
หลายคนอาจจะคิดว่าการลงทุนในตลาดการเงินต้องใช้เวลาเยอะ ต้องเฝ้าดูตลอดเวลาเหมือนติดแหง็กอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่จริงๆ แล้ว โลกของการลงทุนมีอะไรที่หลากหลายกว่านั้นมาก หนึ่งในนั้นก็คือกลยุทธ์ที่เรียกว่า “การเทรดระยะสั้น” หรือที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเรียกสั้นๆ ว่า เทรดสั้น นั่นเองครับ
เจ้าการเทรดสั้นเนี่ย ไม่ใช่การลงทุนแบบซื้อแล้วถือยาวเป็นปีๆ นะครับ แต่เป็นการซื้อขายสินทรัพย์เพื่อหวังทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นมากๆ ตั้งแต่ไม่กี่วินาที ไม่กี่นาที ไปจนถึงไม่กี่วัน คือเน้นเข้าไว ออกไว ทำกำไรจากส่วนต่างเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง หรือทำกำไรจากช่วงที่ราคาวิ่งแรงๆ ในเวลาสั้นๆ กลยุทธ์นี้อาจจะเหมาะกับคนที่อยากสร้างรายได้เสริม หรือคนที่ชอบการตัดสินใจที่รวดเร็ว และมีเวลาว่างในช่วงสั้นๆ ระหว่างวัน แต่ก็ต้องบอกก่อนว่า การเทรดสั้นมีความเสี่ยงในตัวมันเองสูงเช่นกัน เพราะความเร็วและความผันผวนนี่แหละตัวดีเลย
หัวใจหลักของการ เทรดสั้น ไม่ได้อยู่ที่การไปนั่งวิเคราะห์งบการเงินบริษัทแบบลงลึก หรือศึกษาปัจจัยพื้นฐานย้อนหลังเป็นสิบๆ ปี แต่เน้นไปที่การสังเกต “พฤติกรรมราคา” ณ เวลานั้นๆ เป็นหลัก ควบคู่ไปกับการติดตามข่าวสารสำคัญๆ ที่จะทำให้ตลาดเกิดความผันผวนอย่างรวดเร็ว เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของประเทศต่างๆ การประชุมของธนาคารกลาง หรือข่าวสารการเมืองต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาด เพราะข้อมูลเหล่านี้แหละที่จะเป็นตัวจุดชนวนให้ราคาวิ่งแรงๆ ให้เราได้มีโอกาสทำกำไร นอกจากนี้ นักเทรดสั้นจำนวนมากนิยมใช้เครื่องมือที่เรียกว่า สัญญาซื้อขายส่วนต่าง ซึ่งเป็นอนุพันธ์ทางการเงินชนิดหนึ่ง ข้อดีคือเราไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงๆ แค่เก็งกำไรจากราคาที่มันจะขยับขึ้นหรือลง ซึ่งช่วยให้เข้าถึงตลาดได้ง่ายและใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูงมาก
นักเทรดสั้นเองก็มีหลายสไตล์นะ แล้วแต่ว่าใครชอบแบบไหน หรือมีเวลาเฝ้าหน้าจอนานแค่ไหน ลองมาดูกันคร่าวๆ ครับ
พวกแรกคือ “นักเทรดแบบเก็งกำไรช่วงสั้นมากๆ” (Scalper) พวกนี้ตาไว มือไวสุดๆ ครับ เปิดสถานะซื้อขายทิ้งไว้แค่ไม่กี่วินาที หรือไม่กี่นาทีเท่านั้น ตั้งเป้าทำกำไรเล็กๆ แต่เน้นทำบ่อยๆ ให้ได้จำนวนครั้งเยอะๆ
ถัดมาคือ “นักเทรดรายวัน” (Day Trader) กลุ่มนี้จะเปิดสถานะซื้อขายตอนตลาดเปิด แล้วจะปิดสถานะทั้งหมดก่อนตลาดปิดในวันเดียวกัน เหตุผลสำคัญคือเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการถือสถานะข้ามคืน ซึ่งอาจจะแพงได้
และสุดท้ายคือ “นักเทรดแบบสวิง” (Swing Trader) กลุ่มนี้จะถือสถานะนานกว่าสองแบบแรกหน่อยครับ อาจจะถือตั้งแต่หลายวัน ไปจนถึงหลายสัปดาห์ เพื่อรอจับจังหวะที่ราคามีการแกว่งตัว หรือมีแนวโน้มที่ชัดเจนในระยะเวลาสั้นๆ ถึงปานกลาง

แน่นอนว่าเหรียญมีสองด้าน การ เทรดสั้น ก็มีทั้งข้อดีที่น่าสนใจ และข้อเสียที่ต้องระวังอย่างมาก มาดูข้อดีกันก่อนครับ อย่างแรกเลยคือมีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งในหนึ่งวัน ถ้าจังหวะดีๆ ตลาดวิ่งแรงๆ อาจจะเก็บกำไรได้หลายรอบเลย สองคือช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดในระยะยาวได้ เพราะเราไม่ได้ถือสถานะนานๆ สามคือบางครั้งใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่าการลงทุนระยะยาว สี่คือถ้าตลาดไม่เป็นไปตามที่เราคาด เราสามารถปิดสถานะได้อย่างรวดเร็วเพื่อจำกัดการขาดทุน ห้าคือเหมาะกับคนที่ไม่ชอบรอ ชอบความตื่นเต้น และตัดสินใจฉับไว และข้อดีสุดท้ายคือสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น (ซื้อถูกขายแพง) และตลาดขาลง (เปิดสถานะขายก่อนแล้วซื้อคืนทีหลังเมื่อราคาตก)
ทีนี้มาดูข้อเสียที่สำคัญของการ เทรดสั้น กันบ้างครับ ข้อแรกคือต้องใช้สมาธิและเวลาในการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดมากๆ เรียกได้ว่าบางทีต้องเฝ้าหน้าจอเลย สองคือมีความเครียดสูงมาก เพราะต้องตัดสินใจในเสี้ยววินาทีภายใต้ความกดดัน สามคือต้องการทักษะและประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาดที่สูงมากๆ ไม่ใช่ใครก็ทำได้ดีทันที สี่คือมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้ง่ายมากๆ ถ้าไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดีพอ ข้อห้าคือการซื้อขายบ่อยครั้งก็เพิ่มโอกาสในการเกิดความผิดพลาดได้ และข้อสุดท้ายคือการต้องเฝ้าหน้าจอเป็นเวลานานๆ อาจจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจได้
ถ้าถามว่าเครื่องมือและทักษะอะไรที่จำเป็นสำหรับการ เทรดสั้น คำตอบคือเยอะเลยครับ อย่างแรกคือ “แพลตฟอร์มการเทรด” ต้องเลือกที่ดีและเหมาะสม มันต้องประมวลผลคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วปานสายฟ้า มีกราฟข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์ที่ละเอียดพอให้เราวิเคราะห์ได้ มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคหลากหลายให้เลือกใช้ มีระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี และที่สำคัญคือระบบต้องมีความเสถียร อินเทอร์เน็ตต้องแรง ไม่ค้างไม่หลุด ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่หลายคนคุ้นเคยก็มี Mitrade เป็นต้น
ต่อมาคือ “การวิเคราะห์ทางเทคนิค” นี่คือหัวใจสำคัญที่นักเทรดสั้นต้องเชี่ยวชาญเลยครับ ต้องใช้เป็นทั้ง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (เอาไว้ดูแนวโน้ม), ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ หรือ RSI (เอาไว้ดูว่าราคาขึ้นหรือลงมาเยอะไปหรือยัง), รูปแบบแท่งเทียน (เอาไว้อ่านอารมณ์ตลาด), การระบุแนวรับและแนวต้าน (หาจุดที่ราคาอาจจะกลับตัว), การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (ดูความแข็งแรงของแนวโน้ม), ตัวบ่งชี้สโตแคสติก (คล้าย RSI), และเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยวิเคราะห์ความผันผวนของราคา
และที่สำคัญมากๆ ย้ำว่ามากๆ คือ “การจัดการความเสี่ยง” ครับ ถ้าไม่มีข้อนี้ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็เจ๊งได้ สิ่งที่ต้องทำคือ กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) ที่เหมาะสมในทุกๆ ครั้งที่เข้าเทรด ต้องคำนวณขนาดของการเทรดให้สอดคล้องกับจำนวนเงินทุนที่เรามี ต้องรักษาวินัยในการเทรดตามแผนที่วางไว้เป๊ะๆ ต้องใช้หลักการ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง เช่น ถ้าตั้งเป้ากำไร 1 ส่วน ก็ต้องยอมรับการขาดทุนได้ไม่เกิน 1 ส่วน หรือน้อยกว่านั้น และต้องมีแผนสำรองเสมอหากตลาดไม่เป็นไปตามที่คาด
กลยุทธ์การ เทรดสั้น ที่ได้รับความนิยมก็มีหลากหลายครับ เลือกที่เหมาะกับตัวเองและตลาดที่เราสนใจ
“การเทรดตามแนวโน้ม” (Trend Following) เช่น ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) สองเส้น ถ้าเส้นสั้นตัดขึ้นเหนือเส้นยาวก็หาจังหวะซื้อ ถ้าตัดลงใต้ก็หาจังหวะขาย
“การเทรดแบบทะลุแนว” (Breakout) คือการหาแนวรับแนวต้านสำคัญๆ แล้วรอจังหวะที่ราคาทะลุแนวเหล่านั้นไปแรงๆ เพื่อเข้าเทรดตามทิศทาง แต่ต้องระวังการทะลุหลอกด้วยนะครับ
“การเทรดตามข่าว” (News Trading) นี่คือการทำกำไรจากความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากๆ ตอนที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญๆ
“การเทรดตามแรงเหวี่ยงของตลาด” (Momentum Trading) คือการใช้ตัวบ่งชี้ต่างๆ เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม แล้วเข้าเทรดตามแรงเหวี่ยงนั้น
ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ อีก เช่น “การเทรดแบบอัลกอริทึม” ที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เทรดแทนคน หรือ “การเทรดแบบจับคู่ดอกเบี้ย” (Carry Trading) ที่อาศัยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน หรือ “การเทรดตามฤดูกาล” ที่เทรดตามพฤติกรรมราคาที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี

นักเทรดมืออาชีพเขาก็มีมุมมองและปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้ก่อน เทรดสั้น นะครับ อย่างแรกคือต้องเข้าใจว่า “ตลาดถูกขับเคลื่อนโดยรายใหญ่” พวกสถาบันการเงิน กองทุนขนาดใหญ่คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาขยับแรงๆ สองคือเทคนิคที่รายใหญ่ใช้บ่อยคือ “การวิเคราะห์โซนอุปสงค์และอุปทาน” (Demand Supply Zones) ซึ่งเป็นบริเวณที่คาดว่ารายใหญ่จะเข้าซื้อหรือขาย การทำความเข้าใจโซนเหล่านี้ช่วยให้เราเทรดไปในทิศทางเดียวกับรายใหญ่ได้ สามคือ “ช่วงเวลาในการเทรดของรายใหญ่” วอลลุ่มการซื้อขายจะหนาแน่นและราคาวิ่งแรงที่สุดในช่วงเวลาที่ตลาดหลักของแต่ละภูมิภาคเปิดทำการ สี่คือ “ระยะการทำกำไรขึ้นอยู่กับสินค้าที่เทรด” ต้องรู้ว่าสินทรัพย์ที่เราเทรด ปกติแล้วราคาจะวิ่งเฉลี่ยไปได้ไกลแค่ไหนในแต่ละวันหรือแต่ละช่วงเวลา และควรกำหนด อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง ที่เหมาะสม เช่น อย่างน้อย 1 ต่อ 1 และข้อสุดท้ายที่สำคัญยิ่งยวดคือ “ความเสี่ยงที่เงินทุนจะหมดไป” ต้องคำนวณและบริหารจัดการความเสี่ยงโดยรวมของเงินทุนในพอร์ตให้ดีมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เงินทุนทั้งหมดสูญหาย ซึ่งสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการชนะของเรา อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่เราใช้ และเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ต่อการเทรดในแต่ละครั้ง
สำหรับคนที่สนใจอยากจะลอง เทรดสั้น หรืออยากฝึกฝนให้เก่งขึ้น มีคำแนะนำดีๆ มาฝากครับ เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจเลือกประเภทกลยุทธ์การเทรดสั้นที่เราสนใจ ลองศึกษาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ จากนั้นก็พิจารณาตลาดและเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับกลยุทธ์นั้นๆ เช่น คู่สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ ทองคำ หุ้น หรือดัชนี สิ่งสำคัญที่สุดก่อนลงเงินจริงคือการ “ทดลองใช้กลยุทธ์ผ่านบัญชีทดลอง” ครับ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะมีบัญชีประเภทนี้ให้ใช้ฟรี ให้เราได้ฝึกฝน ลองผิดลองถูก เรียนรู้ระบบโดยไม่มีความเสี่ยงเรื่องเงินทุนจริงๆ เมื่อฝึกจนมั่นใจแล้ว ค่อยพิจารณาเปิดบัญชีจริง สิ่งที่ต้องทำเสมอคือ “มีแผนและบันทึกการเทรดทุกครั้ง” เข้าเทรดด้วยเหตุผลอะไร ออกเมื่อไหร่ กำไร/ขาดทุนเท่าไหร่ สิ่งนี้ช่วยให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ ที่สำคัญคือ “รอสัญญาณในการเทรดที่ชัดเจน” อย่าเข้าเทรดเพราะความรู้สึก หรือเข้าตามคนอื่น และต้อง “มีการจัดการความเสี่ยงในทุกครั้ง” ย้ำอีกครั้งว่าสำคัญมาก เลือกโบรกเกอร์ที่ดีและเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเรา โบรกเกอร์หลายๆ ที่ อย่างเช่น XM, Exness, MTrading, Eightcap, FBS, EBC ก็มีชื่อเสียงในตลาด และสุดท้ายคือ “การบริหารเงินลงทุน” ให้ดี ไม่โอเวอร์เทรด ไม่ใช้เงินเกินตัว
สรุปแล้ว การเทรดระยะสั้น หรือ เทรดสั้น เป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ มีโอกาสสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น และสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ตาม มันก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน ต้องการความรู้ ทักษะ การฝึกฝน วินัย และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีมากๆ หากคุณเป็นคนที่ชอบความเร็ว ชอบการตัดสินใจที่ฉับไว และมีเวลาติดตามตลาดในช่วงเวลาสั้นๆ นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคุณ
⚠️ การเทรดสั้นมีความเสี่ยงสูง อาจทำให้เงินทุนสูญหายได้อย่างรวดเร็ว นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และควรเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยๆ หรือฝึกฝนในบัญชีทดลองก่อนเสมอ.