เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า… เรื่องเงินๆ ทองๆ การลงทุนเนี่ย ทำไมบางทีมันดูซับซ้อนจังเลยนะ? เหมือนมีศัพท์แสงเต็มไปหมด ทั้งหุ้น กองทุน ตราสาร หรือแม้แต่วิกฤตตลาดที่เขาคุยกัน วันนี้เราจะมาคุยกันถึง ‘kkps คือ’ อะไร? ที่จริงแล้ว kkps คือ ตัวย่อที่คนในวงการการเงินมักใช้เรียก บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรนี่แหละ เขาไม่ใช่แค่โบรกเกอร์ธรรมดานะ แต่เป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่อยู่คู่ตลาดเงินตลาดทุนไทยมานานกว่า 5 ทศวรรษเลยทีเดียว

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ KKP เนี่ย เขามีบริษัทสมาชิกหลักๆ คือ บล.เกียรตินาคินภัทร (`kkps คือ` ส่วนสำคัญในกลุ่มนี้แหละ) กับธนาคารเกียรตินาคินภัทร เขาวางตัวเองเป็นกลไกสำคัญในการจัดสรรทรัพยากร เพื่อช่วยพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนไทย พร้อมกับทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบด้วยนะ พูดง่ายๆ คือ เขาให้บริการครบวงจรมากๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร kkps คือ ผู้ที่พร้อมดูแลด้านการเงินและการลงทุนให้คุณ ตั้งแต่ลูกค้าบุคคลทั่วไปที่อยากทำธุรกรรมเงินๆ ทองๆ ซื้อกองทุน หรือขอสินเชื่อ ไปจนถึงลูกค้านิติบุคคลที่ต้องการที่ปรึกษาช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจ และแม้กระทั่งลูกค้าสถาบันขนาดใหญ่ที่ต้องการรองรับการลงทุนครบวงจร ทั้งในประเทศและต่างประเทศเลยทีเดียว
มาดูที่ผลิตภัณฑ์และบริการน่าสนใจที่ `kkps คือ` หนึ่งในผู้ให้บริการกันบ้าง บางทีเราอยากลงทุนในหุ้นต่างประเทศเจ๋งๆ ระดับโลกอย่าง Amazon, Microsoft, Netflix หรือบริษัทใหญ่อื่นๆ ที่อยู่ในตลาดสหรัฐฯ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะเปิดบัญชีต่างประเทศก็ยุ่งยาก kkps คือ ผู้ให้บริการ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR ที่ช่วยให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ DR คือ ตราสารที่ให้ผู้ลงทุนในประเทศไทยได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ เลย แต่เราสามารถซื้อขายได้ด้วยเงินบาทไทย ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่เราใช้กันอยู่ปกติ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เพิ่งรับจดทะเบียน DR ใหม่ 16 หลักทรัพย์ ซึ่ง 10 หลักทรัพย์นั้นออกโดย บล.เกียรตินาคินภัทร (`kkps คือ` หนึ่งในผู้ออกรายใหญ่) ที่อ้างอิงหุ้นชั้นนำในตลาดสหรัฐฯ เหล่านี้นี่แหละ แถม DR ที่อ้างอิงหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือยุโรป ยังซื้อขายได้ทั้งกลางวัน (10.00-16.30 น.) และกลางคืน (19.00-03.00 น. ของวันถัดไป) ตอบโจทย์คนที่อยากเทรดตามเวลาตลาดต่างประเทศได้ดีทีเดียว

นอกจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วไปแล้ว `kkps คือ` อีกช่องทางสำหรับนักลงทุนบางกลุ่มที่สนใจอะไรที่ ‘นอกกระแส’ อย่าง สินเชื่อนอกตลาด หรือ Private Credit ตัวนี้อาจจะซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เพราะโดยปกติแล้วจะเป็นการปล่อยสินเชื่อโดยสถาบันที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ให้กับบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะธนาคารพาณิชย์มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ข้อดีของ Private Credit คือ มันสามารถสร้างรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ เป็นสินเชื่อที่มักอิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดี แถมความผันผวนและความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ดั้งเดิมอื่นๆ ในพอร์ตก็ต่ำกว่า ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ และมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ค่อนข้างต่ำ รวมถึงอัตราที่เรียกคืนได้ (Recovery Rate) ก็สูงด้วย ล่าสุดทาง บลจ. กรุงไทย ก็ได้ร่วมกับ บล. เกียรตินาคินภัทร (`kkps คือ` หนึ่งในช่องทางเสนอขาย) เปิดเสนอขาย 2 กองทุน Private Credit สหรัฐฯ คือ กองทุนเปิดเคแทม U.S. Private Credit Unhedged (KTPCRED-UI) และ กองทุนเปิดเคแทม U.S. Private Credit (KTPCREDH-UI) กองทุนเหล่านี้มีความเสี่ยงระดับ 8+ คือสูงมากหรือมีความซับซ้อน และ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย นะครับ คือเหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจและรับความเสี่ยงสูงได้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในกองทุนหลักชื่อ Ares Strategic Income Offshore Access Fund ซึ่งไปลงทุนต่อใน Ares Strategic Income Fund (ASIF) ที่เน้นการให้สินเชื่อโดยตรง (Direct Lending) ซึ่งผู้จัดการกองทุนอ้างอิงนี้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี และบริหารสินทรัพย์มหาศาลเลยทีเดียว สำหรับกองทุนที่เสนอขายในไทย มีเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท และเปิดเสนอขายครั้งแรกเมื่อ 27 พฤษภาคม – 12 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ความเสี่ยงที่ต้องระวังก็มีหลายอย่าง ทั้งเรื่องตลาด ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจุกตัว อัตราแลกเปลี่ยน และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับคนที่อาจจะอยากเริ่มต้นง่ายๆ `kkps คือ` ผู้ที่นำเสนอกองทุนรวมหลากหลายประเภทด้วยนะ อย่างเช่น กองทุนเปิดเคเคพี เอส-พลัส (KKP S-PLUS) ซึ่งเป็นตัวอย่างของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term General Bond) กองทุนประเภทนี้จะมีความเสี่ยงระดับ 4 (เทียบกับหุ้นที่อาจจะ 6-8) มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเกือบทั้งหมด ไม่จ่ายปันผล และที่สำคัญคือลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำแค่ 1,000 บาทเท่านั้นเอง ทำให้การเริ่มต้นลงทุนตราสารหนี้กับ `kkps คือ` เรื่องที่เข้าถึงได้ไม่ยากเลย

ทีนี้ มาดูฝั่งดิจิทัลกันบ้าง `kkps คือ` ผู้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ หรือคนที่อยากให้เรื่องเงินๆ ทองๆ ง่ายขึ้น ผ่านบริษัทในเครือที่ชื่อว่า KKP Dime (เคเคพี ไดม์) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เขามุ่งมั่นที่จะปฏิวัติธุรกิจการเงินและการลงทุนให้ ‘ง่ายสำหรับทุกคน’ ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีดิจิทัล และวัฒนธรรมที่ยึดลูกค้าเป็นหลัก KKP Dime เชื่อว่าทุกคนควรจะเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินดีๆ ได้ง่ายๆ ด้วยค่าใช้จ่ายน้อยๆ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยความรู้ ประสบการณ์ ความมั่งคั่ง หรือรายได้ที่แตกต่างกัน บริการของ KKP Dime ที่น่าสนใจก็มีตั้งแต่ พอร์ตลงทุนอัตโนมัติ (Robo-advisory) ที่ช่วยจัดพอร์ตให้เราตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ ไปจนถึงคำแนะนำการเงินและการลงทุนรายบุคคล และการวิเคราะห์พอร์ตลงทุนของเรา นอกจากนี้ บนแพลตฟอร์ม KKP Dime ยังมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้บริการหลากหลาย เช่น บัญชีออมทรัพย์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร กองทุนรวมต่างๆ และหุ้นต่างประเทศด้วย ชื่อ “Dime” ของพวกเขาก็มีความหมายดีๆ นะ คือสื่อถึงทั้งเงินจำนวนน้อยที่ทุกคนเริ่มต้นได้ และความสมบูรณ์แบบ (คะแนนสิบ) ทีมงาน KKP Dime ก็เน้นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นพิเศษ ทั้งนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล วิศวกรข้อมูล และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เป้าหมายหลักของพวกเขาคือ การสร้างการเข้าถึงโลกการเงินที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสทางการเงินด้วย
นอกจากให้บริการลูกค้าโดยตรงแล้ว `kkps คือ` พันธมิตรที่สำคัญสำหรับ ‘ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ’ หรือ IFA ด้วยนะ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่กำลังได้รับความนิยม เพราะมีความอิสระในการบริหารเวลา และเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เติบโตได้เรื่อยๆ บล.เกียรตินาคินภัทร เห็นความสำคัญของกลุ่ม IFA นี้ จึงได้จัดงานต่างๆ เช่น งาน “IFA Gathering รวมพลัง KKPS IFA” เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ ยกระดับมาตรฐานการแนะนำการลงทุน และสร้างเครือข่าย IFA ที่แข็งแกร่งให้เกิดขึ้น ในงานก็มีการอัปเดตแนวโน้มการลงทุนสำหรับปี 2025 ซึ่งถูกมองว่าเป็น ‘ปีแห่งโอกาส’ ด้วย ทาง บล.เกียรตินาคินภัทร ย้ำว่าพวกเขาพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง สนับสนุน IFA ให้เติบโตไปด้วยกัน ทั้งในด้านเครื่องมือ แพลตฟอร์มที่ครบวงจร ข้อมูลและแนวทางการลงทุนจากนักวิเคราะห์และที่ปรึกษาคุณภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อให้ IFA นำไปเสนอลูกค้าได้อย่างมั่นใจ เช่น การวางแผนการเงินเพื่อการศึกษาบุตร หรือเพื่อวัยเกษียณ
ทีนี้ ลองมาดูภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทยกันบ้าง ช่วงนี้หลายคนอาจจะรู้สึกว่าตลาดดูซึมๆ ไปหน่อย ทาง `kkps คือ` อีกเสียงหนึ่งที่ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์และเสนอทางแก้ปัญหานี้ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา บล.เกียรตินาคินภัทร ได้ออกข้อเสนอแนวทางการกู้วิกฤตตลาดหุ้นไทยที่น่าสนใจมากๆ ครับ เขาชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยกำลังประสบปัญหาหลักๆ จาก “สภาพคล่องถดถอย” ซึ่งปัญหานี้เองที่ทำให้เกิด “ส่วนลดที่เกิดจากการขาดสภาพคล่อง” (Liquidity Discount) หรือพูดง่ายๆ คือ หุ้นไทยดูถูกกว่าที่ควรจะเป็นเพราะสภาพคล่องน้อยลง และมันก็ไปกดดัน “ราคาประเมิน” (Valuation) ตลาดโดยรวมให้ลดลงด้วย ข้อมูลน่าตกใจคือ สภาพคล่องตลาดหุ้นไทยในกลุ่มประเทศอาเซียนลดลงถึง 37% ในช่วงปี 2562-2567 ในขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามกลับเติบโตถึง 400% ในช่วงเวลาเดียวกัน การขาดสภาพคล่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อ “ความเชื่อมั่นนักลงทุน” โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ที่เห็นได้ชัดเจนจากการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงมาก จาก 54% ในปี 2557 เหลือเพียง 37% ของมูลค่าตลาดปรับค่า Free Float (คือมูลค่าที่นับเฉพาะหุ้นที่หมุนเวียนซื้อขายได้จริงๆ) ในปี 2566 ในทางกลับกัน สัดส่วนการถือครองของสถาบันท้องถิ่นและนักลงทุนรายย่อยในประเทศกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาสภาพคล่องยังส่งผลให้ดัชนี MSCI Thailand (ดัชนีที่กองทุนต่างชาติใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิง) ถูกลดน้ำหนักลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มี “เม็ดเงิน Passive Flow” (เงินจากกองทุนที่ลงทุนตามดัชนี) จากต่างประเทศไหลออกไปกว่า 90,000 ล้านบาทในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีเลยทีเดียว
เพื่อกอบกู้วิกฤตนี้ `kkps คือ` ผู้ที่ได้เสนอ 5 แนวทางเร่งด่วนให้ภาครัฐพิจารณา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยในระยะยาวครับ ข้อเสนอมีดังนี้:
1. **เร่งมาตรการส่งเสริมสภาพคล่อง:** ผลักดันตลาดทุนไทยสู่การเป็น “ศูนย์กลางทางการเงิน” (Financial Hub) ในภูมิภาค เพิ่มความสำคัญต่อนักลงทุนสถาบัน และลดส่วนลดที่เกิดจากการขาดสภาพคล่อง
2. **ดึงเม็ดเงิน Passive Flow จากต่างประเทศกลับมา:** ศึกษาและเร่งมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มคะแนนน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนีสำคัญระดับโลกอย่าง MSCI และ FTSE เพื่อดึงเม็ดเงินที่ไหลออกแบบ Passive Fund กลับมาชดเชยกับ “เม็ดเงิน Active Flow” (เงินจากกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นเอง) ที่มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่อง
3. **เน้นเพิ่มประสิทธิภาพตลาด:** กระจายสภาพคล่องไม่ให้กระจุกอยู่แค่ในกลุ่มหุ้นใหญ่ (SET100) เพิ่มทางเลือกให้กับกองทุน Passive Fund และที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงการแทรกแซง “กลไกตลาด” และ “ราคา” หรือ “Price Discovery” (การค้นหาราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน) ที่ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
4. **ส่งเสริมให้ธุรกรรมเกิดในประเทศ (Onshore Market):** ลดช่องว่างของกฎเกณฑ์และต้นทุนในการทำธุรกรรมในประเทศ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนมาซื้อขายกันในตลาดไทยมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความโปร่งใสและง่ายต่อการกำกับดูแลด้วย
5. **ศึกษามาตรการส่งเสริมสภาพคล่องจากตลาดต่างประเทศ:** ให้สิ่งจูงใจกับ “ผู้ดูแลสภาพคล่อง” (Market Maker) และ “ผู้ให้บริการสภาพคล่อง” (Liquidity Provider) เพื่อช่วยลด “ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อขาย” (Bid-Ask Spread) ทำให้การซื้อขายทำได้ง่ายและเร็วขึ้น
เห็นไหมครับว่า `kkps คือ` มากกว่าแค่บริษัทหลักทรัพย์ เขามีบทบาทหลากหลายมากๆ ทั้งในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินและลงทุนที่ครบวงจร ผู้ที่นำเทคโนโลยีมาทำให้การลงทุนเข้าถึงง่าย ผู้สนับสนุนการสร้างอาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน และยังเป็นผู้ที่ออกมาให้ความเห็นและเสนอแนวทางเพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยโดยรวมด้วย การที่ `kkps คือ` ผู้ที่ออกมาวิเคราะห์ปัญหาและเสนอทางแก้ ก็สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดการเงินไทยให้เติบโตและแข็งแกร่ง
สำหรับนักลงทุนอย่างเราๆ ข้อมูลเหล่านี้บอกอะไรเราบ้าง? 1. การลงทุนมีหลากหลายรูปแบบมาก ไม่ได้มีแค่หุ้นหรือกองทุนที่เราคุ้นเคย `kkps คือ` ผู้ที่ให้บริการหลากหลายรูปแบบ ลองศึกษาดูว่าแบบไหนเหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ 2. ตลาดหุ้นไทยมีทั้งความท้าทายและโอกาส การวิเคราะห์ของ KKPS ชี้ให้เห็นปัญหาเรื่องสภาพคล่องและเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลออก ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราต้องติดตาม แต่ในขณะเดียวกัน ข้อเสนอแนะต่างๆ ก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งก็เป็นโอกาสได้เช่นกัน 3. เรื่องสภาพคล่องเป็นปัจจัยที่สำคัญที่เราต้องเข้าใจว่ามันกระทบราคาและภาพรวมตลาดได้
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน เช่น สินเชื่อนอกตลาด (Private Credit) หรือการลงทุนต่างประเทศผ่าน DR หรือกองทุนต่างๆ และควรประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุนในทุกครั้งนะครับ kkps คือ หนึ่งในทางเลือกที่มีบริการครบวงจรให้คุณศึกษา แต่การตัดสินใจลงทุนสุดท้ายขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเสมอครับ