เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมครับว่า เวลาเราเห็นข่าวคนนั้นคนนี้ได้กำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ต่างๆ ในตลาดเงินตลาดทุนกันเป็นกอบเป็นกำ ทั้งหุ้น คริปโตฯ หรือแม้แต่ทองคำเนี่ย ตกลงแล้วที่เขาทำกันอยู่มันเรียกว่า “ลงทุน” หรือว่า “เก็งกำไร” กันแน่? สองคำนี้ฟังดูคล้ายๆ กัน แต่จริงๆ แล้วมันต่างกันลิบลับเลยนะ แล้วการทำความเข้าใจความแตกต่างนี้แหละคือจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่ “ติดดอย” หรือ “พอร์ตแตก” จนหมดตัวได้
หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า เก็งกําไร คือ อะไรสักอย่างที่ดูหวือหวา เสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสรวยเร็ว ใช่ไหมครับ? นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความจริง แต่เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดๆ ลองนึกภาพตามผมง่ายๆ นะครับ
**การลงทุน: เหมือนการปลูกต้นไม้ รอเก็บผลระยะยาว**
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ การลงทุนก็เหมือนเราปลูกต้นไม้ดีๆ สักต้นหนึ่ง เราเลือกต้นที่เราคิดว่าจะเติบโตได้ดีในระยะยาว อาจจะต้องใช้เวลาดูแล รดน้ำ พรวนดิน (คือการศึกษาข้อมูลบริษัท ศึกษาพื้นฐานธุรกิจ) ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่เห็นดอกเห็นผลทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไป ต้นไม้ก็เติบโต แข็งแรง ให้ร่มเงา ออกดอกออกผลให้เราเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ (คือมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น ได้เงินปันผลสม่ำเสมอ)

นักลงทุนเขาจะโฟกัสไปที่ “พื้นฐาน” ของบริษัทที่เรากำลังจะเอาเงินไปลงด้วย เช่น บริษัทนี้ทำธุรกิจอะไร กำไรดีไหม ผู้บริหารเก่งแค่ไหน มีหนี้สินเยอะไปหรือเปล่า แนวโน้มในอนาคตเป็นยังไงบ้าง ถ้าดูแล้วมั่นใจว่าบริษัทนี้จะเติบโตได้ดีในระยะยาว นักลงทุนก็พร้อมจะซื้อหุ้นและ “ถือยาวๆ” ครับ อาจจะเป็นปี สองปี ห้าปี หรือสิบปีขึ้นไปเลยก็ได้ ตราบใดที่พื้นฐานบริษัทยังดีอยู่ ราคาหุ้นจะขึ้นๆ ลงๆ บ้างก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายคือการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
ข้อดีของการลงทุนคือความเสี่ยงจะต่ำกว่า เก็งกําไร คือ กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเยอะ การลงทุนเหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่เชี่ยวชาญตลาดมากนัก หรือคนที่ไม่มีเวลามาเฝ้าดูกราฟราคาตลอดทั้งวัน และยังได้กระแสเงินสดจากเงินปันผลเข้ามาเติมเรื่อยๆ ด้วย แต่ข้อเสียก็คือมันต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างมากหน่อย และกำไรที่ได้ก็จะเป็นไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปครับ
**การเก็งกำไร: เหมือนการซื้อขายของสะสมตามกระแส รอขายทำกำไรตอนราคาวิ่ง**
ทีนี้มาดูกันว่า เก็งกําไร คือ อะไรในอีกมุมมองหนึ่ง ถ้าการลงทุนคือการปลูกต้นไม้ การเก็งกำไรก็เหมือนการซื้อขายของสะสมตามกระแสฮิตๆ อย่างเช่น ซื้อการ์ดเกมหายากตอนมีข่าวว่าจะดัง ซื้อโมเดลลิมิเต็ดเอดิชั่น หรือแม้แต่ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมบางรุ่นที่กำลังเป็นที่ต้องการมากๆ แล้วรอจังหวะที่ราคาขึ้นไปสูงๆ ในช่วงสั้นๆ ก็รีบขายทำกำไรออกมา
นักเก็งกำไรไม่ได้สนใจพื้นฐานบริษัทหรือคุณค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์มากนักครับ เขาจะโฟกัสที่ “ราคา” และ “แนวโน้ม” เป็นหลัก เครื่องมือที่ใช้ก็จะเป็นพวกการอ่านกราฟทางเทคนิค ดูเส้นแนวโน้มต่างๆ ควบคู่ไปกับการติดตามข่าวสารต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาในระยะสั้นๆ อย่างรวดเร็ว เช่น ข่าวบริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ข่าวผู้บริหารลาออก ข่าวการเมือง หรือแม้แต่ข่าวลือต่างๆ

เป้าหมายของ เก็งกําไร คือ การทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นมากๆ ครับ บางคนอาจจะซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้ หรืออย่างมากก็ถือแค่ไม่กี่สัปดาห์ ถ้าผิดทาง ราคาตก ก็พร้อมจะคัทลอส (ตัดขาดทุน) ทันที เพื่อไม่ให้ขาดทุนหนักเกินไป
ศักยภาพในการทำกำไรจากการเก็งกำไรนั้นสูงมากๆ ครับ บางครั้งอาจเห็นกำไรเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า ในเวลาอันสั้น แต่แน่นอนว่าเหรียญอีกด้านของกำไรที่สูงลิ่วก็คือ “ความเสี่ยง” ที่สูงลิ่วตามไปด้วยเช่นกัน การเก็งกำไรต้องการความรู้ความเข้าใจในตลาดที่ลึกซึ้ง ต้องมีวินัยในการซื้อขายมากๆ ที่สำคัญคือต้องมีเวลาติดตามตลาดเกือบตลอดเวลา และมีความเครียดสูงมากครับ ไม่เหมาะกับคนใจร้อน หรือคนที่ไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินจำนวนมากได้
**แล้วอะไรคือสิ่งที่เหมือนกัน? และอะไรคือกับดัก?**
ถึงแม้จะต่างกันชัดเจน แต่การลงทุนและการ เก็งกําไร คือ กิจกรรมที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในตลาดเหมือนกันครับ ข้อผิดพลาดใหญ่หลวงที่นักลงทุนมือใหม่ หรือแม้แต่คนที่มีประสบการณ์แล้วก็มักจะพลาด คือการ “เปลี่ยนใจ” กลางคัน จากที่ตั้งใจจะลงทุนยาวๆ พอเห็นราคาหุ้นที่ถือตกลงมาเยอะๆ ก็เริ่มใจไม่ดี อ่านข่าวลือบ้าง อ่านกราฟบ้าง แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นนักเก็งกำไรไปโดยไม่รู้ตัวครับ คือขายหุ้นพื้นฐานดีทิ้งไปในราคาต่ำๆ ด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดการขาดทุนอย่างรุนแรงได้
บางคนอาจจะถามว่า “แล้วเราผสมผสานกันได้ไหม?” ได้ครับ ไม่ใช่ว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอไป นักลงทุนบางคนอาจจะใช้เทคนิคการเก็งกำไรเข้ามาช่วยจัดการความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนระยะยาวก็ได้ เช่น ถ้าเห็นว่าหุ้นพื้นฐานดีที่ถืออยู่มีแนวโน้มราคาจะปรับตัวลงในระยะสั้น อาจจะใช้เครื่องมืออย่างสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า CFD – สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นผลิตภัณฑ์ที่อิงราคาตามสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นจริง) เพื่อทำกำไรจากการปรับตัวลงของราคา เป็นการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนหลักไปในตัว ซึ่งตรงนี้ซับซ้อนขึ้นไปอีก เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์แล้วครับ
**สินทรัพย์แบบไหนที่เหมาะกับการเก็งกำไร?**
นอกจากหุ้นแล้ว อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า เก็งกําไร คือ กิจกรรมที่ทำได้กับสินทรัพย์หลายประเภท แม้แต่สินทรัพย์ที่ดูเหมือนจะไกลตัวอย่างของสะสมราคาแพงๆ ก็เป็นเครื่องมือเก็งกำไรชั้นดีสำหรับคนที่มีกำลังซื้อสูงๆ นะครับ
* **กระเป๋าแบรนด์เนมหายาก / นาฬิกาหรูรุ่นลิมิเต็ด**: อย่างกระเป๋า HERMES MINI KELLY 20 บางสีบางรุ่นราคาวิ่งไปไกลกว่าราคาช็อปเป็นเท่าตัว หรือนาฬิกาบางแบรนด์บางรุ่นที่ผลิตน้อย ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาและความต้องการในตลาดรอง คนที่เก็งกำไรกลุ่มนี้มักจะมีความรู้ความหลงใหลในสินทรัพย์นั้นๆ เป็นทุนเดิม ทำให้การเก็งกำไรไม่ใช่แค่เรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ยังได้ความสุขจากการสะสมด้วย
* **งานศิลปะ**: มีตลาดรองรับ ซื้อขายกันเป็นเรื่องเป็นราว และมูลค่าก็เพิ่มขึ้นตามชื่อเสียงของศิลปิน หรือความหายากของชิ้นงาน
* **ไวน์และวิสกี้หายาก**: ยิ่งเก่ายิ่งหายาก ยิ่งเก็บรักษาดียิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ส่วนหุ้นที่เหมาะกับการเก็งกำไร มักจะมีลักษณะเด่นๆ คือ

* **ราคาผันผวนสูง**: ขึ้นแรงลงแรง เป็นสนามเด็กเล่นของนักเก็งกำไรเลย
* **สภาพคล่องสูง**: ซื้อขายง่าย มีคนรอซื้อรอขายตลอดเวลา ถ้าสภาพคล่องต่ำจะซื้อก็ยาก จะขายก็ติด
* **ตอบสนองต่อข่าวสาร**: ไม่ว่าจะข่าวจริงข่าวลือ หุ้นพวกนี้จะวิ่งตามข่าวทันที
* **มีความไม่แน่นอนทางธุรกิจ**: ทำให้ราคาผันผวนง่าย เพราะคนไม่มั่นใจในอนาคต
ตัวอย่างหุ้นในตลาดต่างประเทศที่มักถูกพูดถึงในบริบทของการเก็งกำไรอยู่บ่อยๆ เพราะมีลักษณะตามที่กล่าวมาข้างต้น เช่น Microsoft, Apple, Nvidia, Micron, Intel, Meta Platforms, หรือ Amazon หุ้นเหล่านี้มีข่าวสาร เทคโนโลยีใหม่ๆ (อย่างเช่นเรื่อง ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence), คลาวด์ หรือ Cloud (ระบบคลาวด์), จักรวาลนฤมิต หรือ Metaverse (จักรวาลเมตา)) หรือผลประกอบการที่ออกมาทีไร ก็มักจะทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สร้างโอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้นได้เสมอ (อันนี้เป็นเพียงตัวอย่างลักษณะหุ้นนะครับ ไม่ได้แนะนำให้ซื้อขายหุ้นตัวใดเป็นพิเศษ)
**สรุปให้เห็นภาพชัดๆ**
| คุณสมบัติ | การลงทุน | การเก็งกำไร (เก็งกําไร คือ) |
| :————— | :—————————————- | :——————————————– |
| **วัตถุประสงค์** | สร้างความมั่งคั่งระยะยาว, รายได้สม่ำเสมอ | ทำกำไรระยะสั้นจากความผันผวนของราคา, ผลตอบแทนสูง |
| **ระยะเวลา** | ยาวนาน (หลายปีขึ้นไป) | สั้นมาก (วัน, สัปดาห์, เดือน) |
| **เกณฑ์ตัดสินใจ** | ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ (กำไร, หนี้สิน, การเติบโต) | ปัจจัยทางเทคนิค (กราฟ), ข่าวสาร |
| **ความเสี่ยง** | ต่ำกว่า | สูงกว่ามาก |
| **เหมาะสำหรับ** | มือใหม่, คนไม่มีเวลาติดตามตลาด, รับความเสี่ยงต่ำได้ | ผู้มีประสบการณ์, มีเวลาติดตามตลาดสูง, รับความเสี่ยงสูงได้ |
**ข้อคิดทิ้งท้ายและคำเตือน**
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือ เก็งกําไร คือ กิจกรรมที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าเป้าหมายทางการเงินของคุณคืออะไร รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และมีเวลาติดตามตลาดมากแค่ไหน
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น อยากให้ลองศึกษาเรื่องการลงทุนแบบเน้นพื้นฐานดูก่อนครับ เพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่า เข้าใจง่ายกว่า และใช้เวลาน้อยกว่า ส่วนการเก็งกำไรนั้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และยอมรับความเสี่ยงสูงได้จริงๆ ดีกว่าครับ
**คำเตือนสำคัญ:** ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน ทั้งการลงทุนและการเก็งกำไรมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เสมอ โดยเฉพาะการเก็งกำไรซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก หากคุณไม่มีความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ ไม่ควรนำเงินทั้งหมดที่มี หรือเงินที่คุณจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน มาใช้ในกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงเช่นนี้ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และประเมินความเสี่ยงที่คุณรับได้ก่อนตัดสินใจเสมอครับ! การตัดสินใจในตลาดการเงินควรอยู่บนพื้นฐานของความรู้และการวางแผน ไม่ใช่การคาดเดาหรือหวังพึ่งโชคครับ