ ตัวเลขรายได้สุทธิในไตรมาสล่าสุดยังคง “ติดลบ” อยู่ที่ -๒.๖๓ ล้านบาท แม้จะดูดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ติดลบหนักกว่า (-๘.๖๘ ล้านบาท) แต่มันก็ยังไม่ทำกำไรนะครับ ตัวเลข EBITDA หรือกำไรจากการดำเนินงานเบื้องต้นก่อนหักค่าใช้จ่ายบางอย่าง ก็ยังติดลบที่ -๓.๕๖ ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทยังมีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไรอยู่พอสมควรครับ

ในด้านนโยบายเงินปันผล ประชาอาภรณ์ก็มีการจ่ายปันผลนะครับ ล่าสุดจ่ายไป ๐.๒๐ บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ ๒.๖๗% ต่อปี (ข้อมูล ๑๒ เดือนย้อนหลัง) แต่ที่น่าสนใจมากๆ คือ อัตราการจ่ายเงินปันผลในปี ๒๕๖๗ พุ่งสูงถึง ๙๘๐.๓๙% ครับ! แปลว่าอะไรน่ะเหรอครับ? ก็แปลว่าบริษัทจ่ายเงินปันผลออกมามากกว่ากำไรที่ทำได้ (หรือจริงๆ คือขาดทุน) ถึงเกือบสิบเท่า! แบบนี้ก็ต้องตั้งคำถามแล้วล่ะครับว่า บริษัทเอาเงินจากไหนมาจ่ายปันผล จ่ายจากเงินสำรอง หรือกู้มาจ่าย? แล้วการจ่ายแบบนี้จะยั่งยืนแค่ไหนในระยะยาว ถ้าบริษัทยังไม่สามารถพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรได้ นี่เป็นจุดที่นักลงทุนต้องพิจารณาให้ดีมากๆ ครับ
มองดูประวัติราคา “หุ้นpg” ของไทยย้อนหลัง ราคาในรอบปีที่ผ่านมาก็ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากถึง ๒๒.๔๖% ครับ ค่าสัมประสิทธิ์เบต้า (Beta) อยู่ที่ ๐.๔๓ ซึ่งต่ำกว่า ๑ แปลว่ามีความผันผวนน้อยกว่าตลาดโดยรวม แต่นั่นก็อาจเพราะปริมาณการซื้อขายที่น้อยด้วยส่วนหนึ่ง การที่ราคาลดลงต่อเนื่องในระยะยาวก็เป็นสัญญาณที่ต้องระมัดระวังครับ
เอาล่ะ! พักเรื่อง ประชาอาภรณ์ (SET:PG) ไว้ก่อน แล้วข้ามน้ำข้ามทะเลไปดู “หุ้นpg” อีกตัวที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ของสหรัฐอเมริกาครับ ตัวนี้คือ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล จำกัด หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ P&G นั่นเองครับ ลองนึกภาพแบรนด์สินค้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวันดูสิครับ สระผมด้วย Head & Shoulders หรือ Pantene แปรงฟันด้วย Crest หรือ Oral-B ซักผ้าด้วย Tide ใช้ผ้าอ้อม Pampers ใช้มีดโกน Gillette พวกนี้แหละครับคือแบรนด์ดังๆ ในเครือ P&G ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ๑๘๓๗ โน่นแน่ะ มีการดำเนินธุรกิจในกว่า ๑๘๐ ประเทศทั่วโลก เรียกว่าเป็นบริษัทที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง (และคู่โลก) มายาวนานมากๆ
ในแง่ของธุรกิจ P&G (NYSE:PG) เนี่ย รายได้หลักๆ มาจาก ๕ กลุ่มใหญ่ๆ ครับ ข้อมูลจากช่วงไตรมาส ๑-๓ ปี ๒๕๖๗ บอกว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักรีดและของใช้ในบ้าน (Fabric & Home Care) สร้างรายได้เยอะสุด ประมาณ ๓๕% รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์เด็ก สุภาพสตรี และของใช้ในครอบครัว (Baby, Feminine & Family Care) ๒๔% ตามด้วยความงาม (Beauty) ๑๘% สุขภาพ (Health Care) ๑๔% และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย (Grooming) ๘% ครับ การที่เขามีสินค้าหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้รายได้ของ P&G ค่อนข้างมั่นคง ไม่ค่อยผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจมากนัก เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ คนก็ยังต้องซื้อผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน อยู่ดีครับ
มาดูเรื่องฐานะการเงินและความสามารถในการทำกำไรของ P&G (NYSE:PG) กันบ้างครับ ต่างจาก “หุ้นpg” ของไทยลิบลับเลย P&G มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง ๕๐.๑% และอัตรากำไรสุทธิก็สูงถึง ๑๘.๕% ครับ แปลว่าขายของ ๑๐๐ บาท เป็นกำไรเกือบ ๒๐ บาทเลยทีเดียว รายได้ในรอบ ๑๒ เดือนที่ผ่านมาก็ยังเติบโตได้ ๕% แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่แล้วก็ยังเติบโตได้นะครับ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดนี่มหาศาลกว่า ๓๓๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ เทียบกับ ๗๒๐ ล้านบาทของ ประชาอาภรณ์ นี่คนละโลกเลยจริงๆ

P&G (NYSE:PG) มีประวัติที่น่าสนใจมากครับ เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมโฆษณาและการตลาดมาโดยตลอด เป็นผู้บุกเบิกการใช้ตัวอย่างสินค้าฟรี การแจกคูปองส่วนลด และเป็นผู้นำในการลงโฆษณาทางวิทยุและโทรทัศน์ในอดีต นอกจากนี้ P&G ยังได้ชื่อว่าเป็น “ปันผลดี” (Dividend Aristocrat หรือ Dividend King ในบางนิยาม) คือมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นมาเป็นเวลายาวนานมากๆ จ่ายเงินปันผลเป็นประจำทุกไตรมาส ทำให้เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่เน้นการสร้างรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอครับ
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็มอง P&G (NYSE:PG) ในเชิงบวกนะครับ จากข้อมูลที่ผมเห็น นักวิเคราะห์ ๒๒ ราย ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย ๑๒ เดือนข้างหน้าที่ ๑๗๐.๑๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับราคาซื้อขายล่าสุดที่ประมาณ ๑๔๓.๓๖ ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราคาที่ใช้อ้างอิงสำหรับการคาดการณ์) ก็แปลว่านักวิเคราะห์มองว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไปได้อีกประมาณ ๑๘.๖๕% ครับ คู่แข่งของ P&G ก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกทั้งนั้น เช่น Unilever, Johnson & Johnson, Clorox เป็นต้น
เห็นความแตกต่างแล้วใช่ไหมครับ? “หุ้นpg” สัญลักษณ์เดียวกัน แต่หนึ่งอยู่ในตลาดไทย อุตสาหกรรมสิ่งทอ ขนาดเล็ก กำลังประสบปัญหาขาดทุน แต่ยังจ่ายปันผลในอัตราสูงผิดปกติ ส่วนอีกหนึ่งอยู่ในตลาดโลก อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ขนาดมหาศาล กำไรแข็งแกร่ง สม่ำเสมอ และจ่ายปันผลเป็นประจำยาวนาน
ดังนั้น บทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้คือ ก่อนจะตัดสินใจลงทุนใน “หุ้นpg” หรือหุ้นตัวไหนก็ตาม ต้องศึกษาให้ละเอียดครับ ไม่ใช่แค่ดูสัญลักษณ์ย่อ แต่ต้องรู้ชื่อเต็ม บริษัททำธุรกิจอะไร ซื้อขายอยู่ที่ตลาดไหน สถานะการเงินเป็นอย่างไร ดูงบการเงิน ผลประกอบการ นโยบายการจ่ายเงินปันผล และแนวโน้มของอุตสาหกรรมและตลาดนั้นๆ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ เช่น ออสซิลเลเตอร์ (Oscillators) หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการจับจังหวะ แต่หัวใจสำคัญคือการเข้าใจพื้นฐานของบริษัทที่เราจะลงทุนครับ การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอย่าง P&G ก็มีแพลตฟอร์มที่รองรับ เช่น Liberator ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกในการกระจายพอร์ตโฟลิโอครับ
สรุปนะครับ “หุ้นpg” มีสองความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การจะเลือกลงทุนในตัวไหนต้องพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุนของตัวเองครับ ถ้าชอบความท้าทาย ลุ้นการฟื้นตัว อาจจะมอง ประชาอาภรณ์ (SET:PG) แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงมากจากการขาดทุนและฐานะทางการเงินที่ยังไม่แข็งแรง หรือถ้าชอบความมั่นคง การเติบโตที่สม่ำเสมอ และกระแสเงินสดจากเงินปันผล P&G (NYSE:PG) อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ก็เป็นการลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของตลาดโลกเพิ่มเข้ามาครับ
สุดท้ายนี้ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว หรือในตลาดเดียวครับ หากสภาพคล่องทางการเงินไม่สูง หรือรับความเสี่ยงได้น้อย ควรประเมินอย่างรอบคอบก่อนพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูง หรือหุ้นที่พื้นฐานยังไม่แข็งแกร่งครับ การรู้จัก “หุ้นpg” ทั้งสองตัวนี้ ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ในโลกกว้างใหญ่ของการลงทุนเท่านั้นเองครับ!