LVMH หุ้น: เจาะลึกอาณาจักรแบรนด์หรู ยังน่าลงทุนอยู่ไหม?

เคยไหมครับ เวลาเดินผ่านร้าน Louis Vuitton, Christian Dior หรือ Tiffany & Co. แล้วรู้สึกว่า “ของเค้าดีจริงๆ แพงแค่ไหนคนก็ซื้อ” หรือ “แบรนด์พวกนี้ทำธุรกิจอะไร ทำไมถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้?”

จริงๆ แล้วเบื้องหลังแบรนด์หรูระดับโลกเหล่านี้ มีบริษัทแม่ยักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า **LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton** ดูแลอยู่ครับ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ LVMH ก็เหมือนกับ “บ้านหลังใหญ่” ที่รวบรวมเอา “ครอบครัวแบรนด์ดัง” กว่า 75 แบรนด์มาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เครื่องหนัง ไวน์ สุรา เครื่องประดับ น้ำหอม หรือแม้แต่ธุรกิจโรงแรมและสื่อ

**LVMH หุ้น**: อาณาจักรแห่งความหรูหรา

ลองจินตนาการถึงพอร์ตสินค้าของ LVMH ดูนะครับ มีตั้งแต่กระเป๋า Louis Vuitton ที่เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนทั่วโลก น้ำหอม Dior ที่ใครๆ ก็รู้จัก แชมเปญ Moët & Chandon สำหรับฉลองโอกาสพิเศษ ไปจนถึงเครื่องประดับสุดหรูจาก Tiffany & Co. ความหลากหลายนี่แหละคือจุดแข็งสำคัญของ LVMH ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม และกระจายความเสี่ยงได้ดี

บริษัทนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2530 จากการรวมตัวของ Louis Vuitton (แฟชั่น) กับ Moët Hennessy (ไวน์และสุรา) โดยมีหัวเรือใหญ่คือคุณเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่เข้าใจธุรกิจสินค้าหรูอย่างลึกซึ้งมากๆ และเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว

**สถานการณ์ตลาดสินค้าหรูตอนนี้เป็นยังไง?**

แต่ใช่ว่าธุรกิจหรูจะสวยหรูราบรื่นตลอดเวลานะครับ ช่วงนี้ LVMH และแบรนด์หรูอื่นๆ ก็กำลังเจอความท้าทายอยู่เหมือนกัน

หนึ่งในปัจจัยหลักคือ **เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว** ครับ จีนเป็นตลาดใหญ่มากๆ สำหรับสินค้าแบรนด์หรู การที่กำลังซื้อของชาวจีนลดลง หรือผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายของแบรนด์ต่างๆ ในเครือ LVMH อย่าง Louis Vuitton หรือแบรนด์อื่นๆ ในตลาดอย่าง Gucci ก็เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวบ้างแล้ว

นอกจากนี้ **พฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ก็เปลี่ยนไป** ครับ คนรุ่นใหม่บางส่วนไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์เนมเท่าคนรุ่นก่อนๆ พวกเขาอาจจะหันไปมองหาสินค้าที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า หรือบางทีเทรนด์ “Loud Budgeting” หรือการ “ประหยัดให้โลกรู้” ก็กำลังมาแรง แทนที่จะอวดรวย ก็มาอวดว่าตัวเองใช้เงินอย่างฉลาดแทน ซึ่งสวนทางกับแนวคิดเดิมๆ ของสินค้าหรูพอสมควร

**แล้ว LVMH ยังน่าสนใจอยู่ไหม?**

แม้จะเจอเมฆหมอกบ้าง แต่ LVMH ก็ยังเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมากๆ ในอุตสาหกรรมนี้ครับ

* **จุดแข็งภายใน:** พวกเขามีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าสูง สามารถขึ้นราคาได้เฉลี่ยปีละ 2-5% โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังยอมรับได้ เพราะคุณค่าของแบรนด์ไม่ได้อยู่ที่วัตถุดิบอย่างเดียว แต่อยู่ที่ฝีมือช่าง ประวัติศาสตร์ และการตลาดที่ทำให้สินค้ารู้สึกพิเศษ อัตรากำไรขั้นต้นของ LVMH ก็สูงลิ่วถึงประมาณ 70% เลยทีเดียวครับ
* **โอกาสในระยะยาว:** แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอ แต่ในระยะยาว อุตสาหกรรมสินค้าหรูยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางทั่วโลกที่เริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น และอย่างที่บอกคือ การสร้างแบรนด์หรูให้แข็งแกร่งต้องใช้เวลาและเงินลงทุนมหาศาล ทำให้คู่แข่งใหม่ๆ เข้ามาได้ยากมากๆ LVMH ซึ่งมีแบรนด์แข็งๆ อยู่ในมือจำนวนมาก จึงยังคงเป็นผู้นำตลาดที่ยากจะโค่นล้ม

**มาดูตัวเลข LVMH กันบ้าง (ปี 2566 และครึ่งแรก 2567)**

จากข้อมูลที่น่าสนใจ LVMH มีรายได้รวมในปี 2566 สูงถึง 86.2 พันล้านยูโร เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อน และมีกำไร 22.8 พันล้านยูโร เติบโต 8% ครับ ถือว่ายังทำผลงานได้ดีมากๆ แม้ในช่วงที่ตลาดเริ่มมีความผันผวน

แต่ในครึ่งแรกของปี 2567 การเติบโตก็เริ่มชะลอลงบ้าง ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินยูโรด้วยครับ

ถ้าดูที่ **ราคา LVMH หุ้น** (Ticker: MC ที่ตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris ประเทศฝรั่งเศส) จะเห็นว่าราคาเคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดกว่า 900 ยูโรต่อหุ้น เมื่อเดือนเมษายน 2566 แต่ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 479 ยูโรแล้ว ถือว่าลดลงมาพอสมควรจากจุดสูงสุด

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังมองว่าราคาพื้นฐานหรือราคาเหมาะสมของ LVMH ควรจะอยู่สูงกว่าราคาปัจจุบันนี้ค่อนข้างมาก บางแห่งให้เป้าหมายเฉลี่ยไว้ถึง 820.59 ยูโรเลยทีเดียวครับ (ข้อมูลจากหลายแหล่ง ณ ช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PE Ratio) ของ LVMH อยู่ที่ประมาณ 24.42 เท่า ซึ่งถือว่าสูงกว่าคู่แข่งบางรายอย่าง Christian Dior SE (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันแต่มีหุ้นแยกอีกตัว) หรือ Burberry Group แสดงว่านักลงทุนยังคงให้ค่าพรีเมียม (Premium) กับหุ้น LVMH อยู่

**นักลงทุนไทย อยากเป็นเจ้าของ LVMH ทำไงดี?**

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ **lvmh หุ้น** แต่อยู่เมืองไทย จะไปซื้อหุ้นที่ตลาดฝรั่งเศสก็ยุ่งยากใช่ไหมครับ? ไม่ต้องกังวลครับ นักลงทุนไทยมีทางเลือกที่ง่ายกว่านั้นเยอะ นั่นก็คือการลงทุนผ่าน **DR หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ** ครับ

DR เหมือนเป็น “ใบเสร็จ” ที่ออกโดยบริษัทผู้ออก DR (อย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง หรือ บล.บัวหลวง) ซึ่งผู้ออก DR จะไปซื้อหุ้น LVMH ตัวจริงที่ตลาดฝรั่งเศสมาเก็บไว้ แล้วนำมาแบ่งขายเป็นหน่วยย่อยๆ ในตลาดหุ้นไทยให้นักลงทุนไทยซื้อได้สะดวก

DR ของ LVMH ในตลาดหุ้นไทย มีชื่อย่อว่า **LVMH01** ครับ โดย 1 หุ้น LVMH ที่ฝรั่งเศส จะถูกแปลงเป็น DR LVMH01 จำนวน 1,600 หน่วย (อัตราอ้างอิง 1:1600)

**ข้อดีของการลงทุนใน LVMH01 ผ่าน DR คืออะไร?**

* **ซื้อง่าย ขายคล่อง:** เทรดได้ผ่านแอป Streaming เหมือนซื้อขายหุ้นไทยเลยครับ แค่แจ้งความประสงค์กับโบรกเกอร์ที่ใช้บริการ
* **ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า:** ลองคิดดูนะครับ ถ้าหุ้น LVMH ราคา 700 ยูโร และอัตราแลกเปลี่ยน 38 บาทต่อยูโร หุ้นจริงราคาเกือบ 27,000 บาทต่อหุ้น แต่ถ้าซื้อ LVMH01 ที่อัตรา 1:1600 และราคา DR ประมาณ 11 บาทต่อหน่วย (ข้อมูล ณ 24 พ.ค. 2568) คุณใช้เงินแค่ประมาณ 11 บาทต่อหน่วย DR เท่านั้นเองครับ
* **รับสิทธิประโยชน์:** ได้รับเงินปันผลเสมือนเป็นเจ้าของหุ้น LVMH จริงๆ (แต่อาจมีค่าธรรมเนียมในการจัดการบ้าง)
* **ภาษี:** กำไรจากการขาย LVMH01 ได้รับการยกเว้นภาษี เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นไทย

สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการซื้อขาย LVMH01 เพื่อให้มีสภาพคล่องที่ดี ควรเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและตลาด Euronext Paris เปิดพร้อมกัน คือประมาณ 15:00 – 16:30 น. ตามเวลาประเทศไทย (ช่วง Daylight Saving Time อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง) ครับ

**สรุปและข้อคิดก่อนตัดสินใจลงทุน**

**LVMH หุ้น** หรือการลงทุนในบริษัทแม่อาณาจักรสินค้าหรูผ่าน DR อย่าง LVMH01 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศและเป็นเจ้าของแบรนด์ระดับโลก

แม้ว่าช่วงนี้ LVMH จะเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ในเครือ ความสามารถในการทำกำไรที่สูง และการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เข้าถึงยาก ก็ยังทำให้ LVMH เป็นบริษัทที่น่าจับตามองในระยะยาวครับ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง อย่าเพิ่งเชื่อตามที่อ่านทั้งหมดนะครับ **ก่อนตัดสินใจลงทุนใน LVMH หุ้น** หรือ LVMH01 **โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบด้านด้วยตัวเองเสมอ** ทั้งผลประกอบการล่าสุด แนวโน้มของอุตสาหกรรมสินค้าหรู ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก (เช่น เศรษฐกิจโลก สงคราม ค่าเงิน) รวมถึงทำความเข้าใจลักษณะของตราสาร DR ด้วยนะครับ

⚠️ **คำเตือนสำคัญ:** การลงทุนใน DR หรือหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และราคาหลักทรัพย์อ้างอิงอาจผันผวนได้สูง หากเงินลงทุนของคุณมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ

การลงทุนคือการเดินทาง ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนก้าวออกไปนะครับ ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จครับ!