หุ้น Apple วันนี้: ซื้อ, ขาย, หรือรอ? วิเคราะห์เจาะลึกแบบเข้าใจง่าย

เคยคิดไหมว่า iPhone ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน หรือแม้แต่ MacBook คู่ใจที่เราใช้ทำงาน เจ้าพวกนี้ไม่ได้เป็นแค่แกดเจ็ตเจ๋งๆ เท่านั้น แต่ยังเป็น “สินทรัพย์” ที่หลายคนทั่วโลกอยากเป็นเจ้าของ ไม่ใช่แค่ตัวผลิตภัณฑ์นะ แต่รวมถึง “หุ้น” ของบริษัทที่เป็นเจ้าของด้วย นั่นคือ บริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ (Apple Inc.) ที่เราคุ้นหูกันดีนี่แหละ

ช่วงนี้เพื่อนๆ หลายคนเริ่มสนใจเรื่องลงทุน หันมาถามไถ่กันเยอะว่า หุ้น apple วันนี้ เป็นยังไงบ้าง น่าสนใจลงทุนไหม เห็นข่าวปู่บัฟเฟตต์ขายหุ้นไปบ้างแล้ว เราควรตามรอยไหม? วันนี้ในฐานะคอลัมนิสต์สายลงทุนที่พยายามย่อยเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย จะพาไปแกะดู “สุขภาพ” ของหุ้น Apple กันแบบบ้านๆ เลย

ก่อนอื่นเลย แอปเปิ้ล เขาไม่ได้ขายแค่มือถือนะ เขามีจักรวาลสินค้าและบริการเต็มไปหมด ทั้งคอมพิวเตอร์ Mac, แท็บเล็ต iPad, นาฬิกา Apple Watch, หูฟัง AirPods รวมถึงบริการออนไลน์ต่างๆ อย่าง App Store ที่เราโหลดแอปกัน, Apple Music ที่เราฟังเพลง, iCloud ที่เราฝากรูป คือเรียกได้ว่าเป็นผู้นำในโลกเทคโนโลยีจริงๆ

ทีนี้มาดูเรื่องตัวเลขกันบ้าง สำหรับหุ้นของ แอปเปิ้ล ที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ แนสแด็ก (NASDAQ) ของสหรัฐอเมริกาเนี่ย มูลค่าตลาดรวมๆ ตอนนี้ โอ้โห! ใหญ่มากๆ ครับ อยู่ที่ประมาณ ๒.๙๒ ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ นี่ไม่ใช่เล่นๆ นะ ใหญ่กว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศรวมกันเสียอีก ตัวเลขล่าสุด (ช่วงที่ข้อมูลนี้ออกมา) ราคาหุ้นขยับอยู่ที่ราวๆ ๑๙๕ ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ก็มีปรับลงมาจากวันก่อนหน้าที่ปิดไป ๒๐๑ ดอลลาร์สหรัฐฯ บ้างนะ แต่ถ้าดูกรอบกว้างๆ ช่วง ๕๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเคยวิ่งไปได้ถึง ๒๖๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว แสดงว่ามีขึ้นมีลงเป็นเรื่องธรรมดาของตลาดหุ้น

ถ้าถามว่าบริษัทนี้ทำเงินได้ดีแค่ไหน? ข้อมูลก็บอกว่ารายได้ย้อนหลัง ๑๒ เดือน (TTM) อยู่ที่ประมาณ ๔๐๐.๓๗ พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนกำไรสุทธิก็ไม่ธรรมดาครับ อยู่ที่ ๙๗.๒๙ พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว คิดเป็นอัตรากำไรได้ถึง ๒๔.๓% หมายความว่าขายของ ๑๐๐ บาท เป็นกำไรเกือบ ๒๕ บาท ถือว่าทำกำไรได้ดีมากๆ ครับ และที่น่าสนใจคือรายได้ยังเติบโตแบบปีต่อปี ๕.๑% และกำไรโตเร็วกว่าอีกคือ ๗.๘% แสดงว่ายังขยายตัวได้อยู่

แต่พอมาดูเรื่องการประเมินมูลค่าหุ้น หรือที่นักลงทุนชอบดูกันคือ อัตราส่วน ราคาต่อกำไร (Price-to-Earnings Ratio หรือ P/E Ratio) เนี่ย ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ ๓๐.๔๒ เท่า (TTM) ถ้าดู P/E ล่วงหน้า (Forward P/E) ก็อยู่ที่ ๒๓.๕๐ เท่า ตัวเลขนี้มันบอกว่านักลงทุนยอมจ่ายเงินซื้อหุ้น Apple แพงแค่ไหนเมื่อเทียบกับกำไรที่บริษัททำได้ การที่ P/E อยู่ในระดับนี้ หมายความว่า ตลาดยังคาดหวังการเติบโตของ Apple อยู่มากครับ คนเลยยอมจ่าย “พรีเมียม” หรือจ่ายแพงกว่าหุ้นบริษัททั่วไปที่มีการเติบโตช้ากว่านั่นเอง

ประเด็นสำคัญที่คนจับตาตอนนี้ หนึ่งเลยคือเรื่อง “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI เนี่ยแหละ Apple เองก็ไม่ตกขบวนนะ มีข่าวว่าร่วมมือกับบริษัท อาลีบาบา (Alibaba) ของจีน เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ AI สำหรับ iPhone ด้วย นี่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต นอกจากนี้ การที่อุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple รองรับระบบ ๕จี (5G) ได้เต็มที่ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนยอดขายและผลักดันการเติบโตในระยะยาว

แต่ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ นะครับ หุ้น Apple ก็เจอความท้าทายเหมือนกัน เรื่องใหญ่เลยคือ ประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และสงครามการค้า (Trade War) ที่สหรัฐฯ มีปัญหากับบางประเทศ โดยเฉพาะเรื่องภาษีนำเข้าใหม่ๆ เนี่ย ส่งผลกระทบโดยตรงกับฐานการผลิตของ Apple ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ Apple ต้องปรับขึ้นราคา iPhone หรือ MacBook ในอนาคตได้ อันนี้เป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระวัง

อีกเรื่องที่ร้อนระอุและกระทบตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึง หุ้น apple วันนี้ ด้วย ก็คือความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง (Middle East) อย่างความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และบทบาทของสหรัฐฯ ในพื้นที่นั้น พอมีประเด็นพวกนี้ทีไร ตลาดหุ้นมักจะปั่นป่วน นักลงทุนจะหันไปหา “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven Assets) อย่างทองคำ หรือดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำพุ่ง เงินดอลลาร์แข็งค่า ส่วนพวกสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นก็อาจจะโดนเทขายออกมา

และข่าวใหญ่ที่หลายคนคงได้ยินคือ คุณ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ปรมาจารย์นักลงทุนระดับโลก ผ่านบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทอะเวย์ (Berkshire Hathaway) ของท่านเนี่ย มีการทยอย “ลดสัดส่วนการถือครอง” หุ้น Apple ลงไปอย่างมีนัยสำคัญ อันนี้เป็นเรื่องที่ตลาดให้ความสนใจมาก เพราะปู่บัฟเฟตต์ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่และมีอิทธิพล การที่แกขายหุ้นตัวไหน มักจะมีคนตีความไปต่างๆ นานา ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงขาย แล้วเราควรทำตามไหม?

ตรงนี้น่าคิดนะ แต่ก็ต้องมองภาพรวมด้วยครับ เพราะถึงแม้ปู่บัฟเฟตต์จะขายไปบ้าง แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ทำการศึกษา Apple อย่างละเอียด ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนที่ “ซื้อ” (Buy) หรือ “รอ” (Hold) อยู่ โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย ๑๒ เดือนข้างหน้าอยู่ที่ประมาณ ๒๒๘.๗๖ ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคาปัจจุบันพอสมควร และมุมมองระยะยาวถึงปี ๒๕๖๘-๒๕๗๓ ก็ยังค่อนข้างเป็นบวกอยู่ นั่นแปลว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ Apple อยู่ เพียงแต่ยอมรับว่ามีปัจจัยท้าทายระยะสั้นเข้ามาบ้าง

แล้วถ้าเป็นนักลงทุนไทยอย่างเราๆ อยากจะลงทุนใน หุ้น apple วันนี้ บ้าง ทำได้ยังไง? ตอนนี้มีหลายช่องทางครับ

หนึ่งคือ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ หรือ DRx (อ่านว่า ดีอาร์เอ็กซ์) ครับ ที่ ธนาคารกรุงไทย เขาเป็นผู้ให้บริการ เราสามารถซื้อ DRx ที่อ้างอิงหุ้น Apple ได้โดยตรงผ่านตลาดหุ้นไทย สะดวกดีเหมือนซื้อหุ้นไทยเลย

สองคือ ซื้อหุ้น Apple ในตลาดต่างประเทศโดยตรงเลยครับ ก็คือไปซื้อในตลาดแนสแด็ก (NASDAQ) นั่นแหละ ช่องทางนี้อาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากกว่าหน่อย และต้องแลกเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินข้ามประเทศ แต่ก็มีบริการแลกเปลี่ยนเงินตราอย่าง Wise ที่ช่วยให้เราถือเงินหลายสกุลและแลกได้ในอัตรากลางตลาด ช่วยลดค่าธรรมเนียมแฝงได้ครับ

สามคือ เทรดผ่าน สัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ CFD (อ่านว่า ซีเอฟดี) ครับ พวกนี้เป็นตราสารอนุพันธ์ที่ใช้อ้างอิงราคาหุ้น Apple อีกที ข้อดีคือใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก และสามารถใช้ “เลเวอเรจ” (Leverage) หรืออัตราทดได้ ทำให้เหมือนเราใช้เงินน้อยแต่ควบคุมมูลค่าการซื้อขายที่ใหญ่กว่าได้ เช่น แพลตฟอร์มอย่าง ZFX ก็มีบริการเทรด CFD หุ้นต่างประเทศรวมถึง Apple ข้อควรระวังคือ การใช้เลเวอเรจนั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมาก ถ้าตลาดไม่เป็นไปตามที่เราคาด อาจขาดทุนหนักกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นได้เลยครับ

สรุปภาพรวมสำหรับ หุ้น apple วันนี้ นะครับ คือ เป็นบริษัทที่พื้นฐานแข็งแกร่งมาก ทำกำไรได้ดี ยังมีศักยภาพเติบโตจากเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI และ 5G แต่ก็ต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เช่น สงครามการค้า ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจจะยังไม่ลดลงง่ายๆ ซึ่งพวกนี้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้

ส่วนกรณีปู่บัฟเฟตต์ขายหุ้น ก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านครับ บางทีเหตุผลในการขายอาจไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใน Apple แล้ว แต่อาจเป็นเรื่องการบริหารพอร์ตลงทุนโดยรวม หรือมองเห็นโอกาสอื่นที่น่าสนใจกว่าก็ได้ ไม่จำเป็นที่เราต้องทำตามทุกอย่างเสียทีเดียว

สำหรับนักลงทุนไทย มีทางเลือกหลากหลายในการเข้าถึงหุ้น Apple ทั้งแบบง่ายผ่าน DRx หรือแบบตรงไปตรงมาผ่านตลาดต่างประเทศ หรือแบบใช้เลเวอเรจผ่าน CFD ครับ

คำแนะนำสุดท้ายคือ ไม่ว่าจะเลือกช่องทางไหน หรือจะตัดสินใจลงทุนใน หุ้น apple วันนี้ หรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน” เข้าใจทั้งโอกาสและความเสี่ยงของมันจริงๆ ครับ

⚠️ หากคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ หรือยังมีเงินลงทุนไม่มากนัก และรับความเสี่ยงสูงไม่ได้ การลงทุนโดยตรงในตลาดต่างประเทศ หรือการใช้ CFD ที่มีเลเวอเรจ ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หรืออาจเริ่มต้นจาก DRx ที่เข้าใจง่ายกว่าก่อนก็ได้ครับ ที่สำคัญคือ อย่าลงทุนในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ และจัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ด้วยนะ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ!