เพื่อนๆ นักลงทุนมือใหม่ หรือแม้แต่มือเก๋าทั้งหลาย เคยมีคำถามผุดขึ้นในหัวไหมว่า เอ… ตลาดหุ้น เปิด ปิด กี่โมง กันแน่นะ? เวลาซื้อขายมันเป๊ะๆ เลยหรือเปล่า แล้วทำไมบางวันตลาดหุ้นถึงปิดเร็ว หรือบางทีมีข่าวใหญ่ๆ มาตอนพักเที่ยง เราจะปรับกลยุทธ์ยังไงดีนะ? คำถามพวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญสุดๆ สำหรับคนที่จะก้าวเข้าสู่โลกการลงทุนเลยล่ะ เพราะการรู้เวลาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ก็เหมือนการรู้เวลาเปิด-ปิดร้านค้าที่เราจะไปช้อปปิ้งนั่นแหละ ถ้าไปผิดเวลา ต่อให้มีเงินพร้อมซื้อ ก็อดนะจ๊ะ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นไทย ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เค้าจะมีรอบการซื้อขายแบ่งเป็น 2 ช่วงชัดเจน มีพักกลางวันยาวเหยียดเลยนะ
ลองนึกภาพตามนะ ช่วงเช้า ตลาดจะเริ่มให้ส่งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (ที่เรียกว่า Pre-open) ได้ตั้งแต่ 09:30 น. เพื่อเตรียมหา “ราคาเปิด” ของหุ้นแต่ละตัว ซึ่งช่วงนี้เค้าจะใช้วิธีการจับคู่แบบ Auction (เหมือนการประมูล) เพื่อหาจุดที่คนอยากซื้อกับคนอยากขายเจอกัน หลังจากนั้นประมาณ 09:55-10:00 น. (เวลาตรงนี้มันจะสุ่มๆ นิดนึงนะ ไม่ได้เป๊ะๆ ทุกวัน) ตลาดก็จะเข้าสู่ช่วง “เวลาทำการ” ของรอบเช้าจริงๆ จังๆ เราก็จะซื้อขายกันได้ต่อเนื่องยาวไปจนถึง 12:30 น. เป๊ะ!
ทีนี้ก็มาถึงช่วง “พักเที่ยง” อันยาวนาน ตั้งแต่ 12:30 น. ไปจนถึง 14:00 น. ช่วงนี้ตลาดปิดจ้า ทำอะไรไม่ได้ นอกจากไปหาข้าวเที่ยงอร่อยๆ กิน หรือไม่ก็เฝ้าหน้าจอดูข่าวสารต่างประเทศไปพลางๆ

พอถึงบ่าย 14:00 น. ตลาดก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงก่อนเปิดทำการรอบบ่าย (Pre-open Session II) อีกครั้ง เพื่อหา “ราคาเปิด” รอบบ่าย คล้ายๆ ช่วงเช้าเลย แต่รอบนี้จะเป็นการหา ราคาเปิด ของช่วงบ่ายนะ แล้วก็จะเข้าสู่ช่วง “เวลาทำการ” รอบบ่ายตั้งแต่ประมาณ 14:25-14:30 น. (เวลาสุ่มอีกแล้ว!) ยาวไปจนถึง 16:30 น.
หลังจาก 16:30 น. ก็ยังมีช่วงก่อนปิดทำการ (Pre-close) อีกหน่อย เพื่อหา “ราคาปิด” ประจำวัน ซึ่งช่วงนี้ก็ใช้ระบบ Auction เหมือนเดิม แล้วสุดท้ายก็จะเข้าสู่ช่วงนอกเวลาทำการ (Off-hour) สำหรับการบันทึกรายการซื้อขายพิเศษ เช่น Big Lot หรือ Foreign Trade ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการซื้อขายจริงๆ ตอน 17:00 น.
แต่ๆๆๆ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่นักลงทุนทุกคนต้องอัปเดต! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับเวลาทำการซื้อขายช่วงบ่ายให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 30 นาที!
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลทั้งกับตลาดหุ้น (SET และ mai) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ด้วยนะ ถ้าเป็นหุ้น ปกติช่วงบ่ายจะเริ่ม Pre-open ตอน 14:00 น. ใช่ไหม? แต่เวลาใหม่นี้ ช่วงก่อนเปิดตลาดภาคบ่าย (Pre-Opening Period) จะเริ่มตั้งแต่ 13:30 น. เลยจ้า นั่นหมายความว่า ช่วงเวลาทำการภาคบ่ายจริงจัง ก็จะเริ่มตั้งแต่ 14:00 น. ตรงเป๊ะ! ยาวไปจนถึง 16:30 น. เหมือนเดิม
ส่วนตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX ก็มีการปรับเวลาช่วงบ่ายให้เร็วขึ้นเช่นกัน โดยสินค้ากลุ่ม Equity Futures & Options, Currency Futures, Interest Rate Futures ช่วงก่อนเปิดตลาดภาคบ่ายจะเริ่ม 13:15 น. และเข้าสู่ช่วงเวลาทำการภาคบ่ายตั้งแต่ 13:45 น. ไปจนถึง 16:55 น.

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงต้องปรับเวลาด้วยล่ะ? เหตุผลหลักๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เค้าแจ้งมาก็คือ เพื่อให้เวลาทำการของเรา สอดคล้องกับเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น ลองนึกภาพตามนะ ตลาดหุ้นทั่วโลกเค้าก็มีเวลาเปิดปิดไม่เหมือนกัน อย่างตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) หรือ Nasdaq เค้าเปิดตั้งแต่ 9:30 น. ถึง 16:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ไม่มีพักเที่ยงเลยนะ! ตลาดหุ้นโตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ก็มีพักเที่ยงเหมือนกัน แต่ชั่วโมงซื้อขายรวมๆ เค้าก็ยาวกว่าเราก่อนหน้านี้ (บางตลาดเทรดกัน 5-7 ชั่วโมงต่อวัน ของไทยก่อนหน้านี้ประมาณ 4.5 ชั่วโมง)
การปรับเวลาให้เร็วขึ้น 30 นาทีในช่วงบ่ายนี้ ก็เหมือนเป็นการ “ขยับ” ให้เรามีเวลาเทรดมากขึ้น และที่สำคัญคือ ช่วยให้นักลงทุนมีเวลาซื้อขายและปรับกลยุทธ์ได้ทันกับความเคลื่อนไหวของข่าวสารที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงบ่าย หรือข่าวจากต่างประเทศที่เข้ามาก่อนตลาดบ้านเราจะเปิดบ่ายไงล่ะ นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมองว่า การขยายเวลาซื้อขายนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสและความสะดวกในการลงทุนให้กับนักลงทุน และอาจเป็นแรงหนุนต่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดโดยรวม ซึ่งก็เป็นไปตามแผนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยในเวทีโลกนั่นเอง
นอกจากเวลาทำการของหุ้น SET และ mai ที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ยังมีหลักทรัพย์บางประเภทที่มีลักษณะพิเศษ อย่างเช่น DRx ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ในต่างประเทศ เวลาซื้อขายของ DRx บางตัวก็จะแตกต่างออกไปตามเขตเวลาของประเทศที่สินทรัพย์นั้นตั้งอยู่ เช่น DRx ที่อ้างอิงหุ้นในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีช่วงเวลาซื้อขายที่สัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะคาบเกี่ยวกับช่วงกลางคืนของเวลาประเทศไทย ตรงนี้ผู้ลงทุนก็ต้องไปเช็กรายละเอียดเป็นรายตัวไปนะจ๊ะ
ทีนี้มาดูภาพรวม ตลาดหุ้น เปิด ปิด กี่โมง ของตลาดการเงินทั่วโลกกันบ้าง ส่วนใหญ่เค้าก็เปิดทำการวันจันทร์ถึงศุกร์นะ มีข้อยกเว้นบ้าง อย่างตลาดหลักทรัพย์ซาอุดิอาระเบียที่เปิดอาทิตย์ถึงพฤหัสฯ ชั่วโมงการซื้อขายก็มักจะอยู่ในช่วงเวลาทำงานปกติของแต่ละประเทศนั่นแหละ สิ่งที่น่าสนใจคือ ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลกเปิดทำการคาบเกี่ยวกัน มักจะเป็นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขาย (Volume) สูงที่สุด เพราะเป็นช่วงที่นักลงทุนจากหลายโซนเวลามีโอกาสเข้ามาซื้อขายพร้อมๆ กันนั่นเอง
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ปัจจุบันการซื้อขายหลักทรัพย์บางประเภท หรือในบางตลาด ก็สามารถทำได้แม้ในช่วงที่ตลาด “ปิดทำการ” หรือที่เรียกว่า Pre-market และ After-hours trading (การซื้อขายก่อนและหลังเวลาทำการ) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อตอบสนองต่อข่าวสารที่เกิดขึ้นนอกเวลาทำการปกติได้ทันท่วงที แต่ข้อควรระวังของการซื้อขายในช่วงนอกเวลาทำการก็คือ “สภาพคล่อง” หรือปริมาณการซื้อขายอาจจะต่ำกว่าในช่วงเวลาทำการปกติ ทำให้การจับคู่คำสั่งซื้อขายอาจจะยากขึ้น หรือได้ราคาที่ไม่ดีเท่าที่ควร

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ การรู้เรื่องเวลา ตลาดหุ้น เปิด ปิด กี่โมง เป็นแค่จุดเริ่มต้นนะ ตลาดทุนไทยยังมีผลิตภัณฑ์ลงทุนอีกมากมายให้เลือก ทั้ง หุ้น กองทุนรวม อนุพันธ์ (TFEX) ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) กองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR, DRx) ตราสารหนี้ หรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัล และความรู้เรื่อง ESG ที่กำลังมาแรง
และตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ก็มีบริการและเครื่องมือมากมายคอย support นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นคลังความรู้บทความต่างๆ โปรแกรมคำนวณ เครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ แอปพลิเคชันสำหรับซื้อขาย หรือแม้แต่ปฏิทินกิจกรรมสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน พวกนี้เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่เราควรเข้าไปศึกษาและใช้ประโยชน์ให้เต็มที่นะ
สรุปแล้ว การรู้ว่า ตลาดหุ้น เปิด ปิด กี่โมง และการทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงเวลาซื้อขายล่าสุด รวมถึงเหตุผลเบื้องหลัง เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้นักลงทุนอย่างเราวางแผนและปรับกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าลืมนะ เวลาทุกนาทีในตลาดทุนมีค่าเสมอ ใช้มันให้คุ้มค่า และศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ