
ช่วงนี้ถ้าใครแอบเหล่ๆ ดูข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องหุ้นๆ การเงินๆ หน่อย คงจะเห็นภาพ ตลาดหุ้นเมกา คึกคักเป็นพิเศษ ใช่ไหมล่ะครับ? เหมือนอากาศช่วงนี้เลยที่จู่ๆ ก็ร้อนปรอทแตก หุ้นเค้าก็พุ่งแรงไม่แพ้กัน หลายคนที่เป็นนักลงทุนอยู่แล้วคงจะอมยิ้ม หรือไม่ก็กำลังวางแผนจะเข้าสนามนี้บ้าง ส่วนมือใหม่อาจจะเริ่มสงสัยว่า เอ๊ะ ตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี่มันมีอะไรน่าสนใจ แล้วเราในฐานะนักลงทุนชาวไทย จะมีส่วนร่วมกับความคึกคักนี้ได้ยังไงบ้าง วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินที่พยายามเล่าเรื่องยากๆ ให้เหมือนคุยกับเพื่อน จะมาไขข้อข้องใจให้ฟังแบบสบายๆ ครับ
ลองดูดัชนีหลักๆ ที่เป็นเหมือนตัววัดไข้ ตลาดหุ้นเมกา สิครับ ทั้ง Dow Jones ที่เหมือนเป็นพี่ใหญ่สุดเก่าแก่ หรือ S&P 500 ที่เป็นตัวแทนหุ้นยักษ์ใหญ่ 500 ตัว หรือแม้แต่ Nasdaq ตลาดที่รวมพลคนสายเทคฯ พวกนี้ขึ้นยกแผงเลยนะ อย่างล่าสุดที่ผมดูมา ดัชนี S&P 500 เนี่ย พุ่งขึ้นไปกว่า 2% ขณะที่ Nasdaq ที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีก็ยิ่งคึกคัก วิ่งขึ้นไปถึงกว่า 3% เลยทีเดียว ถามว่าหุ้นตัวไหนนำทัพเหรอ? ไม่ต้องเดาก็คงรู้ ชื่อคุ้นหูอย่าง NVIDIA, Apple, Amazon นี่แหละที่ราคาวิ่งดี๊ดี บางตัวนี่มูลค่าตลาดใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม จนมีคนเปรียบเทียบว่าหุ้นแค่ตัวเดียวใหญ่กว่า ตลาดหุ้นไทย ทั้งตลาดเสียอีก! ภาคส่วนที่มาแรงช่วงนี้ก็หนีไม่พ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะพวกที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ หรือพวกการเงินก็ดูดีไม่แพ้กัน เรียกได้ว่ามีพลังงานบางอย่างขับเคลื่อนให้ ตลาดหุ้นเมกา ช่วงนี้ดูสดใสเป็นพิเศษเลยทีเดียว

แล้วทำไม ตลาดหุ้นเมกา ถึงได้มีความสำคัญขนาดนั้น? อย่างแรกเลยคือขนาดครับ อย่างที่เกริ่นไป มันคือตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกเลยนะ มีบริษัทจดทะเบียนอยู่กว่า 5,000 แห่ง เยอะกว่าบ้านเราหลายเท่า แถมยังหลากหลายอุตสาหกรรมมากๆ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่เราคุ้นเคย แต่ยังมีพวกบริษัทยา ไบโอเทค หรือนวัตกรรมล้ำๆ ที่เป็นต้นแบบให้ทั่วโลกอีกเพียบ ตลาดหลักๆ ก็มีสองแห่งคือ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ซึ่งเก่าแก่มาก ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1792 กับ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq) ที่ก่อตั้งทีหลังในปี 1971 เน้นบริษัทสายเทคโนโลยี และเป็นตลาดแรกๆ ที่ใช้ระบบซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนดัชนีสำคัญๆ นอกจาก Dow Jones และ S&P 500 ที่บอกไป ก็มี Nasdaq Composite (รวมหุ้นทุกตัวใน Nasdaq) และ Nasdaq-100 (รวม 100 หุ้นใหญ่สายเทคฯ ใน Nasdaq ไม่นับสถาบันการเงิน) แต่ละดัชนีก็คำนวณต่างกันไป ตัว S&P 500 นี่แหละที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่บอกว่าสะท้อนภาพรวม ตลาดหุ้นเมกา และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ดีที่สุด ข้อที่น่าสนใจมากๆ คือ ตลาดหุ้นเมกา ไม่มีกฎเรื่อง Ceiling หรือ Floor เหมือนบ้านเรา คือราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงแรงแค่ไหนในวันเดียวก็ได้ ไม่มีเพดาน ไม่มีขั้นต่ำ ทำให้ความผันผวนสูงกว่า แต่ก็มีโอกาสทำกำไร (หรือขาดทุน) ได้มากกว่าเช่นกัน
เรื่องตัวเลขเศรษฐกิจก็มีผลต่อความเคลื่อนไหวของ ตลาดหุ้นเมกา ไม่น้อยนะครับ ล่าสุดก็มีหลายตัวออกมาให้เห็น บางตัวก็ดูดี บางตัวก็ดูแปลกๆ อย่างสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์เค้าคาดไว้ แต่ยอดขายบ้านใหม่เดือนมีนาคมนี่พุ่งกระฉูดเลยนะ สูงสุดในรอบหลายเดือน แสดงว่าคนอเมริกันยังมีความสามารถในการซื้ออยู่บ้าง แต่พอมาดูตัวเลขอื่นอย่างดัชนี PMI ที่เป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ทั้งภาคการผลิตและบริการ ดันปรับตัวลงซะงั้น ต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเลยนะ สะท้อนว่าบางภาคส่วนเศรษฐกิจอาจจะเริ่มชะลอตัวลงบ้าง ส่วนจำนวนคนไปขอสินเชื่อบ้านก็ลดลง เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มันดีดตัวขึ้นไปอีก ตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้มันเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนักลงทุนเอาไปประกอบภาพว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเป็นยังไง จะกระทบกับนโยบายการเงินในอนาคตไหม อย่างประเด็นเรื่องที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะไม่ปลดประธานเฟดอย่างนายเจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่งนี่ ตลาดก็รับข่าวเชิงบวกนะ เพราะมันสร้างความแน่นอนเรื่องนโยบาย ส่วนเรื่องการค้ากับจีน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ก็มองว่ายังมีโอกาสจะบรรลุข้อตกลงใหญ่ๆ ได้ ถ้าจีนอยากปรับสมดุลทางการค้า อันนี้ก็เป็นข่าวดี แต่ก็มีประเด็นเรื่องการกำกับดูแลบริษัทยักษ์ใหญ่สายเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่กำลังมีข้อพิพาทกับ สหภาพยุโรป อยู่เหมือนกัน ถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เพราะอาจกระทบกับธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นได้ครับ
มาถึงคำถามยอดฮิตสำหรับคนไทยอย่างเราๆ ครับว่า แล้วถ้าเห็น ตลาดหุ้นเมกา คึกคักแบบนี้ อยากจะร่วมวงด้วยบ้าง ต้องทำยังไง? ช่องทางหลักๆ ก็มีหลายแบบเลยครับ แบบแรกที่ง่ายที่สุดคือการซื้อผ่าน กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ อันนี้สะดวกดี แค่ซื้อหน่วยลงทุนเหมือนกองทุนบ้านเรา จัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อดีคือกระจายความเสี่ยงให้เราเลย แบบที่สองคือพวก DR (Depository Receipt) หรือ DRx ซึ่งเป็นตราสารที่ออกมาโดยอ้างอิงหุ้นต่างประเทศ เราสามารถซื้อขายได้ใน ตลาดหุ้นไทย เลย ใช้แอป Streaming ของเรานี่แหละ ตัว DR จะซื้อขายตามเวลาไทย แต่ DRx จะซื้อขายตามเวลา ตลาดหุ้นเมกา เป๊ะๆ แถม DRx บางตัวยังซื้อขายเป็นจำนวนเงินบาทได้ด้วย เริ่มต้นเงินน้อยก็ได้ เรียกว่าสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ และแบบสุดท้ายคือการไปลงทุนตรงใน ตลาดหุ้นเมกา เลย อันนี้อาจจะซับซ้อนขึ้นมาหน่อย ต้องไปเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ไทยที่มีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ หรือกับโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง
ถ้าเลือกที่จะลงทุนตรงใน ตลาดหุ้นเมกา ผ่านโบรกเกอร์ไทย ขั้นตอนก็ประมาณนี้ครับ อันดับแรกเลยคือกำหนดงบก่อน แนะนำว่าถ้าจะลงทุนตรง ควรมีเงินจำนวนหนึ่งที่พร้อมจะนำมาลงทุน อาจจะหลักแสนบาทขึ้นไป เพื่อให้คุ้มกับค่าธรรมเนียมต่างๆ จากนั้นก็ต้องทำการบ้านเยอะๆ ศึกษาข้อมูลพื้นฐานบริษัทที่เราสนใจ งบการเงิน ตัวชี้วัดต่างๆ รวมถึงต้องทำความเข้าใจเรื่อง อัตราแลกเปลี่ยน ด้วย เพราะเราต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขาย วางแผนการลงทุนให้ดี มีเป้าหมายชัดเจน และต้องเข้าใจเรื่องภาษีด้วยครับ อันนี้สำคัญมาก ถ้าลงทุนตรง กำไรจากการขายหุ้น หรือเงินปันผลที่เราได้ อาจจะต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีในประเทศไทย ซึ่งจะแตกต่างจากการลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือ DR ที่มักจะไม่มีภาระภาษีตรงนี้ หลังจากเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว ก็เลือกโบรกเกอร์ที่เราถูกใจ โบรกเกอร์ไทยหลายเจ้าก็มีบริการนี้ครับ เช่น Finansia ไซรัส, DAOL SEC, Dime!, Liberator เป็นต้น แต่ละเจ้าก็มีจุดเด่น ค่าธรรมเนียม และแพลตฟอร์มการซื้อขายที่แตกต่างกันไป บางเจ้าอย่าง Dime! ก็มีจุดเด่นเรื่องการซื้อขายเป็นเศษหุ้นได้ ทำให้เริ่มต้นเงินน้อยมากได้ หรือมีฟีเจอร์อย่าง DCA ให้ด้วย

พอเลือกโบรกเกอร์ได้แล้วก็เปิดบัญชีสำหรับซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ใช้เอกสารพวกบัตรประชาชน สำเนาบัญชีธนาคาร เอกสารแสดงรายได้ จากนั้นก็ฝากเงินเข้าไป แล้วแลกเป็น เงินดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการซื้อขาย ที่สำคัญต้องรู้เวลาทำการซื้อขายด้วยครับ ตลาดหุ้นเมกา จะเปิดทำการช่วงกลางคืนของประเทศไทย อย่างช่วงเวลาปกติก็ประมาณ 21:30 น. ไปจนถึง 04:00 น. ของวันรุ่งขึ้นตามเวลาไทย (และจะเลื่อนเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงช่วงที่มี Daylight Saving ประมาณเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน) ค่าธรรมเนียมซื้อขายก็มีหลายส่วน ทั้งค่าคอมมิชชั่นที่คิดเป็นต่อหุ้น หรือเป็นขั้นต่ำต่อคำสั่งซื้อ แล้วยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีกนิดหน่อย อย่างค่าธรรมเนียม SEC กับ TAF ที่เก็บเฉพาะตอนเราขายหุ้น และยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่คิดจากค่าธรรมเนียมเหล่านี้ด้วย ดูเหมือนจุกจิก แต่ก็ต้องทำความเข้าใจให้ครบถ้วนนะครับ การซื้อขายก็คิดเป็นหน่วย 1 หุ้น ใช้เวลาชำระราคา T+3 เหมือนบ้านเรา แต่ระบบคุ้มครองเงินลงทุนใน ตลาดหุ้นเมกา ก็มีนะครับ อยู่ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ ให้ความคุ้มครองสูงพอสมควร
แม้ ตลาดหุ้นเมกา จะดูน่าตื่นเต้นและมีโอกาส แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องจำขึ้นใจเลยครับ อย่างแรกคือความเสี่ยงเรื่อง อัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทแข็ง เงินบาทอ่อน มีผลต่อกำไรขาดทุนของเราโดยตรง ข้อสองคือความผันผวนของตลาดที่สูงกว่าบ้านเรา เพราะไม่มี Floor/Ceiling นี่แหละ หุ้นอาจจะขึ้นหรือลงแรงมากๆ ได้ในวันเดียว ข้อสามคือข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักจะเจอ เช่น ซื้อขายบ่อยเกินไป ไม่มีแผนการลงทุนชัดเจน หรือลงทุนตามกระแสโดยไม่ศึกษาให้ดี เหมือนที่ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กูรูหุ้นคุณค่าเคยแนะนำไว้ว่า การลงทุนต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง รู้จริงในสิ่งที่เราลงทุน
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจ ตลาดหุ้นเมกา ผมมีคำแนะนำสั้นๆ ครับ ลองเริ่มจากหุ้นของบริษัทที่เราคุ้นเคย ใช้สินค้าหรือบริการของเขาในชีวิตประจำวันก็ได้ จะได้เข้าใจธุรกิจได้ง่ายขึ้น เน้นการลงทุนระยะยาว เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตในอนาคต ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญที่สุดคือ ศึกษาหาความรู้ให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจลงทุนจริงครับ ตลาดหุ้นเมกา มันใหญ่มาก มีทั้งโอกาสและกับดัก ถ้าไม่เตรียมตัวให้ดี อาจจะเจ็บตัวได้ง่ายๆ เปรียบเทียบง่ายๆ กับ ตลาดหุ้นไทย เราก็จะเห็นความต่างชัดเจน ทั้งเวลาทำการ จำนวนหุ้น การกำกับดูแล หรือแม้แต่กฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น ไม่มีเพดานราคาขึ้นลงรายวันเหมือนบ้านเรา ดังนั้น ต้องศึกษาให้ดี ปรับ Mindset ให้พร้อม ก่อนจะกระโดดเข้าสู่สนามระดับโลกแห่งนี้นะครับ
สรุปแล้ว ตลาดหุ้นเมกา ตอนนี้ก็ยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตา ด้วยขนาดที่ใหญ่มาก มีบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย และเต็มไปด้วยนวัตกรรม ล่าสุดก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างน่าสนใจ ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผลประกอบการบริษัท รวมถึงปัจจัยเชิงนโยบายบางอย่าง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าตลาดนี้มีความผันผวนสูง มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และมีกฎเกณฑ์ รวมถึงภาระภาษีที่นักลงทุนไทยต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนลงทุน ไม่ว่าจะเลือกช่องทางไหน ทั้งกองทุนรวม DR DRx หรือลงทุนตรงผ่านโบรกเกอร์ไทย สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษา ทำความเข้าใจ และวางแผนการลงทุนให้รอบคอบนะครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนกระโดดเข้าไปเพียงเพราะเห็นมันคึกคัก แต่ต้องมั่นใจว่าเราเข้าใจเกมนี้จริงๆ ครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนใน ตลาดหุ้นเมกา นะครับ!