หุ้นวัฏจักร คืออะไร? จับจังหวะลงทุนให้ถูก รวยเปรี้ยงปร้าง!

ช่วงนี้ ใครๆ ก็บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดีบ้างล่ะ เงินเฟ้อสูงบ้างล่ะ กำลังซื้อหดบ้างล่ะ แล้วรู้ไหมครับว่า เรื่องพวกนี้มันส่งผลยังไงกับ “ตลาดหุ้น” ของเรา? ในโลกของการลงทุน มันมีหุ้นอยู่ประเภทหนึ่งที่ไวต่อสภาพเศรษฐกิจเป็นพิเศษครับ เขาเรียกกันว่า หุ้นวัฏจักร

เหมือนเวลาเราดูพยากรณ์อากาศนั่นแหละครับ ถ้าบอกว่าฝนจะตกหนัก เราก็รู้ว่าบางอาชีพอาจจะเงียบเหงาหน่อย แต่บางอาชีพที่เกี่ยวกับร่ม เสื้อกันฝน อาจจะคึกคักขึ้นมา หุ้นก็เหมือนกันครับ หุ้นบางตัวจะรุ่งเรืองมากตอนเศรษฐกิจขาขึ้น บางตัวจะแข็งแกร่งตอนเศรษฐกิจขาลง ส่วนพระเอกที่เราจะคุยกันวันนี้อย่าง หุ้นวัฏจักร คือ หุ้นที่ผลประกอบการและราคาหุ้นวิ่งตามอารมณ์ของเศรษฐกิจเป๊ะๆ เลยครับ ถ้าเศรษฐกิจดี๊ดี หุ้นพวกนี้ก็พุ่งแรง แต่ถ้าเศรษฐกิจซึมๆ หุ้นพวกนี้ก็อาจจะเหงาไปด้วย

ลองนึกภาพเศรษฐกิจเหมือนฤดูกาลนะครับ มีทั้งช่วงที่เพิ่งฟื้นไข้ (ระยะฟื้นตัว หรือ Recovery) ช่วงที่กำลังแข็งแรงสุดๆ (ระยะเฟื่องฟู หรือ Peak) ช่วงที่เริ่มเหนื่อยๆ (ระยะถดถอย หรือ Recession) และช่วงที่ป่วยหนัก (ระยะตกต่ำ หรือ Trough) นักวิเคราะห์เขาบอกว่า ปัจจัยเศรษฐกิจตัวเลขต่างๆ ทั้ง GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ), เงินเฟ้อ, ดอกเบี้ย, อัตราการว่างงาน ฯลฯ มันจะเคลื่อนไหวเป็นรอบๆ ตามวัฏจักรนี้แหละครับ แล้วหุ้นแต่ละกลุ่มเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ “ฉายแสง” ไม่เหมือนกัน

อย่างตอนเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวใหม่ๆ หลังผ่านช่วงแย่สุดมา ตัวเลขต่างๆ เริ่มดีขึ้น บริษัทเริ่มทำกำไรได้ดีขึ้น กลุ่มพลังงาน อุตสาหกรรม ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ มักจะวิ่งนำครับ พอถึงช่วงเฟื่องฟู ที่เศรษฐกิจร้อนแรงสุดๆ กำลังซื้อสูง คนจับจ่ายใช้สอยเก่ง หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ท่องเที่ยว บริการ จะคึกคักมาก พอเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวเข้าสู่ช่วงถดถอย หุ้นที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ (หุ้นตั้งรับ หรือ Defensive Stock) อย่างพวกสาธารณูปโภค โรงพยาบาล จะกลายเป็นที่หลบภัยของนักลงทุน สุดท้ายพอถึงจุดที่เศรษฐกิจตกต่ำสุดๆ ทุกอย่างดูแย่ไปหมด หุ้นบางประเภทที่สวนกระแสอย่างพวกธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือสินค้าบางอย่างที่คนต้องการมากขึ้นตอนเงินน้อยๆ ก็อาจจะมีโอกาสครับ

ทีนี้มาเจาะลึกที่ หุ้นวัฏจักร ของเราอีกที อย่างที่บอกไปครับว่า หุ้นวัฏจักร คือ หุ้นที่ผลประกอบการขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่ เมื่อเศรษฐกิจดี บริษัทพวกนี้ก็จะทำกำไรได้ดีมาก ราคาหุ้นก็จะวิ่งขึ้นไปแรงๆ แต่พอเศรษฐกิจแย่ ก็จะกลับกันเลยครับ ผลประกอบการทรุด ราคาหุ้นก็ดิ่งลง ซึ่งการที่ราคาหุ้นมัน “ดีดกลับ” ขึ้นมาได้ตอนเศรษฐกิจเริ่มฟื้นเนี่ย เป็นจุดที่นักลงทุนที่เข้าใจจังหวะจะได้ประโยชน์

หุ้นวัฏจักร มีหลายแบบครับ แบบแรกคือพวกที่ “อิงสินค้าโภคภัณฑ์” (Commodity-linked) คือราคาและผลกำไรของบริษัทขึ้นอยู่กับราคาวัตถุดิบหรือสินค้าที่ขายในตลาดโลก ซึ่งควบคุมยากมาก เช่น หุ้นกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี โรงกลั่น ถ่านหิน หรือแม้แต่หุ้นเดินเรือ ที่รายได้ขึ้นอยู่กับค่าระวางเรือ ซึ่งผันผวนตามอุปสงค์อุปทานทั่วโลก อีกแบบคือพวกที่ “อิงความต้องการผันผวนตามเศรษฐกิจ” คือความต้องการสินค้าหรือบริการของบริษัทขึ้นอยู่กับกำลังซื้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยตรง เช่น กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจการบิน ค้าปลีก (อันนี้เกี่ยวพันกับดัชนีกำลังซื้ออย่าง Purchasing Power Index) อุตสาหกรรมยานยนต์ ธนาคาร หรือแม้แต่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ลองดูตัวอย่างในตลาดหุ้นไทยก็ได้ครับ หุ้นเดินเรืออย่าง PSL, TTA ก็เป็น หุ้นวัฏจักร แบบอิงค่าระวาง หรือหุ้นกลุ่มฟิล์มและบรรจุภัณฑ์อย่าง AJ, PTL ก็เป็น หุ้นวัฏจักร ที่อิงความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นยางพาราอย่าง STA ก็อิงราคาโภคภัณฑ์ชัดเจน ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราอาจจะเห็นหุ้นท่องเที่ยว ค้าปลีก เริ่มฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ หรือกลุ่มยานยนต์ที่ได้อานิสงส์จากกำลังซื้อที่กลับมา และการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ก็เริ่มมีสัญญาณว่าอาจจะกำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจจะทำให้ส่วนต่างราคาสินค้าปิโตรเคมีดีขึ้น

แล้วถ้าเราอยากจะร่วมวงลงทุนกับ หุ้นวัฏจักร เนี่ย ต้องทำยังไงถึงจะไม่เจ็บตัว? หัวใจสำคัญของ หุ้นวัฏจักร คือ “จังหวะ” ครับ! ลืมเรื่องการซื้อหุ้นดีๆ แล้วถือยาวไปได้เลย เพราะธรรมชาติของมันคือขึ้นสุดลงสุด การลงทุนใน หุ้นวัฏจักร ต้องอาศัยการเก็งกำไรจากการคาดการณ์วัฏจักรของอุตสาหกรรมนั้นๆ หรือราคาโภคภัณฑ์อย่างใกล้ชิด

ข้อควรระวังสุดๆ สำหรับหุ้นวัฏจักร คือ “อย่าหลงกับ P/E ต่ำๆ” นะครับ เพราะ P/E ที่ดูเหมือนถูก อาจจะเป็นตอนที่บริษัทกำลังทำกำไรสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ซึ่งแปลว่าหลังจากนี้กำไรอาจจะลดลง ราคาหุ้นก็มีโอกาสลงตาม การเข้าไปซื้อตอนนี้เหมือนซื้อตั๋วเรือตอนที่กำลังจะถึงฝั่ง ไม่ใช่ตอนที่มันเพิ่งออกจากท่า นอกจากนี้ การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือการทยอยซื้อถัวเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ที่เหมาะกับหุ้นเติบโตหรือหุ้นบลูชิพที่มั่นคง ก็ “ไม่เหมาะ” กับหุ้นวัฏจักรเลยครับ เพราะความผันผวนสูงมาก

เวลาที่ดีที่สุดที่จะมองหา หุ้นวัฏจักร คือตอนที่เศรษฐกิจกำลัง “แย่” ครับ ตอนที่ทุกคนท้อแท้ ราคาหุ้นลงไปเยอะๆ นั่นแหละคือโอกาสในการเข้าซื้อ เพราะเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว หุ้นพวกนี้จะดีดกลับแรงมาก ส่วนสิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือการเข้าไปซื้อตอนที่บริษัทกำลังทำกำไรดี๊ดี ราคาหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว นั่นอาจจะเป็นจุดสูงสุดของรอบนั้นๆ ครับ คุณต้องมอง “วงจรธุรกิจ” ของแต่ละอุตสาหกรรมให้ออก มองให้ออกว่ามันอยู่ตรงไหนของรอบแล้ว

สมมติว่าคุณศึกษามาดีแล้ว เห็นสัญญาณว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังจะกลับมา คุณเข้าไปซื้อตอนที่ราคายังต่ำๆ พอเศรษฐกิจฟื้นตัว บริษัททำกำไรดี ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้ สิ่งสำคัญคือ “เมื่อได้กำไรแล้วควรอออกมาก่อน” อย่าหลงหุ้นครับ เพราะธรรมชาติของมันคือเมื่อถึงจุดสูงสุด มันก็จะวนกลับมาลงอีกครั้ง การเข้าผิดจังหวะใน หุ้นวัฏจักร อาจทำให้คุณติดหุ้นและต้องรอราคาเดิมนานหลายปีมากๆ ได้เลย

สรุปแล้ว หุ้นวัฏจักร คือ หุ้นที่มีเสน่ห์ในเรื่องการวิ่งแรงตามเศรษฐกิจ ให้ผลตอบแทนสูงได้ในเวลาสั้นๆ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการเข้าผิดจังหวะ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ชอบความตื่นเต้น รับความเสี่ยงได้สูง และพร้อมที่จะศึกษาติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด หุ้นวัฏจักร ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ แต่ถ้าคุณเป็นสายเน้นความมั่นคง ค่อยๆ เติบโต หุ้นบลูชิพหรือหุ้นตั้งรับอาจจะตอบโจทย์กว่า

ดังนั้น ก่อนจะกระโดดเข้าใส่ หุ้นวัฏจักร ต้องถามตัวเองก่อนว่า “เข้าใจวงจรธุรกิจ” ของมันดีแค่ไหน? พร้อมที่จะติดตาม “สถานการณ์เศรษฐกิจ” และ “อุตสาหกรรม” อย่างใกล้ชิดหรือเปล่า? อย่าลืมว่าในตลาดหุ้นไม่มีอะไรแน่นอน การศึกษาข้อมูลรอบด้าน และการบริหารความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนครับ

⚠️ การลงทุนใน หุ้นวัฏจักร มีความเสี่ยงจากการเข้าผิดจังหวะสูงมาก อาจทำให้ขาดทุนหรือเงินจมได้นาน ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน