หุ้นfacebook ดิ่ง! โอกาสทอง หรือ แค่ภาพลวง?

ใครบ้างไม่รู้จัก Facebook หรือ Instagram? แอปที่เราใช้แชร์เรื่องราว ดูชีวิตเพื่อนๆ ทุกวัน หรือแม้แต่ใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากิน… บริษัทแม่ที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ยักษ์นี้ก็คือ Meta Platforms, Inc. หรือที่เมื่อก่อนเราคุ้นหูในชื่อ Facebook Inc. นั่นแหละครับ

แต่พอพูดถึง ‘หุ้น facebook’ หรือตอนนี้ที่เราเรียกกันว่า ‘หุ้น META’ หลายคนอาจจะสงสัยว่า “เอ๊ะ หุ้นตัวนี้เป็นยังไงบ้าง น่าลงทุนไหม?” ยิ่งช่วงนี้มีข่าวว่าราคาหุ้นดิ่งลงไปพอสมควร ทั้งๆ ที่ผลประกอบการล่าสุดก็ออกมาดีเกินคาดด้วยซ้ำไป… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวของ หุ้น META ตัวนี้กันครับ

**จาก Facebook สู่ Meta: บริษัทนี้ทำอะไรบ้าง?**

Meta Platforms (สัญลักษณ์หุ้น: META) จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น Nasdaq Stock Market ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดอยู่ในหมวดธุรกิจบริการสื่อสารและเทคโนโลยี โดยมี มาร์ค เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก เป็นซีอีโอ เขาไม่ใช่แค่ “Facebook” อีกต่อไปแล้วนะครับ แต่ได้ขยายอาณาเขตธุรกิจไปไกลกว่าเดิม

ธุรกิจหลักๆ ของ Meta แบ่งเป็น 2 ขาใหญ่ๆ ครับ ขาแรกคือ “Family of Apps (FoA)” นี่คืออาณาจักรโซเชียลมีเดียที่เราใช้กันทุกวัน ทั้ง Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp และน้องใหม่อย่าง Threads ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำรายได้หลักให้กับ Meta เกือบทั้งหมดเลยครับ คิดเป็นสัดส่วนถึง 99.08% ของรายได้รวม ซึ่งรายได้มหาศาลตรงนี้มาจาก “โฆษณาดิจิทัล” นั่นเองครับ คุณเห็นโฆษณาตามฟีดข่าว หรือในสตอรี่ต่างๆ นั่นแหละคือแหล่งเงินของ Meta

ส่วนอีกขาคือ “Reality Labs (RL)” อันนี้คืออนาคตที่ Mark Zuckerberg เขามองไว้ เป็นเรื่องของเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality – VR), โลกเสริมจริง (Augmented Reality – AR) และความจริงผสม (Mixed Reality) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อย่างแว่น VR และแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “Metaverse” ครับ แม้ส่วนนี้จะยังทำรายได้แค่ 0.92% และต้องใช้เงินลงทุนสูงมากๆ เพื่อวิจัยและพัฒนา แต่ก็เป็นความหวังและทิศทางสำคัญในระยะยาวที่ Meta กำลังทุ่มเทครับ

**เปิดงบ Meta: ตัวเลขบอกอะไรเราบ้าง?**

ลองมาดูตัวเลขล่าสุดของ Meta กันบ้างครับ (ข้อมูล ณ ช่วงเวลาที่มีการรวบรวมข้อมูลดิบ) บริษัทนี้ใหญ่โตมโหฬารจริงๆ ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 1.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าเทียบกับบริษัทในไทย นี่คือใหญ่กว่าหลายๆ ตลาดหุ้นรวมกันเสียอีก!

ถ้าดูผลตอบแทนย้อนหลังประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา หุ้น META ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาราวๆ 25-26% เลยทีเดียว

อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) อยู่ที่ประมาณ 22.98 เท่า อันนี้บอกคร่าวๆ ว่า ราคาหุ้นตอนนี้เป็นกี่เท่าของกำไรต่อหุ้น ถ้าเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อื่นๆ ก็ถือว่าไม่ได้แพงเวอร์จนเกินไป อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้สำหรับหุ้นเติบโตครับ ส่วนกำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share – EPS) ล่าสุดอยู่ที่ 24.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่น่าสนใจคือความสามารถในการทำกำไรของ Meta ครับ เขามีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) สูงถึง 81.5% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 35.55% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าธุรกิจหลักอย่างโฆษณาดิจิทัลนั้นยังทำเงินได้มหาศาลจริงๆ และบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากๆ

และในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา รายได้รวมของ Meta ก็ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งถึง 23.06% ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าธุรกิจหลักยังไปได้สวยครับ

**ผลประกอบการดี แต่ทำไม ‘หุ้น facebook’ (หุ้น META) ถึงร่วง?**

ทีนี้มาถึงจุดที่ทำให้หลายคนงงเป็นไก่ตาแตก… เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา Meta ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 ครับ

ตัวเลขที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดไว้อีกนะ! กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 4.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนรายได้ก็ทำได้ถึง 36,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงกับที่คาด และเติบโตสูงถึง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แถมยังทำกำไรสุทธิได้สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 เลยทีเดียว

โดยรายได้หลักๆ ก็ยังมาจากธุรกิจ Family of Apps หรืออาณาจักรโซเชียลมีเดียที่เราใช้กันนี่แหละครับ คิดเป็นสัดส่วน 97.8% ในไตรมาสนี้

แต่แล้วเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอครับ? หลังปิดตลาดวันนั้น ราคา หุ้น META ร่วงลงไปถึง 15.15%! จากราคาประมาณ 493 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือแค่ 418.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นเอง เหมือนมีใครโยนระเบิดเวลาใส่กลางวงประชุมประกาศผลยังไงยังงั้นเลยครับ! ตัวเลขดีขนาดนี้ ทำไมหุ้นถึงดิ่ง?

นักวิเคราะห์จาก FINNOMENA ได้ชี้ให้เห็น 3 สาเหตุหลักๆ ที่ตลาดดูเหมือนจะ “ไม่พอใจ” หรือ “กังวล” ทั้งๆ ที่กำไรก็ออกมาดีครับ

1. **ตลาดไม่มั่นใจกับแผนลงทุนมหาศาลในอนาคต:** ข้อแรกเลย ตลาดกังวลกับแผนการลงทุนที่ Meta ต้องทุ่มเงินมหาศาลในเรื่อง AI และเทคโนโลยีอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจโซเชียลหลัก Meta ต้องใช้เงินเยอะมากเพื่อสร้างอนาคตในส่วน Reality Labs หรือพัฒนา AI ต่างๆ ซึ่งนักลงทุนบางส่วนรู้สึกว่าเงินก้อนนี้มันเยอะเกินไป และอยากเห็นรายได้จากธุรกิจโซเชียลที่มีอยู่ซึ่งทำเงินได้ดีอยู่แล้วมากกว่า เหมือนเราอยากให้ร้านอาหารที่เราชอบทำกำไรจากเมนูที่เราเคยกิน แต่อยู่ๆ เขาจะไปเปิดสาขาใหม่ ใช้เงินเยอะมาก โดยที่เรายังไม่แน่ใจว่าจะได้เงินคืนเมื่อไหร่
2. **ตลาดกำลัง “รอดูทิศทาง”**: ผลประกอบการดีก็จริง แต่ทิศทางองค์กรในระยะยาวที่ต้องลงทุนหนักๆ แบบนี้ มันยังไม่ชัดเจนว่าจะประสบความสำเร็จและคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงไปไหม นักลงทุนส่วนใหญ่เลยยังไม่กล้าตัดสินใจ “ซื้อเพิ่ม” หรือ “ถือต่อ” อย่างมั่นใจนัก สะท้อนให้เห็นจากราคาหุ้นที่ผันผวนหนักหลังประกาศผล เหมือนกำลังรอดูว่า Meta จะเดินเกมนี้ต่อไปยังไง
3. **Meta เลือกที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนในอนาคต:** อันนี้เป็นอีกจุดที่ทำให้ตลาดกังวล Meta บอกว่าหลังจากนี้จะไม่เปิดเผยข้อมูลบางอย่างในรายงานผลประกอบการรายไตรมาส ทำให้การคาดการณ์รายได้ในอนาคตทำได้ยากขึ้น นักลงทุนเลยรู้สึกว่ามีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น เหมือนกำลังขับรถตอนกลางคืน แล้วไฟหน้าสว่างน้อยลง ทำให้มองเห็นข้างหน้าได้ไม่ชัดเท่าเดิม

สรุปง่ายๆ คือ ตัวเลขผลประกอบการปัจจุบันของ Meta นั้นดีเยี่ยม แต่แผนการลงทุนในอนาคตที่ต้องใช้เงินเยอะและยังไม่เห็นผลชัดเจน ประกอบกับการสื่อสารข้อมูลบางอย่าง ทำให้ตลาดเกิดความกังวลและความไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลให้ราคา หุ้น META ร่วงลงมานั่นเองครับ หากความกังวลนี้ยังคงอยู่ ราคาหุ้นก็อาจจะปรับตัวลงไปได้อีก อาจจะต่ำกว่า 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีความเป็นไปได้ที่จะลงไปถึงระดับ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้เลย

**ปัจจัยภายนอกและภาพรวมตลาดที่เกี่ยวข้อง**

นอกจากเรื่องภายในของ Meta แล้ว ปัจจัยภายนอกอย่างสภาวะตลาดโดยรวมก็มีผลนะครับ วันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างดัชนีดาวโจนส์ก็ติดลบเล็กน้อย ส่วนดัชนี S&P500 และแนสแด็กก็ปรับขึ้นเล็กน้อย ซึ่งถือว่าตลาดไม่ได้คึกคักอะไรมากนัก

ที่สำคัญกว่านั้นคือเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ถ้า Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูง หรือไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วอย่างที่ตลาดคาดหวัง ก็อาจจะส่งผลกดดันต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมได้ครับ เพราะหุ้นเทคโนโลยีมักจะอ่อนไหวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

**นักลงทุนไทยอยากลงทุน ‘หุ้น facebook’ (หุ้น META) ทำได้ยังไงบ้าง?**

สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังสนใจ หุ้น META ตัวนี้อยู่ มีวิธีที่จะเข้าไปลงทุนได้อยู่ครับ

วิธีแรกที่ค่อนข้างสะดวกและช่วยกระจายความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งคือ การลงทุนผ่าน “ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ติดตามดัชนี S&P 500” ครับ ดัชนี S&P 500 คือการรวมเอาหุ้นใหญ่ 500 ตัวแรกของอเมริกาไว้ด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่ามี หุ้น META รวมอยู่ในนั้นด้วย

ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ เช่นพวก S&P 500 CFD (Contract for Difference) ที่โบรกเกอร์ต่างประเทศบางแห่งมีให้บริการ อย่างแพลตฟอร์มอย่าง Moneta Markets ก็มีผลิตภัณฑ์แบบนี้ให้เลือกครับ ข้อดีคือมันช่วยให้เราลงทุนในหุ้นใหญ่ 500 ตัวไปพร้อมๆ กัน เป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัว อีกทั้ง CFD ยังมีอัตราทด (Leverage) ช่วยให้เราใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยกว่าการซื้อหุ้นจริงโดยตรง (แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น) และยังสามารถเทรดทำกำไรได้ทั้งตอนที่ราคาหุ้นขึ้นและตอนที่ราคาหุ้นลงได้ด้วยครับ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าการไปซื้อ หุ้น META ตัวเดียวโดดๆ ในแง่ของการกระจายความเสี่ยง

อีกวิธีคือการ “ซื้อหุ้นรายตัวโดยตรง” อันนี้จะซับซ้อนหน่อยสำหรับนักลงทุนไทยครับ เราต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่เขามีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศให้ ซึ่งอาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากในการเปิดบัญชีหรือการโอนเงินไปลงทุน ค่าธรรมเนียมการซื้อขายและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ก็อาจจะสูงกว่าการซื้อขายหุ้นไทยพอสมควร และบางทีอาจจะมีเงินลงทุนขั้นต่ำที่ค่อนข้างสูงด้วยครับ ต้องลองสอบถามรายละเอียดกับโบรกเกอร์ที่เราใช้บริการอยู่ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจครับ

**มองไปข้างหน้า: Meta ยังน่าสนใจไหม?**

แม้ราคา หุ้น META จะร่วงลงมาจากการประกาศผลประกอบการล่าสุด แต่เราต้องไม่ลืมจุดเด่นและพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทนี้นะครับ

1. **ผู้นำตลาดโฆษณาดิจิทัล:** เขาคือผู้นำตัวจริง เสียงจริงในตลาดโฆษณาดิจิทัล มีแพลตฟอร์มที่คนทั่วโลกใช้กันทุกวัน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงมากๆ
2. **รายได้เติบโตแข็งแกร่ง:** แม้บริษัทจะใหญ่แล้ว แต่รายได้ยังคงเติบโตในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง
3. **ศักยภาพจาก Reality Labs:** การลงทุนใน Reality Labs แม้จะยังไม่ทำเงินในตอนนี้ แต่ก็เป็นการปูทางสู่โลก Metaverse และเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งมีศักยภาพเติบโตได้มหาศาลในระยะยาว
4. **ฐานผู้ใช้งานมหาศาลที่สุดในโลก:** อันนี้คือขุมพลังสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโฆษณายังแข็งแกร่ง ไม่มีใครมีฐานผู้ใช้งานใหญ่เท่านี้อีกแล้ว
5. **ความสามารถในการทำกำไรสูง:** ตัวเลข Net Profit Margin 35.55% คือเครื่องยืนยันว่า Meta เป็นบริษัทที่ทำกำไรได้ “หนักมาก”

**บทสรุปการลงทุน: ‘หุ้น facebook’ (หุ้น META) สำหรับคุณ?**

สรุปแล้ว หุ้น META หรือ “หุ้น facebook” ในความทรงจำใครหลายคน เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมากในธุรกิจหลักอย่างโฆษณาดิจิทัล มีฐานผู้ใช้งานมหาศาล และมีความสามารถในการทำกำไรสูงลิ่วครับ

แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทก็กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่ต้องทุ่มเงินลงทุนมหาศาลกับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง AI และ Reality Labs ซึ่งเป็นความท้าทายที่ตลาดกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด และสะท้อนออกมาจากราคาหุ้นที่ผันผวนรุนแรงหลังประกาศผลประกอบการล่าสุด

สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่เชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทและวิสัยทัศน์ของ Mark Zuckerberg ในการสร้างโลกดิจิทัลยุคใหม่ Meta ก็น่าจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจตัวหนึ่งที่ควรค่าแก่การศึกษาครับ

ถ้าคุณสนใจลงทุนใน ‘หุ้น facebook’ หรือ หุ้น META จริงๆ นอกจากการพยายามซื้อหุ้นรายตัวโดยตรง (ซึ่งอาจมีข้อจำกัดสำหรับนักลงทุนไทย) การพิจารณาลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ติดตามดัชนี S&P 500 ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าศึกษา เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาหุ้นตัวเดียวได้และเข้าถึงได้ง่ายกว่าครับ

⚠️ **แต่จำไว้เสมอครับว่า การลงทุนมีความเสี่ยง** การลงทุนในหุ้นต่างประเทศก็มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน และความผันผวนของตลาดโลกโดยรวม ก่อนตัดสินใจลงทุนใน หุ้น META หรือสินทรัพย์อื่นๆ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ทำความเข้าใจในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประเมินความเสี่ยงที่ตัวคุณเองยอมรับได้ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากจำเป็นครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ช่วยให้คุณผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวของ ‘หุ้น facebook’ หรือ หุ้น META ได้มากขึ้นนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ!