เจาะลึกหุ้นไต้หวันดูยังไง: ไขความลับดาวเด่นเอเชีย

สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน กลับมาพบกับคอลัมน์การเงินฉบับย่อยง่าย สไตล์เล่าเรื่องกันอีกครั้งนะครับ/คะ

ช่วงนี้เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ลงทุนกันอยู่หลายคน มักจะแวะมาถามไถ่กันว่า “เฮ้ย…ไต้หวันนี่มันน่าสนใจจริงๆ ใช่ไหม แล้วถ้าจะลองดู หุ้นไต้หวันดูยังไง ล่ะ?” คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีมากครับ/ค่ะ เพราะพักหลังมานี้ ชื่อของไต้หวันโดดเด่นขึ้นมาในแวดวงการลงทุนอย่างมาก จนอดที่จะหันไปมองไม่ได้เลย

ลองนึกภาพตามนะครับ/คะ ถ้ามีประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง แต่เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีระดับโลก สินค้าไฮเทคที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ หลายอย่างมาจากที่นี่ แถมเศรษฐกิจยังเติบโตแซงหน้าเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันอีก นี่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันครับ/ค่ะ แต่กำลังพูดถึง “ไต้หวัน” นี่แหละ

ทีนี้ ไอ้ความน่าสนใจที่ว่านี้ มันมาจากไหน แล้วเราจะมีวิธี หุ้นไต้หวันดูยังไง ให้พอเห็นภาพบ้าง วันนี้ผม/ดิฉันจะพาทุกท่านไปแกะรอยกันแบบสบายๆ สไตล์คนอยากรู้เรื่องการเงินแต่ไม่ชอบอะไรที่ซับซ้อนนะครับ/คะ

**ทำไมจู่ๆ ไต้หวันถึงกลายเป็น “ดาวเด่น” ของเอเชีย?**

ย้อนกลับไปดูข้อมูลสักหน่อยนะครับ/คะ ไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดมากๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลองดูตัวเลขปี 2566 (2023) เขาไปติดอันดับ 4 ของโลกในดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจเลยทีเดียว นี่สะท้อนให้เห็นว่าพื้นฐานทางการเงินของเขาแข็งแกร่งไม่ใช่เล่น

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไต้หวันดูโดดเด่นขึ้นมา ก็หนีไม่พ้น “สงครามการค้า” ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับจีนนี่แหละครับ/ค่ะ ฟังดูอาจจะซับซ้อน แต่ในมุมของไต้หวัน สงครามนี้กลับกลายเป็นโอกาส! เพราะนักลงทุนและบริษัทหลายแห่งรู้สึกไม่สบายใจกับการตั้งกำแพงภาษีและการกีดกันต่างๆ ในจีน ก็เลยเริ่มมองหาฐานการผลิตหรือแหล่งลงทุนใหม่ๆ

และไต้หวันนี่แหละครับ/ค่ะ ที่ได้รับอานิสงส์เต็มๆ เห็นได้จากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ากว่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะหลายบริษัทตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากจีนกลับไปไต้หวันเพื่อเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯ

ผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไรน่ะเหรอครับ/คะ ก็คือ GDP ของไต้หวันเติบโตเกือบ 3% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าสูงกว่าตลาดอื่นๆ ในกลุ่มเสือแห่งเอเชียอย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง หรือเกาหลีใต้เสียอีกครับ/ค่ะ แถมตลาดหุ้นของเขาก็ติดอันดับต้นๆ ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทำให้ปี 2567 (2024) นี้ ไต้หวันถูกจับตามองในฐานะ “ดาวเด่น” ของเอเชียเลยทีเดียว

**รู้จัก “เวที” การลงทุน: ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (TWSE)**

ถ้าอยากรู้ว่า หุ้นไต้หวันดูยังไง ก็ต้องไปรู้จัก “เวที” ที่เขาซื้อขายกันก่อนนะครับ/คะ เวทีนั้นก็คือ ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน หรือ Taiwan Stock Exchange (TWSE) นั่นเองครับ/ค่ะ

TWSE ตั้งอยู่ที่ย่านไทเป 101 อาคารสูงเสียดฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของไต้หวันนี่แหละครับ/ค่ะ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2504 (1961) และมีเวลาทำการซื้อขายหลักทรัพย์เหมือนบ้านเราคือ วันจันทร์ถึงศุกร์ แต่เวลาจะเร็วกว่าหน่อยคือ 09:00 – 13:45 น.

ดัชนีหุ้นที่เป็นตัวแทนภาพรวมตลาดไต้หวันที่คนส่วนใหญ่ดูกันก็คือ ดัชนี TAIEX (Taiwan Capitalization Weighted Stock Index) ซึ่งเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เหมือนกับ SET Index ของไทยเรานั่นแหละครับ/ค่ะ ส่วนสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายก็คือ ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (TWD)

ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันเองก็มีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดนะครับ/คะ อย่างเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 (2023) TWSE ก็ได้เปิดตัวภาพลักษณ์องค์กรใหม่ พร้อมกับ “โครงการบุกเบิกทั่วโลก” (Global Trailblazing Initiatives) ที่ทำหลายอย่างเพื่อให้น่าเชื่อถือและดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหมวดหมู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ ทำดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมให้เจาะจงขึ้น จัดตั้งศูนย์ข้อมูล ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และศูนย์ข้อมูลการลงทุน (Investment InfoHub) เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ เขายังมีแพลตฟอร์มเจ๋งๆ อย่าง “ETFortune” ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ETF หรือกองทุนรวมดัชนีที่ซื้อขายเหมือนหุ้นได้ แพลตฟอร์มนี้มีเครื่องมือวิเคราะห์ ข้อมูลสถิติ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และตัวช่วยในการคัดกรองการลงทุน ใครสนใจ ETF ของไต้หวัน แพลตฟอร์มนี้ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ/ค่ะ

**รัฐบาลก็หนุนเต็มที่ สร้าง “กระดานนวัตกรรม” ดึงสตาร์ทอัพ**

อีกนโยบายที่น่าสนใจ และสะท้อนให้เห็นว่าไต้หวันจริงจังกับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่มากๆ ก็คือ การเปิดตัว “กระดานนวัตกรรมไต้หวัน” (Taiwan Innovative Board: TIB) ครับ/ค่ะ กระดานนี้เหมือนเป็นเวทีพิเศษสำหรับบริษัทนวัตกรรมใหม่ๆ หรือสตาร์ทอัพ ที่อาจจะยังไม่มีผลกำไรตามเกณฑ์ปกติ หรือมีข้อจำกัดด้านเงินทุน ให้สามารถระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น นโยบายแบบนี้ช่วยจุดประกายและส่งเสริมให้ธุรกิจใหม่ๆ เติบโตได้เร็วขึ้น เป็นการสร้างรากฐานเศรษฐกิจสำหรับอนาคตเลยครับ/ค่ะ

นโยบายของรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เองก็ชัดเจนในการส่งเสริมธุรกิจเพื่อลดการพึ่งพาประเทศจีน มีมาตรการต่างๆ เช่น การลดดอกเบี้ย และการช่วยเหลือเรื่องการหาพื้นที่ตั้งโรงงาน เพื่อดึงดูดให้เงินลงทุนไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่รัฐบาลไต้หวันผลักดันอย่างหนักคือ “เทคโนโลยีชีวภาพ” (Biotechnology) ครับ/ค่ะ เขาตั้งเป้าที่จะยกระดับอุตสาหกรรมนี้จากระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กลายเป็นระดับล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว มีการจัดตั้ง National Biotech Research Park เพื่อเป็นศูนย์กลางวิจัยและพัฒนา สะท้อนให้เห็นว่านอกจากเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ไต้หวันก็กำลังมองหา “ดาวรุ่ง” ดวงใหม่ๆ ให้กับเศรษฐกิจตัวเองอยู่เสมอ

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพิ่มความโปร่งใสของข้อมูลบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน รู้สึกว่าการซื้อขายเป็นไปอย่างยุติธรรมและได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ครับ/ค่ะ

**หัวใจสำคัญที่ต้องดูเมื่อจะเข้าใจ หุ้นไต้หวัน: อุตสาหกรรมและบริษัทชั้นนำ**

ถ้าจะให้ตอบคำถามว่า หุ้นไต้หวันดูยังไง แบบเจาะลึก ก็ต้องมาดูที่ “หัวใจ” ของเศรษฐกิจเขากันครับ/ค่ะ หัวใจที่ว่านี้ก็คือ อุตสาหกรรมหลักและบริษัทชั้นนำที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก

**๑. อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) หรือ “ชิป”:** นี่คือพระเอกตัวจริงครับ/ค่ะ ไต้หวันเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตชิปของโลก เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อันดับต้นๆ ของโลก และมักจะเกินดุลการค้าในหมวดนี้เสมอ

ลองนึกภาพดูว่าความต้องการชิปมันเยอะขนาดไหนในยุค 5G และ Internet of Things (IoT) โดยเฉพาะชิปขนาดเล็กระดับ 7 นาโนเมตร ไต้หวันนี่แหละคือผู้เล่นเบื้องหลังคนสำคัญ

* **TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company):** นี่คือ “พี่ใหญ่” ในวงการ เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบ “แฟบเลส” รายใหญ่สุดในโลก (คือออกแบบอย่างเดียว ไม่ได้มีโรงงานผลิตเอง) มูลค่าบริษัท ณ วันที่ 19 ก.พ. 2567 (2024) สูงถึง 17.712 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก NVIDIA เลยนะครับ/คะ TSMC ครองส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์ถึง 50% และผลิตชิปให้กับลูกค้ารายใหญ่ระดับโลกอย่าง Apple, AMD, Broadcom, Sony และกำลังเร่งเพิ่มกำลังผลิตชิป 5 นาโนเมตร และแข่งขันพัฒนาชิป 3 นาโนเมตร บอกเลยว่านี่คือตัวแทนของความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีของไต้หวันอย่างแท้จริง
* **MediaTek:** บริษัทนี้ก็เด่นไม่แพ้กัน เป็นผู้นำด้านชิปแบบ SoC (Systems-on-Chip – นึกภาพว่าเป็นชิปตัวเดียวที่รวมหลายๆ ฟังก์ชันไว้ในนั้น) สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งมือถือ แท็บเล็ต ทีวี 5G หรืออุปกรณ์ IoT ต่างๆ
* **Foxconn (Hon Hai Precision Industry):** บริษัทนี้อาจจะคุ้นหูคนไทยบางคน เพราะเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่ผลิตสินค้าให้แบรนด์ดังมากมาย เช่น iPhone, iPad, Nintendo
* **Quanta Computer:** ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง Apple, Dell, HP, Lenovo

นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์อีกมากมายครับ/ค่ะ

**๒. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology):** อย่างที่บอกไปว่าเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง รัฐบาลหนุนเต็มที่ ไต้หวันติดอันดับ 23 จาก 53 ประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพยอดเยี่ยม มีบริษัท biotech จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ครับ/ค่ะ

**๓. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม:** “พี่ใหญ่” ในวงการคือ Chunghwa Telecom ให้บริการครบวงจร ทั้งอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ คลาวด์ IoT AI

**๔. อุตสาหกรรมการเงิน:** มีสถาบันการเงินครบวงจรอย่าง Fubon Financial ที่ให้บริการธนาคาร ประกัน กองทุนหลักทรัพย์

**๕. อุตสาหกรรมพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์:** Delta Electronic ผู้นำด้านโซลูชั่นส์จัดการพลังงาน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า Formosa Petrochemical ก็เป็นบริษัทสำคัญในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน

และที่สำคัญมากๆ คือ ไต้หวันมีรากฐานทรัพยากรมนุษย์ที่แข็งแกร่งมากๆ ครับ/ค่ะ นักเรียนกว่า 37% เลือกเรียนในสาขาคณิตศาสตร์ การแพทย์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งนี่คือพื้นฐานสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรมต่อไปในอนาคต

**ดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ช่วยให้เข้าใจ หุ้นไต้หวัน ได้ดีขึ้น**

นอกจากการดูอุตสาหกรรมและบริษัทแล้ว การดูตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคก็ช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมและตอบคำถาม หุ้นไต้หวันดูยังไง ได้ชัดเจนขึ้นครับ/ค่ะ

* **ดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ:** ย้ำอีกครั้งว่าอันดับ 4 ของโลกในปี 2566 (2023) นี่คือสัญญาณของความมั่นคง
* **เงินลงทุนไหลเข้าจากสงครามการค้า:** 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นี่เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ
* **อัตราการเติบโต GDP:** ปีที่ผ่านมาเกือบ 3% แต่สำหรับปี 2568 (2025) มีการคาดการณ์ปรับลดลงจาก 2.72% เหลือ 2.37% เล็กน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากผลกระทบต่อเนื่องของโควิด-19 ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ/ค่ะ
* **GDP ต่อหัว (ปรับด้วยอำนาจการซื้อ PPP):** ตัวเลขนี้สูงกว่าประเทศไทยเกือบ 3 เท่า แสดงถึงกำลังซื้อและความมั่งคั่งของประชากร
* **อัตราการว่างงานและเงินเฟ้อ:** อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจที่มั่นคง
* **มูลค่าบริษัทสูงสุดในไต้หวัน (ณ 19 ก.พ. 2567):** TSMC 17.712 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน, Chunghwa Telecom 946.408 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน ตัวเลขพวกนี้บอกให้รู้ว่าบริษัทใหญ่ๆ เขามีขนาดใหญ่ระดับโลกจริงๆ
* **อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไต้หวัน:** ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนต้นทุนทางการเงินและมุมมองของตลาดต่อความเสี่ยงของประเทศ ณ ข้อมูลที่มี พันธบัตรอายุยาวก็ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอายุสั้นตามปกติ (เช่น 2 ปี 1.25%, 10 ปี 1.50%, 30 ปี 1.88%)

ตัวเลขเหล่านี้เป็นเหมือนสัญญาณชีพของเศรษฐกิจไต้หวันครับ/ค่ะ ช่วยให้เราเห็นภาพรวมความแข็งแกร่งและแนวโน้มในอนาคต

**สรุป: ถ้าจะดู หุ้นไต้หวันดูยังไง?**

มาถึงตรงนี้ หลายท่านคงพอเห็นภาพรวมและเริ่มตอบคำถามตัวเองได้แล้วนะครับ/คะ ว่าถ้าจะดู หุ้นไต้หวันดูยังไง

ในฐานะคอลัมนิสต์การเงิน ผม/ดิฉันมองว่าการจะพิจารณาลงทุนใน หุ้นไต้หวัน สิ่งที่เราต้องดูคือ:

1. **ภาพรวมเศรษฐกิจ:** ไต้หวันมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก ทั้งความเสรีทางเศรษฐกิจ การเติบโต GDP ที่น่าประทับใจ และการบริหารจัดการเรื่องอัตราว่างงาน/เงินเฟ้อได้ดี แม้จะมีปัจจัยภายนอกมากระทบ แต่เขาก็สามารถปรับตัวและหาโอกาสใหม่ๆ ได้
2. **นโยบายรัฐและตลาดทุน:** รัฐบาลไต้หวันและตลาดหลักทรัพย์มีความกระตือรือร้นในการพัฒนากลไกตลาดให้ทันสมัย โปร่งใส และดึงดูดนักลงทุน มีการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ๆ และส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
3. **อุตสาหกรรมหลักและบริษัทชั้นนำ:** นี่คือจุดแข็งที่ชัดเจนที่สุด ไต้หวันเป็นศูนย์กลางของโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นรากฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำความเข้าใจบริษัทหลักๆ อย่าง TSMC, MediaTek, Foxconn ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพและอื่นๆ ก็กำลังเติบโตน่าจับตา
4. **ตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ:** การติดตามตัวเลข GDP, เงินเฟ้อ, อัตราว่างงาน และมูลค่าบริษัทชั้นนำ จะช่วยให้เราประเมินสุขภาพของเศรษฐกิจและตลาดทุนไต้หวันได้

สำหรับนักลงทุนที่สนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน การศึกษาบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ/ค่ะ หรืออาจจะลองมองหาโอกาสผ่านกองทุนรวมดัชนี (ETF) ที่ไปลงทุนในหุ้นไต้หวัน ซึ่งอาจจะง่ายและกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการเลือกหุ้นรายตัว

อย่างไรก็ตาม การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ตลาดหุ้นไต้หวันเองก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือภาวะเศรษฐกิจโลก

⚠️ **ข้อควรจำ:** ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง การลงทุนในต่างประเทศก็มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและปัจจัยเฉพาะประเทศ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และอย่าลืมว่าข้อมูลที่นำเสนอในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพิจารณา หากเงินลงทุนของคุณมีสภาพคล่องไม่สูงนัก ควรประเมินความเสี่ยงและสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองให้ดีก่อนนะครับ/คะ การทำ Due Diligence หรือการศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนครับ/ค่ะ