เคยสังเกตไหมครับว่า เดี๋ยวนี้ชีวิตเราผูกพันกับแบรนด์หนึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่เราใช้ ลำโพงอัจฉริยะในบ้าน หรือแม้กระทั่งกระเป๋าเดินทางสุดมินิมอล ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง “เสียวหมี่” (Xiaomi) แบรนด์เทคโนโลยีสัญชาติจีนที่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่โทรศัพท์มือถือแล้ว

แต่สำหรับนักลงทุนอย่างเราๆ ที่มองหาโอกาสในตลาดหุ้น คำถามที่ผุดขึ้นมาอาจไม่ใช่แค่ว่า เสียวหมี่ มีสินค้าอะไรใหม่ๆ แต่เป็น “แล้วถ้าอยาก ‘เป็นเจ้าของ’ บริษัทระดับโลกอย่าง เสียวหมี่ บ้างล่ะ ต้องทำยังไง?” คำตอบง่ายๆ ที่คนไทยเข้าถึงได้ก็คือ การลงทุนผ่าน “ใบสำคัญแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศ” หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า DR นั่นเองครับ เจ้า DR ตัวนี้ เปรียบเสมือนประตูที่เปิดให้เราไปลงทุนใน หุ้น เสียวหมี่ (Xiaomi Corporation) ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยไม่ต้องยุ่งยากไปเปิดบัญชีที่ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันในตลาดหุ้นไทยก็มีผู้ออก DR หุ้น เสียวหมี่ อยู่หลายเจ้า เช่น XIAOMI80 ที่ออกโดย KTB หรือ XIAOMI13, XIAOMI19 ที่ออกโดย KGI ทำให้เราเลือกซื้อขายได้สะดวกเหมือนหุ้นไทยนี่แหละครับ แต่อย่าลืมนะว่า ราคา DR ของ หุ้นxiaomi เนี่ย จะวิ่งขึ้นลงตามราคาหุ้นแม่ที่ฮ่องกงเป็นหลัก แถมยังมีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงิน ดอลลาร์ฮ่องกง กับ เงิน บาทไทย มาเกี่ยวข้องด้วย
ทีนี้ มาทำความรู้จักกับ เสียวหมี่ ในมุมที่ลึกขึ้นอีกนิด บริษัทนี้ไม่ได้จำกัดตัวเองแค่การขายสมาร์ทโฟน ซึ่งพวกเขาก็ยังทำได้ดี ครองส่วนแบ่งตลาดโลกเป็นอันดับ 3 ในไตรมาส 4 ปี 2567 ด้วยสัดส่วนถึง 13% จุดเด่นคือ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ากับราคาที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ เสียวหมี่ ได้ขยายอาณาจักรไปสู่ผลิตภัณฑ์ IoT (Internet of Things) หรืออุปกรณ์อัจฉริยะรอบตัวเรามากมาย เชื่อมโยงกันด้วยระบบปฏิบัติการเฉพาะของตัวเองที่เรียกว่า HyperOS ไปจนถึง “บ้านอัจฉริยะ” (Mijia Smart Home) ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่เกมใหญ่ล่าสุดที่ทำให้ตลาดหุ้นฮือฮา คงหนีไม่พ้นการกระโดดเข้าสู่สนาม “รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ” (Smart Electric Vehicles) ด้วยการเปิดตัวรุ่น SU7 ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม การขยายธุรกิจแบบ “ไม่กลัวแตกไลน์” นี่แหละที่กลายเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสของ หุ้นxiaomi ในวันนี้

มองย้อนไปที่ผลประกอบการล่าสุดในปี 2567 เสียวหมี่ ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีกำไรเติบโตสูงกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดก่อนวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ยิ่งน่าสนใจ เพราะทั้งกำไรต่อหุ้นและรายได้ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะมีการลงทุนมหาศาลในธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า แต่ เสียวหมี่ ก็ยังคงเติบโตได้ดี และมีประมาณการจากนักวิเคราะห์ที่มองว่าไตรมาสถัดไปก็ยังคงมีแนวโน้มรายได้และกำไรที่ดีต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทไม่ได้จ่ายเงินปันผล ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของบริษัทที่กำลังเร่งลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคตครับ
กลยุทธ์ของ เสียวหมี่ ตอนนี้ชัดเจนมาก พวกเขามุ่งเน้น 3 แกนหลัก คือ การยกระดับสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียมให้แข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำได้มากขึ้น การสร้างระบบนิเวศน์อุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์แบบด้วย HyperOS และที่สำคัญที่สุดคือ การผลักดันธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าให้เต็มกำลัง เป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า SU7 ในปี 2568 ตั้งไว้ถึง 350,000 คัน ซึ่งถือว่าค่อนข้างทะเยอทะยาน แต่ก็แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทนี่เองครับ ที่น่าจับตาคือ ตลาดรับข่าวการเปิดตัวและเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า SU7 ในเชิงบวกมากๆ ถึงขนาดที่ราคา หุ้นxiaomi ในฮ่องกงเคยปรับตัวขึ้นไปกว่า 9.5% ในวันเดียว สะท้อนว่านักลงทุนมองเห็นศักยภาพการเติบโตใหม่จากธุรกิจนี้
เมื่อลองดูมุมมองของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญ ก็พบว่ามีสัญญาณทางเทคนิคที่มอง หุ้นxiaomi ในระยะสั้นถึงปานกลางค่อนข้างเป็นบวก และประมาณการราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์ก็มีหลากหลาย บ้างก็ให้สูงถึง 80.09 ดอลลาร์ฮ่องกง ขณะที่บางส่วนให้ต่ำลงมา แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกัน คือ การที่พวกเขามีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ เสียวหมี่ ขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ซึ่งอาจารย์ทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “เซียนมี่” (Sian Mi) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ก็เคยให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า กลยุทธ์การบุกหลายตลาดของ เสียวหมี่ ที่ตอนแรกคนอาจมองว่าเป็นความเสี่ยง กลับกลายเป็นจุดแข็ง เมื่อบริษัทสามารถสร้างผลงานในธุรกิจใหม่ๆ อย่างรถยนต์ไฟฟ้าได้ดีเกินคาด ทำให้ศักยภาพการแข่งขันและโอกาสการเติบโตของ หุ้นxiaomi ดูน่าสนใจขึ้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน ใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือ DR บน หุ้นxiaomi ก็เหมือนกับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ มีความเสี่ยงเฉพาะตัวที่ต้องทำความเข้าใจครับ อย่างแรกเลยคือ ราคา DR จะขึ้นอยู่กับราคาหุ้น เสียวหมี่ ในฮ่องกงโดยตรง ถ้าหุ้นแม่ลง DR ก็ลง ถ้าหุ้นแม่ขึ้น DR ก็ขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมารบกวนด้วย ถ้าค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์ฮ่องกง ก็อาจทำให้ราคา DR ในรูปเงินบาทลดลงได้ แม้ราคาหุ้นแม่จะเท่าเดิม ที่สำคัญคือ ความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคา หุ้นxiaomi เอง ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว และยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัว ทั้งในแง่ของอุตสาหกรรม (เทคโนโลยี, รถยนต์ไฟฟ้า) และประเทศ (จีน)
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน หุ้นxiaomi ผ่าน DR สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การ “ทำการบ้าน” ครับ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทั้งลักษณะของตัว DR เอง เงื่อนไขต่างๆ ผลตอบแทนที่คาดหวัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความเสี่ยง” ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในหนังสือชี้ชวนหรือเอกสารข้อมูลของผู้ออก DR ลองเปรียบเทียบ DR ของผู้ออกแต่ละเจ้าดูก่อนก็ได้ครับว่ามีเงื่อนไขต่างกันอย่างไรบ้าง
สรุปแล้ว หุ้นxiaomi ผ่าน DR เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่อยาก “อินเทรนด์” ไปกับการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีอนาคตน่าจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์
แต่! การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทั้งลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ โดยเฉพาะหากเป็นเงินที่อาจต้องใช้ในระยะสั้น หรือรับความผันผวนได้ไม่สูงนัก